ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 735 ไปขอร้องให้คุณชายสามกลับมากับฉัน

บทที่ 735 ไปขอร้องให้คุณชายสามกลับมากับฉัน

“ผู้อำนวยการหวง นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“ผู้อำนวยการหวง คุณรู้จักคนคนนี้เหรอ?”

ตอนที่หวงลี่พูดด่าทอตำหนิหลินอิ่ง เหล่าบรรดาชายหญิงชุดสูทรองเท้าหนังในบริษัทก็แห่กันเข้ามา ประจบประแจงหวงลี่ มองหลินอิ่งด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

หวงลี่เป็นถึงผู้อำนวยการของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ย เป็นคนโปรดที่อยู่เบื้องหน้าของรองประธานคุณหนูใหญ่หลินหวูซิน มีตำแหน่งสูงมากในบริษัท

หลินอิ่งสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”การที่ผมมาที่นี่ มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยไม่ทราบ?”

“เหอะๆ ทำไมจะไม่เกี่ยวกับฉันล่ะ? ฉันเป็นผู้อำนวยการของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ย คนที่ไม่มีหน้าที่กงการอะไรแบบแกมาที่บริษัท ฉันให้แกไสหัวไป แกก็ต้องไสหัวไป”หวงลี่พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน

หลินอิ่งยิ้มไม่พูดอะไร มองไปยังพนักงานต้อนรับหญิงที่มีใบหน้าสับสนมึนงงตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะพูดขึ้น”ให้ผู้รับผิดชอบที่สูงที่สุดของบริษัทพวกคุณออกมาพบผม”

“หา? ผู้รับผิดชอบสูงสุด?”พนักงานต้อนรับหญิงสีหน้าประหลาดใจ ไม่เข้าใจความหมายของหลินอิ่ง

“คุณผู้ชายคะ คุณมาหาใครเหรอคะ? มีนัดไว้ก่อนล่วงหน้าไหม?”พนักงานต้อนรับหญิงพูดถามขึ้น มองสำรวจหลินอิ่งหัวจรดเท้า มั่นใจว่าในความทรงจำของตัวเองไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน

“บอกผู้ดูแลจัดการในตอนนี้ของบริษัทของพวกคุณว่า หลินอิ่งมาแล้ว”

หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก

“เอ่อนี่มัน……”พนักงานต้อนรับหญิงที่เคาน์เตอร์สีหน้าอึดอัดลำบากใจ มองไปยังหวงลี่

“เหอะๆ”หวงลี่สบถออกมาอย่างเย้ยหยัน มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าดูถูกดูแคลน”ยังจะหาผู้รับผิดชอบสูงสุด? สภาพจนๆแสนรันทดแบบแกเนี่ยนะ? แกมาหาคุณหนูใหญ่หลินของพวกเรามากกว่ามั้ง? วันนี้คุณหนูใหญ่เมตตาให้เงินแกไปสองแสนให้แกไสหัวไป พอได้จับเงินเข้าหน่อย ก็คิดว่าจะแสวงหาผลประโยชน์ต่อได้อีก? ถึงยังกล้ามาหาคุณหนูใหญ่ถึงบริษัทแบบนี้?”

ในความคิดของหวงลี่ เธอมองทะลุถึงเป้าหมายในการมาที่หลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยของหลินอิ่ง ก็เพราะว่าได้รับผลประโยชน์จากคุณหนูใหญ่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็เลยจะใช้มุขเดิมมารีดไถ่เงินที่บริษัทอีก

ช่างเป็นไอ้คนที่ไม่รักตัวกลัวตายจริงๆ

“หลินอิ่งเอ่ย แกคิดว่าแกเป็นใครกัน? แกคิดว่าอยากเจอคุณหนูใหญ่หลินแล้วก็จะได้เจออย่างนั้นเหรอ?”หวงลี่พูดเยาะเย้ย

“เสี่ยวหู เธอไปเรียกบอดี้การ์ดของบริษัทมา คนไร้ค่าคนนี้เป็นมิจฉาชีพ เป็นคนไม่ดีนอกลู่นอกทาง มาก่อความวุ่นวายที่บริษัท”หวงลี่สั่งกำชับพนักงานต้อนรับหญิงที่เคาน์เตอร์อย่างไม่แยแส

“ค่ะ”พนักงานต้อนรับหญิงตรงเคาน์เตอร์ทำตามคำสั่ง โทรศัพท์ออกไป

หลินอิ่งมุมปากยกขึ้นอย่างเย้ยหยัน ไม่ได้พูดอธิบายอะไร

ตึกๆๆ

เสียงฝีเท้าที่รีบเร่งรวดเร็วดังขึ้นมา

เข้ามาจากประตูทางข้างของล็อบบี้ชั้นหนึ่ง บอดี้การ์ดที่รูปร่างทรงพลังกลุ่มหนึ่งของบริษัทเดินเข้ามา

“ผู้อำนวยการหวง ได้ยินมาว่าท่านเรียกพวกเรามา มีรับสั่งอะไรเหรอครับ?”

“มีคนมาก่อปัญหาที่บริษัทเหรอครับ?”

หลังจากที่คนของทีมบอดี้การ์ดเดินเข้ามา ก็เข้ามาล้อมข้างๆหวงลี่รอรับคำสั่ง

หวงลี่มองหลินอิ่งสบถหึออกมาอย่างเย้ยหยัน พูดขึ้นอย่างไม่สนใจไม่แยแส”ไอ้ชายไร้ค่าคนนี้แหละ มาโหวกเหวกสร้างความวุ่นวายที่บริษัท แถมยังมาแหกปากจะพบกับคุณหนูใหญ่หลินอีกด้วย พวกนาย ไปเชิญมันออกไปซะ”

“คุณหลินอิ่ง ออกไปเถอะ อย่าให้คนของบริษัทเราต้องลงมือเลย แบบนี้คุณจะถูกเล่นงานจนหมดสภาพนะ”

หลินอิ่งสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึก พูดขึ้น”งั้นเหรอ?”

“แกอยากลองเหรอ? ออกไปสอบถามข้างนอกบ้างนะว่าหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยเป็นยังไง”หวงลี่พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน

หลินอิ่งพูดขึ้น”คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ยอมให้ผู้รับผิดชอบสูงสุดของบริษัทพวกคุณมาพบกับผม?”

“แน่ใจแล้วจะทำไม? แกรู้ไหมว่าผู้รับผิดชอบสูงสุดของบริษัทพวกเราคือใคร? ยังคิดที่จะมาสร้างปัญหาที่นี่อีก? ไม่ใช่เพราะว่าตอนบ่ายเห็นแก่หน้าตาของคุณหนูใหญ่หลิน ป่านนี้ฉันเล่นงานคนไร้ค่าแบบแกจนหมดสภาพไปนานแล้ว”หวงลี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก

ตอนที่อยู่บนถนนก่อนหน้านี้ เพราะเรื่องรถชนหวงลี่เลยถูกคุณหนูใหญ่หลินตำหนิไปหนึ่งยก ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์มากๆ เอาความโกรธนี้ ไปลงที่หลินอิ่งจนหมด

ผลที่ได้ พอกลับมาถึงบริษัท หลินอิ่งนี่ก็ยังจะกล้ามาสร้างความวุ่นวายถึงบริษัทอีก

ช่างเป็นไอ้โง่ที่นำความอับอายมาสู่ตัวเองแท้ๆ

หลินอิ่งพยักหน้าด้วยสีหน้าปกติ

“ไปบอกผู้รับผิดชอบสูงสุดของบริษัทพวกคุณ ว่าหลินอิ่งมาแล้ว แล้วก็ เรียกเขาให้มาให้คำอธิบายต่อหน้าของผมด้วยตัวเขาเองด้วย”

พูดจบ หลินอิ่งก็มือไขว้หลัง หันตัวเดินจากไป

“ว่าไงนะ? ให้ผู้รับผิดชอบสูงสุดมาให้คำอธิบายกับแกเนี่ยนะ?”หวงลี่มองเงาหลังของหลินอิ่งอย่างเย้ยหยัน”ช่างน่าขำจริงๆ แกคิดว่าแกเป็นใคร? แค่ไอ้ขยะไร้ค่ามิจฉาชีพที่นั่งลงแท็กซี่คนหนึ่งเท่านั้น!”

หวงลี่ถุ้ยออกมาหนึ่งที หลังจากที่หลินอิ่งเดินจากไปแล้ว ก็พูดด่าทอตามไปข้างหลังสองประโยคด้วยความไม่สบอารมณ์

ช่วงเวลาบ่าย เพราะว่าหลินอิ่งทำให้เธอถูกคุณหนูใหญ่หลินตำหนิ ทำให้เสียอารมณ์ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณหนูใหญ่หลินอยู่ด้วย ป่านนี้ให้คนไปเล่นงานเขาจนหมดสภาพไปนานแล้ว

ติ๊งต่อง

ในตอนนี้เอง จู่ๆประตูลิฟต์ก็ดังขึ้น

หลินหวูซินสวมชุดเดรสที่ดูเด่นสง่าไม่ธรรมดา สง่างามหรูหรา ล้อมรอบด้วยบอดี้การ์ดหญิงสองคน เดินออกมา

“คุณหนูใหญ่ ท่านมาแล้ว”หวงลี่พูดประจบประแจง”ท่านคงไม่ทราบ ว่าตอนบ่ายไอ้โง่คนนั้นมันมาถึงที่บริษัทเลยนะคะ ทานให้เงินมันไปสองแสน มันน่าจะรู้สึกว่าไม่พอ คิดที่จะมารีดไถ่อีก ไร้เหตุผลสิ้นดี”

“เธอว่าไงนะ? ตอนบ่ายคนนั้นอะไร?”หลินหวูซินพูดถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ก็ไอ้ผู้ชายที่นั่งรถแท็กซี่บนถนนคนนั้นไงคะ รู้สึกว่าจะชื่อหลินอิ่งอะไรนี่แหละค่ะ”หวงลี่พูดขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก”หลินอิ่งอะไรนั่นยังบอกอีกว่าจะมาขอพบผู้รับผิดชอบสูงสุดอีกด้วย ฉันไล่เขาออกไปแล้วค่ะ”

“หา? หลินอิ่ง?”หลินหวูซินสีหน้าเปลี่ยนไปดูไม่ดีขึ้นมาทันที

“ตอนนี้หลินอิ่งอยู่ที่ไหน?”หลินหวูซินถามขึ้นด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

“ไม่ทราบค่ะ ฉันเพิ่งจะระเบิดโมโหด่ามันจนกลับไปแล้ว คุณหนูใหญ่จะหามันทำไมเหรอคะ?”หวงลี่พูดถามขึ้น

สูด!

หลินหวูซินสูดหายใจลึกๆด้วยความตกใจหนึ่งที ก่อนจะหันไปมองหวงลี่อย่างนิ่งขรึม พร้อมกับพูดขึ้น”เธอรู้ไหมว่าหลินอิ่งเป็นใคร?”

“คุณหนูใหญ่ทำไมเหรอคะ?”หวงลี่พูดถามขึ้น”มันก็เป็นผู้ชายไร้ค่ามิจฉาชีพไม่ใช่หรอกเหรอคะ?”

หวงลี่พอเห็นท่าทางที่ตกใจของคุณหนูใหญ่ของตัวเองก็รู้สึกประหลาดใจ หรือว่าชื่อของหลินอิ่งนี่มันมีอะไรแปลกอย่างนั้นเหรอ? ถึงทำให้คุณหนูใหญ่แสดงออกมาแบบนี้

“นี่เธอ!เธอนี่ช่างโง่เขลาจริงๆ!”หลินหวูซินตำหนิหวงลี่ โกรธจนสั่นไปหมด

“หลินอิ่งเป็นคุณชายสามที่มาจากชางโจว!วันนี้ทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท!”หลินหวูซินพูดขึ้น”แม่เฒ่ายกหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยให้กับเขาแล้ว!เธอกล้าไล่เขาไปได้ยังไง?”

“ว่าไงนะ!คุณชายสาม?”หวงลี่สีหน้าซีดขาวทันที รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

แต่ว่า คุณหนูใหญ่ที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด วันนี้กลับระเบิดโมโหออกมาอย่างที่ไม่ได้เห็นง่ายๆ

จู่ๆในใจของเธอก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

หวงลี่เป็นข้ารับใช้ของตระกูลหลิน รู้สถานการณ์ภายในของตระกูลหลินแห่งลังยา ดังนั้นตอนที่ได้ยินคุณหนูใหญ่บอกว่าหลินอิ่งมาจากชางโจว เธอก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมไป

“ฉันเพิ่งได้รับแจ้งจากทางนายกของชางโจว บอกว่าคุณชายจะมาถึง แถมยังส่งรูปของเขามาอีกด้วย……”หลินหวูซินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง”นั่นก็คือชายหนุ่มที่พวกเราเจอบนถนนเมื่อตอนบ่ายของวันนี้!”

“เธอ!หวงลี่ เธอกำลังจะทำงานใหญ่ของฉันพัง!คนเขาออกไปนานเท่าไรแล้ว?”หลินหวูซินพูดขึ้นด้วยความกระวนกระวาย”เร็วเข้า!เธอไปขอร้องอ้อนวอนให้คุณชายสามกลับมากับฉันเดี๋ยวนี้!ถ้าเกิดเขาโมโหขึ้นมา ฉันก็ปกป้องเธอไม่ได้เหมือนกัน!”

พูดพลาง หลินหวูซินก็เดินออกไปจากตัวอาคารทันที

ส่วนหวงลี่อึ้งตะลึงไป สีหน้าตกใจกลัวถึงขีดสุด ภาพของหลินอิ่งผุดขึ้นมาในหัว

เธอนึกออกแล้ว คำพูดที่หลินอิ่งพูดขึ้นก่อนที่เขาจะจากไป ว่าให้ผู้รับผิดชอบสูงสุดของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยมาให้คำอธิบายกับเขา……

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท