ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 688 คืนก่อนวันพายุโหมกระหน่ำ

บทที่ 688 คืนก่อนวันพายุโหมกระหน่ำ

ภูเขาฉางชิงในตอนกลางคืน ภายใต้แสงจันทร์จางๆ ดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ

ภูเขาสูงตระหง่าน อาคารหลินซื่อตั้งอยู่สูงสุดบนภูเขา บนดาดฟ้ามีความงดงามส่องมาจากทั่วทุกสารทิศยิ่งกว่า

แวบแรกที่มอง มันคือภาพที่ทำเลดีภาพหนึ่ง

เพียงใกล้ๆ ตัวอาคาร มีผู้คนเคลื่อนไหวอยู่หนาแน่น คุมเข้มแน่นหนา เป็นภาพที่น่าหดหู่

ขณะนี้เป็นเวลาตีสี่ตีห้าแล้ว

ภายในห้องประชุมในตัวอาคาร นิ่งซวนและหยูจื๋อเฉิงเดินไปเดินมาตรงโถงทางเดินอย่างร้อนรน ในมือถือโทรศัพท์โทรติดต่อใครบางคนด้วยความตึงเครียด

เย่เฮยกับหวงชิงซานนั่งหลับตาบนเก้าอี้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนก็ไม่ได้สงบเท่าไหร่

คืนนี้พวกเขาไม่อาจนอนได้อย่างปลอดภัย

เมื่อโทรออกไปหลายสายเสร็จ นิ่งซวนกับหยูจื๋อเฉิงก็กลับมาในห้องประชุมด้วยสีหน้าจริงจัง แยกกันนั่งลง นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา บรรยากาศก็ค่อนข้างอึมครึม

“คุณนิ่ง ลูกพี่หยู เป็นไงบ้าง?”หวงชิงซานหรี่ตาถามอย่างจริงจัง

“เห้อ ทางด้านมณฑลตุงไห่ เสิ่นซานกับเจียงฉีผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านอิ่งไม่รับสาย……”หยูจื๋อเฉิงถอนหายใจ พูดอย่างจริงจัง

นิ่งซวนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น:”เมื่อครู่ผมเพิ่งติดต่อคุณท่านตระกูลผม ถามว่าคิดเห็นยังไง กับอำนาจกองกำลังลึกลับของตระกูลนิ่ง”

“สถานการณ์ค่อนข้างไม่น่าพอใจ เรื่องนี้ไม่มีใครเต็มใจช่วย”

“ตระกูลหลินแห่งลังยามีบารมีแวดวงลึกลับมาก ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับพวกเขา”

นิ่งซวนถอนหายใจ แล้วพูดต่อ

“นอกจากนี้ คำตอบจากทางด้านตระกูลจ้าวและตระกูลกงซุน ก็ระมัดระวังรอบคอบเป็นอย่างมาก เหมือนไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“เหอะ!”หยูจื๋อเฉิงถอนหายใจ สีหน้าไม่พอใจมาก”ตอนท่านอิ่งยังอยู่ตี้จิง ตระกูลชั้นสูงอย่างตระกูลจ้าว และตระกูลกงซุนนี่คอยเอาอกเอาใจกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่พอเป็นเรื่องที่ใกล้ประเด็นท่านอิ่งพวกเขากลับไม่เกี่ยว”

“ตอนนี้เกิดปัญหากับธุรกิจของท่านอิ่ง ให้พวกเขาออกมาทำอะไรหน่อยก็อ้างนู่นอ้างนี้เห็นใครเป็นใหญ่ก็ประจบ แต่พอตกอับก็ตีตัวออกห่างจริงๆ !”

หยูจื๋อเฉิงไม่พอใจสัมพันธมิตรของตระกูลจ้าวและตระกูลกงซุน

ตั้งแต่หลินสวนถูมาตี้จิง บริษัทของท่านอิ่งเกิดเรื่อง สองตระกูลชั้นสูงนั่นก็หลบไปห่างๆ เลย ไม่คิดที่จะช่วยเหลือแม้แต่น้อย

ไม่เห็นเหมือนตอนท่านอิ่งอยู่ ล้วนทำทุกวิถีทางประจบประแจงท่านอิ่ง

เวลาจะกินเนื้อก็ยื่นมือกันออกมาทั้งนั้น แต่ถึงเวลาเฉือนก็หายกันไปหมด!

“เห้อ”นิ่งซวนถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน”ลูกพี่หยู เรื่องนี้จะโทษตระกูลจ้าวกับตระกูลกงซุนก็ไม่ได้”

“เพราะพวกเราไม่ได้มีอำนาจเท่าประธานหลิน ประธานหลินไม่อยู่ มีแค่เราสองคนชักนำพวกเขาไม่ได้”

“หากประธานหลินอยู่ตี้จิง ตระกูลจ้าวกับตระกูลกงซุนต้องสนับสนุนสุดกำลังแน่นอน”

ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนที่นั่งอยู่พากันก้มหน้า เห็นด้วยในใจ

ใช่ หากหลินอิ่งอยู่ตี้จิง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปติดต่อขอความช่วยเหลือแบบนี้หรอก

แค่ท่านอิ่งพูดออกมา ทุกคนในตี้จิงล้วนวิ่งกรูกันเข้ามาอย่างไม่เสียดายอะไรทั้งนั้น

นี่คือความแตกต่างของอำนาจ

แม้พวกเขาเป็นลูกน้องคนสำคัญของท่านอิ่ง แต่ก็ยังไม่มีความสามารถถึงระดับท่านอิ่ง

“ประธานนิ่ง ทางด้านพ่อบ้านกู่แห่งมณฑลตุงไห่โทรกลับมาแล้ว!”

ขณะนั้นเอง ด้านนอกห้องประชุม มีชายหนุ่มชุดสูทเดินเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบ

“ว่าไงนะ?กู่ชางไห่ตอบกลับมาแล้ว?”นิ่งซวนได้สติขึ้นมาทันที มองไปยังเลขาธุรกิจที่เดินเข้ามา

“ใช่ครับ พ่อบ้านกู่ตอบกลับมาว่าเขากับคุณชายอิ่งอยู่ด้วยกัน กำลังเดินทางกลับตี้จิง”

“เจอประธานหลินแล้ว?”

“ท่านอิ่งกลับมาแล้ว?”

ทันทีที่เลขาธุรกิจพูดออกมา ทุกคนก็มีท่าที่ตกตะลึง สีหน้าหวาดกลัวก็มีแสงสว่างจ้าออกมา จิตวิญญาณกลับมาแล้ว

ใช่ เมื่อได้ยินว่าหลินอิ่งกลับมา สำหรับพวกเขาเหมือนได้กินยาสงบอารมณ์

หลินอิ่งเป็นสำหลักสำคัญ เป็นจิตวิญญาณ

“งะงั้นประธานหลินบอกอะไรไว้ไหม?”นิ่งซวนถามด้วยความตื่นเต้น

“พ่อบ้านกู่ตอบกลับมาสั้นมาก ไม่ได้พูดอะไรมาก บอกแค่ว่าไม่สะดวกรับสาย เมื่อถึงตี้จิงแล้วค่อยคุยกันอย่างละเอียด”เลขาธุรกิจพูดอย่างจริงจัง

“โอเคๆ ๆ !”

นิ่งซวนกำลังตื่นเต้น พูดทีหนึ่งสามคำติด

“ลูกพี่หยู ท่านปู่หวง ทุกท่าน”นิ่งซวนพูดอย่างจริงจัง”ได้ข่าวจากประธานหลินแล้วกำลังเดินทางกลับตี้จิง พวกเรารีบวางแผนให้เรียบร้อยดีไหม”

“ท่านอิ่งกลับมาแล้ว ทั้งหมดล้วนจัดการได้ง่ายแล้วล่ะ”หยูจื๋อเฉิงพยักหน้าพลางพูด

เย่เฮยค่อยๆ พูดขึ้น:”คุณนิ่งซวน คุณแสร้งคล้อยตามหลินสวนถูไปก่อน ให้เขาตายใจแล้วก้เตรียมตัวต้อนรับการกลับมาของประธานหลิน”

“ช่วงเวลาสำคัญในวันพรุ่งนี้ ผมจะลงมือขัดขวางหลินสวนถูพร้อมท่านปู่หวง”

“ส่วนคุณ รีบไปติดต่อประธานหลิน บอกสถานการณ์ทั้งหมดในตี้จิงให้เขาฟังอย่างละเอียด ให้ประธานหลินเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ของตี้จิงดก่อนจะกลับมา”

หลังจากเย่เฮยอธิบายอย่างเป็นระเบียบ นิ่งซวนที่ฟังอยู่ก็พยังหน้าตลอด

“โอเค ผมไปจัดการเดี๋ยวนี้”นิ่งซวนพูดอย่างจริงจัง

ประธานหลินไปมณฑลตุงไห่ขาดการติดต่อตั้งนาน ตอนนี้กลับมาแล้ว สำหรับพวกเขาถือเป็นข่าวดีมากๆ

……

ในขณะเดียวกัน

เวลาเช้าตรู่

ในสวนลานบ้านตระกูลกงซุนแห่งตี้จิง

กงซุนฉงหลง คุณท่านตระกูลกงซุนนั่งตำแหน่งหัวหน้า ที่นั่งถัดไปคือกงซุนเฟยหงและกงซุนเฟยเทียนที่เป็นแกนนำ

บุคคลผุ้มีอำนาจของตระกูลกงซุนรวมตัวกัน

“ช่วงนี้ตี้จิงมีการเปลี่ยนแปลง พวกคุณได้ยินมาบ้างไหม?”กงซุนฉงหลงจิบชา แล้วถามขึ้น

“ได้ยินมาแล้ว เหมือนหลินอิ่งจะถูกคว่ำแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตระกูลลึกลับอย่างตระกูลหลินนั่นมีความเป็นมายังไง ถึงได้มีอำนาจและความสามารถขนาดนี้”กงซุนเฟยเทียนพูดเหมือนคิดอะไรอยู่

“พ่อครับ ลูกน้องของหลินอิ่งติดต่อผมมา หวังว่าตระกูลกงซุนของเรา จะให้การสนับสนุนโครงการที่เมืองเทคโนโลยีเทียนหลง”กงซุนเฟยหงพูดอย่างจริงจัง

“สถานการณ์แบบนี้ พวกเรายังสนับสนุนหลินอิ่งไปทำไม?หลินอิ่งหายตัวไปแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง”กงซุนเฟยเทียนรีบพูดขึ้น”พ่อไม่ได้ยินที่หลินสวนถูนั่นพูดเหรอ เขาเป็นลุงของหลินอิ่ง เบื้องหลังผู้ถืออำนาจตระกูลใหญ่ของหลินอิ่ง มีความสำคัญกว่าหลินอิ่งมาก”

“พรุ่งนี้เป็นการประชุมส่งมอบโครงการเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะจับลูกน้องของหลินอิ่งทุกคนไปแขวนคอ เหยียบหน้าหลินอิ่งขึ้นรับตำแหน่งอย่างเปิดเผย!”กงซุนเฟยเทียนพูดเสียงเย็นชา”ถ้าตอนนี้ช่วยหลินอิ่ง นั่นไม่เท่ากับเป็นความซวยของตัวเองเหรอ?”

“เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องโต้เถียงเรื่องนี้ พรุ่งนี้แกไปร่วมงานประชุมที่อาคารเทียนหลงกับฉัน ดูซิว่าหลินสวนถูนั่นมีภูมิหลังยังไง”กงซุนฉงหลงพูดตัดสินใจเสียงขรึม

ส่วนกงซุนชิวอวี่ที่นั่งอยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม เหมือนกำลังเป็นห่วงหลินอิ่ง

เพราะจู่ๆ หลินสวนถูก็มาโผล่ที่ตี้จิง ทำเอาตี้จิงวุ่นวายไปหมด

หลินสวนถูมีลูกไม้ที่นึกไม่ถึงมากมาย และยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถปราบโลกธรรมได้

ชื่อเสียงของคนผู้นี้ เป็นที่สนใจในตี้จิงเป็นอย่างมาก

ในตี้จิงใครๆ ก็รู้ว่านี่เป็นคนโหดเหี้ยม ที่ต้องการเหยียบศพคุณชายอิ่งผู้น่าเกรงขามแห่งตี้จิง

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท