เมื่อเห็นท่าทางหลินอิ่งยังนิ่งและยอมรับได้อย่างนี้แล้ว ฉินเหิงเยว่ก็ตะลึงเล็กน้อย
เป็นที่รู้กันว่าหลินอิ่งสังหารศิษย์ของตู้เฉินเฟิงที่รักเหมือนพ่อลูกแท้ๆ ตอนนี้ต้องไปเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เคยขึ้นถึงรายการแห่งฟ้า แต่กลับไม่แคร์อะไรเลย
หรือว่า…คุณชายหลินอิ่งไม่รู้สึกกดดันกับการไปพบศัตรูที่มีกำลังแข็งแกร่งเลย?
ถึงจะบอกว่าท่านเฉินเฟิงไม่กล้าทำอะไรหลินอิ่ง แค่สั่งสอนระบายอารมณ์เท่านั้น แต่นั่นก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บอะไรบ้าง
“คุณชายหลินอิ่งต้องระวังนะครับ ถึงท่านเฉินเฟิงจะไม่กล้าทำอะไรคุณชายจริงๆ แต่ก็คงไม่พ้นต้องลงมือสั่งสอนบ้าง ยั่วโมโหเขารังแต่จะเป็นภัยกับคุณชายเอง” ฉินเหิงเยว่เตือนด้วยความหวังดี
ถึงอย่างไรหลินอิ่งก็ยังเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน หากทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าตู้เฉินเฟิงจนอีกฝ่ายลงมือหนักขึ้นมา หลินอิ่งคงต้องนอนพักฟื้นสองสามเดือนแน่
“เฮอะ” หลินอิ่งหัวเราะ ไม่พูดมาก
เขาเดาออกได้ว่าแม่เฒ่าทำแบบนี้เพื่ออะไร
ประสงค์ของแม่เฒ่า ก็คงไม่พ้นส่งเขาเข้าไปให้ตาแก่เฉินเฟิงนั่นอัดสักยก
แบบนี้จะได้ปิดปากตู้เฉินเฟิง
พอตนไปห้องโถงใหญ่ตระกูลหลินด้วยบาดแผลเต็มตัว แม่เฒ่าจะได้ช่วยเขาไกล่เกลี่ยเรื่องที่ฆ่าหลินเซี่ยวตาย
หากมองจากจุดนี้ หลินอิ่งก็รู้สึกดีกับแม่เฒ่าท่านนั้นอยู่หน่อยหนึ่ง
“คุณชายหลินอิ่ง ตามผมมาเถอะครับ”
ฉินเหิงเยว่พูดจริงจัง
“ฉีโม่ คุณพักอยู่ที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”
หลินอิ่งบอกกล่าวกับจางฉีโม่ และจางฉีโม่ก็พยักหน้ารับคำแต่โดยดี
จากนั้นทั้งสองก็เดินไปทางคฤหาสน์หยกขาวที่อยู่ไกล
ฉินเหิงเยว่รออยู่ด้านนอก หลินอิ่งเดินขึ้นบันไดตามลำพัง เข้าสู่ด้านใน
เฮ้อ!
วินาทีที่หลินอิ่งย่างเท้าเข้าข้างในก็มีลมเย็นวูบพัดเข้ามาทันที
เกิดลมไร้สาเหตุ จิตสังหารแรงกล้า
จิตสังหารที่เปี่ยมล้นระเบิดออกจากด้านใน ทำให้ผู้ที่ย่างเท้าเข้าไปรู้สึกขนลุกซู่ในทันที
แขนเสื้อหลินอิ่งโบกสะบัด ทุกย่างเท้าที่ก้าวเข้าไปล้วนมีพลังสกัด ทำให้เขาเดินต่อลำบาก
นี่คือจิตกระบี่!
ยอดฝีมือที่อยู่ข้างในส่งจิตกระบี่มา แสดงกำลังแข็งกร้าวให้เห็น
นี่เป็นระดับบูโดที่มีแต่ยอดฝีมือรายการแห่งฟ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง
รายการแห่งฟ้าเป็นระดับที่ก้าวกระโดด เมื่อฝึกถึงขั้นนี้แล้วมักมีการเปลี่ยนแปลงราวกับเกิดใหม่ หลุดพ้นจากความเป็นปุถุชน มีขั้นตอนต่างๆ ที่คาดไม่ถึง
รับรู้ถึงจิตกระบี่อันเย็นเฉียบ หลินอิ่งยิ้มที่มุมปาก มองไปด้วยสายตาเย็นชา
ภายในนั้นมีชายแก่ผมยาวคลุมหลัง สวมชุดนักพรตนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะและหันหลังอยู่
ด้านข้างของเขามีฝักกระบี่สีโอ๊คแดงลายเส้นเลือดอยู่เล่มหนึ่ง
ภายนอกฝักกระบี่มีกลิ่นอายอันตรายอย่างยิ่งยวด ราวกับเก็บซ่อนยอดกระบี่แห่งยุค
จิตกระบี่ที่กดขี่จิตใจมนุษย์นั้นแผ่ซ่านออกมาจากฝักกระบี่เล่มนี้นั่นเอง
อายกระบี่และลมเย็นที่คละคลุ้งอยู่ในนี้ก็มาจากมันด้วย
ชายแก่ที่สวมชุดนักพรตก็คือตู้เฉินเฟิงนั่นเอง อดีตปรมาจารย์แห่งยุคที่เคยนั่งสิบสองเก้าอี้ในรายการแห่งฟ้ามาก่อน
ตู้เฉินเฟิงเป็นบุคคลที่ชื่อก้องในแวดวงลึกลับ สมัยหนุ่มแทบกวาดล้างตะวันตกเฉียงเหนือประเทศหลุงเพียงกระบี่เฉินเฟิงเล่มเดียว
และที่ทำให้เล่าลือกันให้ทั่ว ก็คือเขาไม่มีสำนัก ก่อตั้งหุบเขาเฉินเฟิง ฝึกบูโดด้านกระบี่เป็นของตัวเอง
แต่แค่ไม่กี่ปีกำลังบูโดของตู้เฉินเฟิงก็มีอันร่วงตกลงไป ประกาศลาออกจากรายการแห่งฟ้าด้วยตนเอง
“ตู้เฉินเฟิง วางมาดจริงนะ”
หลินอิ่งหัวเราะเย็น เอามือไพล่หลังยืนอยู่กับที่ มองแผ่นหลังอีกฝ่าย
“แกก็คือหลินอิ่ง? ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกกล้าดียังไงมาก่อเรื่องต่อหน้าปรมาจารย์อย่างฉัน?”
“แกฆ่าศิษย์ของฉัน ฉันจะไม่รังแกแกหรอก วันนี้จะทิ่มแกครั้งเดียว กลับไปแล้วก็สำนึกผิดด้วยล่ะ!”
ตู้เฉินเฟิงยังคงไม่หันหน้ามา หันหลังพูดเสียงหนักกับหลินอิ่ง
การหันหลังให้ศัตรูนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาดของชาวบูโด และเป็นการดูถูกอีกฝ่ายด้วย!
ตู้เฉินเฟิงวางมาดเป็นปรมาจารย์เสียเต็มประดา
พึบ!
ทันใดนั้นตู้เฉินเฟิงก็วาดแขนออกไป
เสียงดังสนั่นกึกก้อง
ฝักกระบี่ที่อยู่ด้านข้างเขาเผยคมมีดออกทันใด แสงวิบวับปรากฏออกมาต้องตาจนแสบ ส่องสว่างไปทั่วทันที
แสงกระบี่อันเฉียบคมเข้ามาจากทุกสารทิศ
เชี้ยงๆๆ!
โต๊ะเก้าอี้ภายในนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ในเสี้ยววินาที ประกายไฟกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น ราวกับมีดาบกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังฉีกอากาศออก อาละวาดอยู่เต็มไปหมด
อายกระบี่อันเย็นเฉียบที่ระเบิดออกในเสี้ยววินาที กลับดุดันถึงเพียงนี้!
หลินอิ่งยังอยู่ที่เดิม รู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรง
เมื่อนั้นเงากระบี่เย็นยะเยือกกลางอากาศที่ราวกับสายฟ้าพิฆาต เร็วดุจไร้เงา ทิ่มเข้าจุดตันเถียนตรงท้องหลินอิ่ง!
กระบี่นี้แสดงให้เห็นถึงอานุภาพอันร้ายกาจ!
ฉึก!
หลินอิ่งเอามือคลำอากาศ พร้อมกันนั้นชี่กังอันร้ายกาจของเขาก็พุ่งออกมา ปะทะกระบี่เฉินเฟิงที่พุ่งเข้ามาจนผงะ เกิดเป็นเสียงแกล๊ง
“หือ?”
ตู้เฉินเฟิงส่งเสียงฉงนใจ รู้สึกได้ว่าหลินอิ่งสกัดการแทงนี้ได้
เป็นไปได้อย่างไร?!
กระบี่นี้มีกำลังภายในเพียงพอ จิตสังหารก็เปี่ยมล้น นอกจากรายการแห่งฟ้าแล้วก็ไม่มีใครสกัดได้!
“ตู้เฉินเฟิง ช่างกล้าจริงนะ! จะลงมือก็ไม่ดูเสียก่อนว่าเป็นใคร!”
หลินอิ่งมองตู้เฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงยะเยือก
เมื่อได้ยินดังนั้นตู้เฉินเฟิงก็แผ่จิตสังหารที่น่าตกใจออกมาจากตัว
หน้านิ่งดุจน้ำลึก ดวงตาดุดัน
เดิมทีตู้เฉินเฟิงได้แอบหารือกับหลินเสวียนหมิงไว้เรียบร้อยแล้ว คิดจะทำลายบูโดของหลินอิ่งด้วยกระบี่เดียว แต่คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะรับไว้ได้
ด้วยความที่เขามีฐานะเป็นอาวุโสผู้มีคุณธรรม จึงไม่อาจต่อสู้เข่นฆ่าหลินอิ่งได้จริง
แต่ตอนนี้หลินอิ่งกลับโอหังนัก สังหารลูกศิษย์ของเขา แล้วยังด่าทอเขาต่อหน้าอีก ไร้เหตุผลสิ้นดี!
“โอหัง! เดิมทีฉันแค่คิดจะแทงแกแค่ครั้งเดียว ให้แกรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่แกกลับเหิมเกริมต่อหน้าฉัน? วันนี้ฉันต้องทำลายบูโดแกให้ได้!”
ตู้เฉินเฟิงโมโหก่นด่า ลุกขึ้นยืนแล้วหันตัวมามองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชาทันที
“กะ แกคือ…!”
เมื่อเห็นหน้าตาของหลินอิ่งแล้ว ตู้เฉินเฟิงก็หน้าถอดสีทันที ขาวซีดเผือด ราวกับเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในแดนมนุษย์ ถอยหลังหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว
หลินอิ่งยิ้มเย็นที่มุมปาก พูดชืดๆ “ที่แท้ก็ยังจำผมได้นี่?”
“ผะ…ผม”
ตู้เฉินเฟิงหน้าเขียวปั๊ด ตัวสั่นพั่บๆ จ้องหลินอิ่งตาเขม็ง ทำหน้าเหลือเชื่อ
รูปโฉมของหลินอิ่งเป็นดั่งฝันร้ายตลอดชีวิตของตู้เฉินเฟิง
เขาไม่มีวันลืมว่าหนุ่มน้อยวันสิบหกสิบเจ็ดคนนั้นทำลายกระบี่เขาจนแหลกเหลวอย่างไร ทำลายมือซ้ายที่เขาถือกระบี่อย่างไร!
ตอนนั้น หลังจากตู้เฉินเฟิงแพ้แล้วก็อยากเป็นทาสกระบี่ ติดตามหลินอิ่งตลอดชีวิต แต่กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างฉับพลัน
ตู้เฉินเฟิงคิดไม่ถึงว่าชาตินี้เขาจะมีโอกาสได้พบหนุ่มน้อยปิศาจแห่งยุคคนนั้นอีก แถมยังในสถานการณ์อย่างนี้อีก!
หนุ่มลึกลับตรงหน้าผู้นี้น่ากลัวแค่ไหน มีเพียงคนที่เคยเจอกับตัวเท่านั้นถึงจะรู้!
“ทะ ทำไมคุณถึงอยู่ที่ตระกูลหลินแห่งลังยาได้ล่ะครับ?” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุกเข่าพูด” หลินอิ่งกล่าวเรียบ
ปุก!
ตู้เฉินเฟิงคุกเข่าแบบไม่ลังเลสักนิด สีหน้าไร้ความขัดขืน ทั้งไม่มีมาดปรมาจารย์
“ไม่ทราบมีอะไรจะชี้แนะครับ ตู้เฉินเฟิงจะขอคุกเข่าฟัง” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยความเคารพนอบน้อม ราวกับอยู่ต่อหน้าผู้เป็นอาจารย์