ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 693 คุณมาหาผมเหรอครับ?

บทที่ 693 คุณมาหาผมเหรอครับ?

ก่อนหน้านี้ข่าวลือแพร่สะพัดในตี้จิงว่าคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงสิ้นอำนาจ ถูกตระกูลหลินที่เป็นที่พึ่งพิงทอดทิ้ง สูญสิ้นทุกอย่าง

ทั้งยังบอกอีกว่าหลินสวนถูเป็นปู่ของหลินอิ่ง ครั้งนี้ก็มาเพื่อลงโทษหลินอิ่ง

กระทั่งคนส่วนมากยังคิดว่าหากการประชุมอาคารเทียนหลงเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะแต่งตั้งให้หลินสวนถูเข้าดำรงตำแหน่งแทนที่คุณชายหลิน

ร่ำลือว่าคุณชายหลินไม่อาจลุกขึ้นสู้ได้อีก

แต่ผลล่ะ?

การประชุมวันนี้ยังไม่ทันเริ่ม หลินสวนถูก็ตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว ถูกพันธมิตรด้านนอกของหลินอิ่งบีบบังคับจนดูไม่ได้

แถมยังไม่เห็นหลินสวนถูทำอะไรหลินอิ่งได้เลย

นี่ทำให้คนในตี้จิงที่ดูหมิ่นและรอดูการขายหน้าของหลินอิ่ง ต่างถูกซัดเข้าอย่างจัง

“พี่สวนถู เห็นแล้วละสิ ว่าพฤติกรรมของพี่ในตี้จิงไม่ใช่แค่ตระกูลฉู่ของผมจะไม่ชอบ แม้แต่คนต่างชาติก็ยังไม่ชอบเลย” ฉู่หยุนซานยิ้มเยาะ พูดเสียดสี

“ในเมื่อคุณบอกว่าเป็นเรื่องในตระกูลหลิน ก็น่าจะรอหลินอิ่งกลับมาแล้วค่อยหารือจัดการสิ แต่คุณกลับฉวยตอนที่เขาไม่อยู่ทำเรื่องมากมาย แล้วยังจะยึดธุรกิจทั้งหมดของหลินอิ่งอีก”

“ลุกเสียม้าเหรอ? หรือว่าคุณไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลินอิ่ง ก็เลยได้แต่ลงมือตอนที่เขาไม่อยู่?”

“ฉู่หยุนซาน อย่าคิดว่าจะพูดเพ้อเจ้อได้นะ!” หลินสวนถูหน้าแดงก่ำ พูดเสียงเหี้ยม

“น่าขันสิ้นดี! ฉันต้องรอให้หลินอิ่งไม่อยู่ถึงลงมือ?”

“ถึงมันอยู่ตรงนี้ แต่มันกล้าหือกับฉันที่เป็นผู้อาวุโสเหรอ? ถ้าฉันต้องการให้มันส่งมอบธุรกิจในตี้จิง มันกล้าขัดเหรอ?”

“ฉู่หยุนซาน ดูให้ดีนะ ตอนนี้หลินอิ่งกลัวความผิด กลัวการลงโทษของตระกูลหนีไปหลบซ่อนตัวแล้ว!”

หลินสวนถูพูดด้วยความน่าเกรงขามเต็มเปี่ยม หนักหน่วงทุกถ้อยคำ

“เหรอ? ไม่ทราบผมมีความผิดอะไรเหรอครับ? แล้วทำไมต้องหลบหนีด้วย?”

ทันใดนั้นก็มีเสียงไม่ยินดียินร้ายของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาอย่าง

ทุกคนที่มุงดูต่างหลีกช่องทางให้เขา

ชายหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ และหญิงสาวแววตาเป็นประกาย มีท่วงท่าสง่าเหนือผู้คนค่อยๆ เดินออกมาช้าๆ

เธอเป็นดั่งเด็กสาวบริสุทธิ์ที่น่าอิจฉา

ด้านข้างสองคนนั้นยังมีชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคอจีนด้วยอีกคน

พวกเขาเพิ่งเดินลงจากรถยนต์สีดำคันหนึ่ง ตอนแรกยังไม่เป็นที่สังเกต กระทั่งชายหนุ่มได้เอ่ยคำพูดที่สะเทือนเลือนลั่นออกมา จึงดึงดูดสายตาทุกคู่ให้หันมามอง

“หละ หลินอิ่ง?”

“นี่ก็คือคุณชายอิ่ง?”

“คุณชายอิ่งกลับมาแล้ว?!”

ทันใดนั้นฝูงชนที่มุงดูก็ส่งเสียงตกตะลึงและระทึกใจเป็นการใหญ่

พวกเขาจำได้

ถูกต้อง! หลินอิ่งกลับมาแล้ว

คุณชายอิ่งผู้เป็นอดีตราชันย์ ครองตำแหน่งปกครองแห่งตี้จิงได้กลับมาแล้ว!

รูปแบบการกลับมาช่างเรียบง่ายและธรรมดามาก

แต่ผลลัพธ์ที่ตามมากลับสนั่นหวั่นไหวชวนให้ระทึก

ทันใดนั้น ทุกคนในที่นั้นก็มีสีหน้าสับสนงงงวยไปหมด

ช่วงเวลาที่คุณชายอิ่งหายตัวไป ตี้จิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดกลับตาลปัตร การมาของหลินสวนถูทำลายทุกสิ่ง

ธุรกิจทั้งหมดในตี้จิงของคุณชายอิ่งถูกชำระบัญชีเรียบร้อยหมดแล้ว

แม้แต่โปรเจคเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงสุดท้ายนี้ก็ถูกเฉือนออกไปเรียบร้อยในวันนี้

จากสภาพการณ์ หลินอิ่งถูกบีบจนจนมุมแล้ว

แต่…หากดูท่าทางเป็นธรรมชาติของหลินอิ่งในตอนนี้แล้ว กลับมองไม่เห็นเค้าเงื่อนอะไรเลย

ราวกับ…การสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไม่ส่งผลถึงจิตใจเขาเลยแม้แต่น้อย

“แก หลินอิ่ง?”

หลินสวนถูตะลึงค้าง จากนั้นก็จ้องเขาตาไม่กะพริบ สำรวจมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับอยากมองคนผู้นี้ให้ทะลุปรุโปร่ง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับหลินอิ่ง

หลินอิ่งแต่งตัวเรียบง่าย หน้าตาหมดจด แววตาล้ำลึก ราวกับคนรักสงบ สบายๆ

แต่เมื่อเขายืนอยู่ตรงนั้นกลับมีความน่าเกรงขามสยบผู้คนไปทั่ว และนั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเอง…

“คุณชายอิ่ง คุณกลับมาแล้วเหรอครับ ช่วงนี้ตี้จิงเกิดเรื่องเยอะแยะ…” จ้าวเฉิงเฉียนทักทายด้วยรอยยิ้ม ทว่าในใจกลับมีคลื่นลมซัดโหม

การปรากฏตัวของหลินอิ่งในตอนนี้เป็นเรื่องเหนือคาดของทุกคน

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าช่วงนี้หลินอิ่งไปทำอะไร

และไม่มีใครรู้ว่าหลินอิ่งกลับมาจากที่ไหน

ตอนนี้ฉู่หยุนซาน จ้าวเฉิงเฉียน และคุณชายโหมต่างจ้องมองสำรวจเขา

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้รู้จักกับหลินอิ่งแล้ว

แต่จู่ๆ พวกเขากลับรู้สึกว่าหลินอิ่งมีบุคลิกบางอย่างที่บอกไม่ถูกเพิ่มขึ้นมา เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งขึ้น!

นี่เป็นความคิดของทั้งสามที่เกิดขึ้นหลังจากสำรวจแล้ว

หลินอิ่งยิ้มบาง สายตากวาดมองพวกจ้าวเฉิงเฉียนแล้วก้มหน้าเล็กน้อยพอพิธี

การแสดงออกของพวกเขา หลินอิ่งล้วนเห็นอยู่กับตา

เบื้องหลังพวกเขานั้นแบ่งออกเป็นเจ้าสำนักหยางแห่งแก๊งหยางเหมิน ท่านเอิร์ลแห่งตะวันตกและฉู่จี้ชังแห่งเตียนหนาน

นี่เป็นความประสงค์ของผู้มีอำนาจสูงในตระกูลใหญ่ทั้งสาม

ทั้งสามคนนั้น มากน้อยก็รู้ความระดับของตัวเอง

แม้เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ แต่หลินอิ่งก็ไม่รู้สึกประหลาดใจ

“คุณก็คือหลินสวนถู? คุณมาหาผมเหรอครับ?” หลินอิ่งเหลือบตามองหลินสวนถู พูดราบเรียบ “ผมก็อยู่ตรงหน้าคุณนี่แล้ว มีอะไรก็ว่ามาเถอะ”

ทันใดนั้นสายตาทุกคนก็มองไปทางหลินสวนถู

แรงกดดันตกอยู่กับเขาทั้งหมด

ท่าทางพูดง่ายของหลินอิ่งทำให้หลินสวนถูหวั่นไหวเล็กน้อย อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าก่อนหน้านี้เขาทำผิดครั้งใหญ่ไป…เขาประเมินหลินอิ่งต่ำเกินไป!

ความมั่นใจและใจเย็นของหลินอิ่งนั้นมาจากพลังดวงจิต

หรืออาจพูดได้ว่าเขาไม่เห็นปู่เจ็ดแห่งตระกูลหลินผู้นี้อยู่ในสายตาเลย

ตัวหลินอิ่งเอง มองไม่ออกถึงสิ่งใด กระทั่งดูไม่เหมือนคนในสายบูโดด้วย

นี่มันหมายความว่าอะไร? หมายความว่าสายตาของหลินสวนถูไม่อาจตัดสินระดับบูโดของหลินอิ่งได้เลย

“หลินอิ่ง แกกล้านักนะ! ยังกล้ากลับตี้จิงมาอีก!” หลินสวนถูบันดาลโทสะ

“ฉันจะถามแก ทำไมแกถึงทำลายบูโดของหลินหวูเว่ยสองคนนั้น? ทำไมถึงต่อต้านคำสั่งของแม่เฒ่า? หรือคิดว่าปีกกล้าขาแข็งแล้ว?”

หลินอิ่งยิ้มเย็นที่มุมปาก

“ที่ผมทำลายบูโดพวกเขาก็เพราะจะให้พวกเขาจำเอาไว้”

“พวกเขาไม่ได้กลับไปบอกตระกูลหลินเหรอครับ ว่าผมหลินอิ่งมีท่าทียังไง?”

“แกมันบ้าจริงด้วย! ขนาดผู้ใหญ่ในตระกูลก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา!” หลินสวนถูเชอะเสียงเย็น “วันนี้ไม่สั่งสอนแก แกคงไม่รู้จักกฎระเบียบแล้ว!”

“ทางที่ดีแกก็โค้งคำนับต่อหน้าทุกคน สำนึกความผิดที่แล้วมาของตัวเองซะ ประกาศว่าเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงจะยอมทำตามคำสั่งตระกูลหลินทุกอย่าง ไม่อย่างนั้น…”

“ไม่อย่างนั้นจะทำไมครับ? อย่าว่าแต่ทำลายบูโดพวกเขาเลย ต่อให้ผมทำลายบูโดของคุณแล้วจะทำไม?” หลินอิ่งพูดเรียบ

ว่าแล้วเขาก็มองทางหลินสวนถู แฝงจิตสังหารจำนวนมากในถ้อยคำนั้น

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท