เมื่อเผชิญหน้ากับหลินชิงเย่อย่างกะทันหัน
สีหน้าของเสิ่นซานและเจียงฉีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นหลินชิงเย่มาก่อน แต่หลังจากที่พวกเขาได้ฟังน้ำเสียงก็สามารถเดาออกได้
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหลินชิงเย่ คนที่ทำให้ตี้จิงและเมืองชิงหยูนโกลาหล และคนที่กำลังสืบหาที่อยู่ของประธานหลิน
“ผมคือเสิ่นซาน คุณเป็นใคร? คุณจะทำอะไร?” เสิ่นซานถามอย่างเย็นชา
ในขณะที่กำลังพูด ก็มีกลุ่มชายหนุ่มใส่ชุดสูทมายืนอยู่ข้างหลังเสิ่นซาน แล้วจ้องเขม็งไปที่หลินชิงเย่
หลินชิงเย่ยิ้มเยาะเย้ย แล้วเหลือบมองเสิ่นซานและพรรคพวกของเขาด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“ผมชื่อหลินชิงเย่ คุณน่าจะเคยได้ยินแล้ว ผมไปที่บริษัทหลายแห่งของคุณในเมืองชิงหยูน เพื่ออยากจะพบคุณ” หลินชิงเย่กล่าวด้วยท่าทางหยอกล้อ
“คุณอย่าหลบผมอีกเลย เกมซ่อนหามันไม่สนุกเลยสักนิดเลย” หลินชิงเย่กล่าวช้า ๆ “ตอนนี้หลินอิ่งอยู่ที่ไหน”
“พวกเราไม่รู้ว่าประธานหลินอยู่ที่ไหน” เจียงฉีกล่าวเคร่งขรึม “คุณต้องการพบประธานหลินด้วยธุระอะไร พวกเราจะหาโอกาสรายงานให้ประธานหลินทราบ”
“อ้อ? ไม่รู้?” หลินชิงเย่มองเจียงฉีอย่างเย็นชา “คุณกำลังพยายามบังคับให้ผมแงะปากของคุณหรือ?”
“คุณชายคนนี้ โปรดระวังกิริยาและคำพูดของคุณด้วย ประธานหลิน ไม่ใช่ใครก็ตามที่อยากพบแล้วจะได้พบ” เสิ่นซานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม มองหลินชิงเย่ด้วยความระมัดระวัง
“ไม่ใช่ใครก็ตามที่อยากพบแล้วจะได้พบหรือ?” หลินชิงเย่กล่าวเยาะเย้ย มองไปที่เสิ่นซานอย่างหยอกล้อ
“คุณคิดว่าหลินอิ่งเก่งเจ้านายของคุณมากนักหรือ? อยู่ต่อหน้าผมแล้วยังกล้าเสแสร้งอีก?”
“ผมไม่มีความอดทนที่จะคุยกับพวกคุณอีกต่อไปแล้ว เต่าหดหัวอย่างหลินอิ่งเจ้านายของคุณ แม้แต่อาณาเขตของตนเองถูกคนอื่นแย่งชิงไปครอบครองมากมายแล้วยังไม่กล้าออกมาตอบโต้อีก”
“คนแบบนี้คู่ควรให้พวกคุณติดตามเขาอยู่อีกหรือ?”
หลินชิงเย่ถามด้วยท่าทางหยอกล้อ
“คุณต้องการจะมาหาเรื่องใช่ไหม?” เสิ่นซานกล่าวอย่างเย็นชา ไม่สามารถทนต่อท่าทางที่หยิ่งผยองของหลินชิงเย่ได้
“ผมมาหาเรื่องแหละ แล้วท่านเสิ่นซานแห่งมณฑลตุงไห่ อยากทำอะไร?” หลินชิงเย่กล่าวหยอกล้อ
เขาไม่เคยเห็นคนธรรมดาอย่างเสิ่นซานอยู่ในสายตา
เบื้องหลังของเขามีตระกูลหลินแห่งลังยาที่ทรงอำนาจอยู่ ซึ่งเจ้าพ่อท้องถิ่นอย่างเสิ่นซานไม่สามารถเทียบได้
“ฮ่า” เสิ่นซานหัวเราะเยาะ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
จากนั้น เขาดีดนิ้ว
หลังจากนั้นมีบอดี้การ์ดร่างกำยำหลายคนเดินลงมาจากรถออฟโรคที่จอดอยู่ข้างหลังเสิ่นซาน
“ทำไม? คุณจะต่อสู้กับผมหรือ?” หลินชิงเย่ยิ้มหยอกล้อ มีความโหดเหี้ยมปรากฏอยู่ในดวงตา
ทันทีที่กล่าวจบ หลินชิงเย่ก็พุ่งออกไปทันที
มีเสียงระเบิดดังสนั่น
หลินชิงเย่ใช้หมัดและเท้าเตะต่อยไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้บอดี้การ์ดร่างกำยำที่ลงมาจากรถนั้นล้มลงกับพื้นทีละคน
และก่อนที่เสิ่นซานและเจียงฉีจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง
ลูกน้องของหลินชิงเย่ก็ได้ลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว จับพวกเขาสองคนไว้แล้วลากขึ้นไปบนรถอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นหลินชิงเย่ก็ขึ้นรถสปอร์ตสีน้ำเงินและขับออกตามหลังรถสีดำไปอย่างรวดเร็ว
จับคน และพาคนขึ้นรถ การกระทำเหล่านี้ค่อนข้างชำนาญเป็นอย่างมาก
แค่สักครู่ เสิ่นซานและเจียงฉีถูกหลินชิงเย่จับตัวไปแล้ว และบอดี้การ์ดที่อยู่รอบตัวพวกเขาถูกทำร้ายจนลงไปนอนคร่ำครวญอยู่บนพื้น
……
ยี่สิบนาทีต่อมา
ภายในอาคารโรงงานร้างในเขตชานเมืองชิงหยูน
เจียงฉีและเสิ่นซานถูกกักขังอยู่ในห้องสองห้องตามลำพัง
ถูกคนหนุ่มหลายคนทรมานเพื่อให้เสิ่นซานยอมบอกที่อยู่ของหลินอิ่ง
หลินชิงเย่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในห้องของเสิ่นซาน จ้องเสิ่นซานด้วยสายตาที่ดุดัน
“หลินอิ่งเดินทางจากตี้จิงมามณฑลตุงไห่ แล้วก็ได้ติดต่อคุณ แล้วคุณยังกล้ากล่าวว่าตนเองไม่รู้ว่าหลินอิ่งอยู่ที่ไหนอีกหรือ?” หลินชิงเย่ถามอย่างเย็นชา
“ผมไม่รู้ว่าคุณหลินอยู่ที่ไหน….” เสิ่นซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ รู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย แต่ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งก้าว
จนถึงตอนนี้เสิ่นซานก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลินอิ่ง
และไม่รู้ว่าหลินชิงเย่ที่อยู่ตรงหน้าตามหาหลินอิ่งเพราะเหตุใด
เขารู้เพียงว่า จะต้องเกิดเรื่องใหญ่กับประธานหลิน และถูกคนอื่นวางแผนทำร้าย
เสิ่นซานเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคน ประธานหลินเป็นคนที่มีบุญคุณต่อเขา และเขาจะไม่ทรยศประธานหลินเด็ดขาด
“ฮ่า คุณเป็นคนที่ปากแข็ง แม้ว่าตนเองต้องตาย ก็จะเก็บความลับให้หลินอิ่งหรือ?” หลินชิงเย่ถามอย่างเย็นชา ดวงตาที่เคร่งขรึมนั้นดุดันและน่ากลัวเป็นอย่างมาก
มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเสิ่นซาน สีหนาของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่ตอบอะไร
“ถ้าไม่พูด ก็ทุบตีจนกว่าเขาจะพูดออกมา!”
หลินชิงเย่กล่าวด้วยความโมโห โบกมือให้คำสั่ง แล้วเดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
“คนแซ่เจียงยอมบอกหรือยัง? ยังไม่ยอมบอกที่อยู่ของหลินอิ่งเช่นกัน?” หลังจากเดินออกจากห้อง หลินชิงเย่มองผู้ติดตามหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างอย่างเย็นชา และถามด้วยความน่าเกรงขาม
“คุณชายเก้า คนคนนี้ก็ไม่ยอมบอก ผมใช้เครื่องมือทรมานแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปริปากพูด” ผู้ติดตามหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“อ้อ ถ้ารู้แต่แรกผมก็จะได้พาผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมานจากตระกูลมาด้วย ไม่คิดว่าลูกน้องของหลินอิ่งที่มีความสามารถไม่มาก แต่มีความจงรักภักดี” หลินชิงเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาจึงถามต่อไปว่า “คุณได้ตรวจสอบที่อยู่ล่าสุดของชายสองคนนี้แล้วหรือยัง? ช่วงนี้พวกเขาสองคนไปที่ไหนมาบ้าง?”
“คุณชายเก้า ผมใช้ความสัมพันธ์ไปตรวจสอบที่สำนักงานหวู่อันมาแล้ว ช่วงก่อนคนสองคนนี้ออกจากเมืองชิงหยูน และกลับมาเมื่อสองวันก่อน ตรวจพบรถของพวกเขาไปมาบนทางหลวงจากกล้องวงจรปิด” ผู้ติดตามหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “หลินอิ่งก็อยู่ในรถ”
“อ้อ พวกเขาเคยเดินทางไปกับหลินอิ่ง?” หลินชิงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ “แล้วพวกคุณไปตรวจสอบที่บ้านภรรยาของหลินอิ่งในมณฑลตุงไห่แล้วหรือยัง?”
“เรียนคุณชายเก้า ไปตรวจสอบมาแล้ว ครอบครัวภรรยาของหลินอิ่งออกจากเมืองชิงหยูนหนึ่งเดือนกว่าแล้ว เห็นว่าพวกเขาออกไปท่องเที่ยว”
หลินชิงเย่หรี่ตาและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ผมละเลยประเด็นนี้ไป ที่หลินอิ่งกลับไปที่มณฑลตุงไห่นั้นก็เพื่อไปหาภรรยา ถ้าเขาไม่อยู่ที่เมืองชิงหยูน งั้นเขาต้องไปหาภรรยาที่มณฑลตุงไห่แน่นอน”
หลินชิงเย่นึกอะไรบางอย่างได้อย่างกะทันหัน แล้วดวงตาก็เปล่งประกายความชั่วร้าย
หลังจากนั้นหลินชิงเย่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออก
“ที่ผมให้คุณตรวจสอบสถานที่ที่ภรรยาของหลินอิ่งไปนั้น คุณตรวจพบหรือยัง?” หลินชิงเย่ถาม
“เรียนคุณชายเก้า ผมได้พบเส้นทางการเดินทางส่วนตัวของจางฉีโม่ภรรยาของหลินอิ่งแล้ว เธอซื้อตั๋วรถไปอำเภอเจียงเยว่เมื่อเดือนที่แล้ว จากการตรวจสอบ เป็นบ้านที่อยู่อาศัยของแม่ยายหลินอิ่ง” เสียงที่นอบน้อมดังออกมาจากโทรศัพท์
“ปะติดปะต่อได้แล้ว ไม่ผิดแน่นอน” หลินชิงเย่วางสายโทรศัพท์ รอยยิ้มเคร่งขรึมปรากฏขึ้นที่มุมปาก “ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว ให้ทุกคนรวมตัวและออกเดินทางไปยังอำเภอเจียงเยว่ทันที”
“หลินอิ่งอยู่อำเภอเจียงเยว่แน่นอน คราวนี้ผมจะคอยดูว่าเขาจะสามารถไปหลบซ่อนตัวที่ไหนได้อีก”
“ครับ!”