ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 734 คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

บทที่ 734 คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

“แกว่าไงนะ? แกบอกให้คุณหนูใหญ่หลินออกมาเจอแกอย่างนั้นเหรอ? แกนี่ช่างกล้าจริงๆนะ!”หญิงชุดสูทดำชำเลืองตามองหลินอิ่งด้วยสายตาดูถูก”แกรู้ไหมว่าคุณหนูใหญ่หลินที่นั่งอยู่ในรถมีสถานภาพอะไร?”

หลินอิ่งพูดถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึก”สถานภาพอะไร?”

“อะไรนะ? หรือว่าแกไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่หลิน? แม้แต่หลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ยก็ไม่รู้จัก?”หญิงชุดดำพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทีดูถูก”ช่างเป็นพวกแมลงที่น่าสมเพชสิ้นดี เป็นผู้ชายมีมือมีเท้าซะเปล่า แต่ยังมาเป็นมิจฉาชีพรีดไถ่เงินเลี้ยงชีพ ขนาดจะรีดไถ่ก็ยังไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่แหกตาดูว่าเป็นใคร กล้าจะมาขู่รีดไถ่เงิน?”

“ฉันจะพูดกับผู้ชายไร้ค่าแบบแกเป็นครั้งสุดท้าย รีบไสหัวไปซะ ถ้ายังมารบกวนการพักผ่อนของคุณหนูใหญ่หลินที่อยู่ในรถ แกก็เตรียมสูญหายไปจากจี้โจวได้เลย!”

หญิงชุดสูทดำสองมือกอดอก มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

สำหรับเธอแล้ว หลินอิ่งกับคนขับคนนี้ก็คือคนที่โง่เขลาสุดๆ ขู่เข็ญรีดไถ่เงินไม่คิดว่าจะมารีดไถ่ต่อหน้าของคุณหนูใหญ่หลิน ช่างไม่กลัวตายจริงๆ

ในจี้โจว มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่หลินบ้าง?

คุณหนูใหญ่หลินหวูซิน รองประธานของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ย บุคคลหมายเลขสามของคณะประธานกรรมการ ไม่เพียงแต่จะถือครองทรัพย์สินที่มากมายแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่โดดเด่นจำนวนนับไม่ถ้วนของเจียงเป่ยอีกด้วย

ตอนที่คุณหนูใหญ่หลินหวูซินอยู่ที่ชางโจวก็ถูกขนานนามว่าสาวสวยอันดับหนึ่งสองปีก่อนมาปักหลักอยู่ที่จี้โจวแห่งเจียงเป่ย ก็ยิ่งมีชื่อเสียงที่น่าทึ่งมากขึ้น มีชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ความสามารถจำนวนนับไม่ถ้วนคอยตามจีบ ขนาดคุณชายใหญ่ของตระกูลเผยอันดับหนึ่งของจี้โจวก็ยังดิ้นรนไล่ตามจีบ

ผู้หญิงที่สูงส่งเฉียดฟ้าแบบนี้ จะให้คนธรรมดาสกปรกหยาบคายแบบนี้มาดูหมิ่นเหยียดหยามได้อย่างนั้นเหรอ?

ชายมิจฉาชีพคนนี้ยังกล้าให้คุณหนูใหญ่หลินออกมาเจอเขาอีก?

พฤติกรรมของเขา คำพูดคำจาทั้งหมดของเขา ถ้าเกิดดังไปถึงภายในแวดวงไฮโซของจี้โจวล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีลูกหลานที่ทรงพลังอำนาจมากมายที่จะโมโหขุ่นเคืองแทนคุณหนูใหญ่หลิน จัดการสังหารคนโง่เขลาแบบเขาไปซะ

“ผมก็จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกัน ว่าให้เรียกคนในรถให้โผล่หัวออกมาเจอผม”หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

บ้าอำนาจไร้เหตุผล ขับรถมาชนรถของคนอื่น ไม่สนว่าจะทำคนได้รับบาดเจ็บไหม แล้วยังมีท่าทีแย่ๆแบบนี้อีก

เขาอยากจะดู ว่าคนของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ย ที่นั่งอยู่ในรถโรลส์รอยซ์คันนั้นคือใคร ถึงได้ทำตัวสูงส่งหยิ่งยโสขนาดนี้

“แก!”หญิงชุดสูทดำสีหน้าระเบิดโมโห ยื่นมือชี้มาที่หลินอิ่ง”แกมารนหาที่ตายใช่ไหม? ถึงกล้ามาก่อเรื่องขนาดนี้?”

“หัวหน้างานหลิว ไปเรียกทีมบอดี้การ์ดที่อยู่หลังรถมา มาจัดการไอ้ผู้ชายมิจฉาชีพที่กล้ามาดูหมิ่นศักดิ์ศรีของคุณหนูใหญ่คนนี้ซะ เอาให้หนักเลย”หญิงชุดสูทดำพูดขึ้นอย่างโหดร้าย โบกมือสั่งบอดี้การ์ดชุดสูทที่อยู่ข้างๆ

บอดี้การ์ดชุดสูทที่รูปร่างสูงใหญ่คนนั้น มองหลินอิ่งอย่างเย็นชาหนึ่งที จากนั้นก็เดินตรงไป

“หวงลี่ ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?”

ในขณะนี้เอง ข้างหลังก็มีเสียงที่ไพเราะใสแจ๋วดังขึ้นมา

ด้านหน้าของรถโรลส์รอยซ์ มีชายชราชุดสูทถือร่มคนหนึ่งเปิดประตูรถออก รองเท้าส้นสูงที่ดูสวยงามคู่หนึ่งลงมาเหยียบพื้น

มีหญิงสาวที่งดงามทรงเสน่ห์เหนือใครลงมาจากรถ สวมชุดกี่เพ้าสีเขียวแกมน้ำเงิน ท่าทางสง่างาม

ดวงตาเรียวเล็กของเธอดูมีจิตวิญญาณ จ้องมองหลินอิ่ง กำลังมองสำรวจอะไรอยู่

“อา!คุณหนูใหญ่หลิน ท่าน ทำไมท่านถึงลงมาจากรถ ไอ้หมอนี่มันสมควรตายจริงๆ ถึงมารบกวนการพักผ่อนของคุณหนูใหญ่”

หวงลี่พูดขึ้นด้วยความตกใจ สีหน้าท่าทางตื่นตระหนกสุดๆ

พอเห็นหลินหวูซินไม่มีท่าทีใดๆ แค่จ้องมองหลินอิ่ง หวงลี่ก็ลนลานขึ้นมาทันที

“หัวหน้างานหลิว นายยังมัวอึ้งอะไรอยู่? ยังไม่ให้คนไปจัดการไอ้สารเลวที่ขัดหูขัดตานี่อีก? จะดึงดันรอให้คุณหนูใหญ่โกรธหรือไง?”

“พอได้แล้ว หวงลี่ ถ้าให้อภัยได้ก็ให้อภัยเถอะ อย่ากดขี่ข่มเหงคนมากเกินไป คุณผู้ชายท่านนี้กับคนขับรถก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย”

หลินหวูซินเปิดปากพูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย น้ำเสียงใสแจ๋วไพเราะผิดปกติ

พูดจบ หลินหวูซินก็มองมายังหลินอิ่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง”คุณผู้ชาย ฉันขอแสดงความขอโทษกับเรื่องรถชนในครั้งนี้ด้วยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณต้องการค่าชดใช้อะไรไหม?”

หลินอิ่งมองหลินหวูซิน รู้สึกสนใจขึ้นมา

เขารู้สึกว่า หลินหวูซินสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองจี้โจวคนนี้ หน้าตาเหมือนกับแม่เฒ่าตระกูลหลินอย่างมาก โดยเฉพาะสองตาเรียวเล็กคิ้วละเอียดอ่อนคู่นั้น เหมือนกับแม่เฒ่าตอนสาวๆมาก

“ไอ้โจรใจหมา!ไม่คิดว่าแกจะกล้าจ้องมองคุณหนูใหญ่หลินแบบนี้? ถ้าขืนยังจ้องต่ออีกฉันจะควักลูกตาของแกออกมาซะ!”หวงลี่พูดด่าทอออกมาด้วยความโมโห”ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณหนูใหญ่จิตใจดีมีเมตตา จากการกระทำในตอนนี้ของแก ป่านนี้ตีแกตายคาที่ไปแล้ว!”

สำหรับเธอแล้ว หลินอิ่งนี่ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเลยจริงๆ คุณหนูใหญ่หลินอุส่ามีความเมตตาไม่ถือโทษต่อแล้ว แถมยังพูดดีๆกับเขาอีกด้วย แต่ไอ้สารเลวนี่กลับกล้ามาจ้องมองคุณหนูใหญ่อย่างไร้ยางอายแบบนี้อีก นี่มันหลงเสน่ห์ตื่นตาตื่นใจกับความงามของคุณหนูใหญ่ แล้วเกิดความคิดมิดีมิร้ายขึ้นมาชัดๆ

“พอได้แล้ว หวงลี่ เธอถอยไปก่อน”หลินหวูซินพูดขึ้นมาหนึ่งประโยคด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วก็หลบสายตาของหลินอิ่งด้วยความอับอาย

หลินหวูซินเคยเห็นชายหนุ่มมีพรสวรรค์มากความสามารถมามากมาย หลงรักเธอตั้งแต่แรกพบ ต่างก็มองไม่ละสายตาไปไหนทั้งนั้น เธอมักจะไม่ชอบพวกคนประเภทนี้ แต่หลินอิ่งไม่เหมือนกัน แสงสว่างในแววตา มันบริสุทธิ์ ลึกซึ้งเกินคาดเดา กลับทำให้ในใจของเธอรู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่ไม่น้อย

หลินอิ่งหันสายตากลับมา พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”คุณควรจะควบคุมลูกน้องของตัวเองให้ดีๆหน่อยนะ ขบวนรถของคุณมาชนรถของคนขับรถคนนี้เสียหาย ก็ควรจะชดใช้ให้เขา เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษ”

หลินหวูซินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น”ที่คุณพูดมาก็ถูก หวงลี่ ขอโทษคนขับซะ ส่วนรถที่ชนเสียหาย เอาเงินให้เขาสองแสน”

หวงลี่ขมวดคิ้ว ขอโทษคนขับด้วยความไม่เต็มใจ จากนั้นก็ให้เงินเป็นค่าตอบแทน

คนขับวัยกลางคนสีหน้าตกใจ รับเงินมาอย่างระมัดระวังและเกรงกลัว มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

หลินอิ่งก็ไม่ได้พูดอะไร หันตัวเดินจากไป ขวางด้วยรถแท็กซี่หนึ่งคัน

แม้หลินหวูซินจะมาจากตระกูลชั้นสูงทรงเกียรติ เขาก็ไม่อยากถือสาเอาความอะไรมากมายกับผู้หญิงเพียงเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้

“คุณหนูใหญ่ ไอ้หมอนั่นจะต้องเป็นพวกเดียวกับคนขับแน่ๆ เป็นพวกมิจฉาชีพ ท่านเกรงใจขนาดนี้กับพวกมันทำไม แถมยังปล่อยพวกมันไปอีก ให้มันได้รีดไถ่เงินไปอย่างสาสมใจด้วย”หวงลี่พูดอยู่ข้างๆ รังเกียจหลินอิ่งสุดๆ

“ผู้ชายไร้ค่าแบบนี้ ควรจะตายไปเร็วๆซะ!เพื่อที่จะไม่ต้องไปทำร้ายคนอื่นอีก”

“มีปัญหาน้อยมันก็ดีแล้ว ไม่ต้องไปใส่ใจเยอะเกินไปหรอก กลับบริษัทกันก่อนเถอะ วันนี้ยังมีธุระอีก”หลินหวูซินพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ

ไม่ได้พูดอธิบายอะไรอีก หันกลับขึ้นรถไป

หลินหวูซินก็ไม่มีทางโผล่หน้าออกมาเพียงเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้เหมือนกัน แต่ เธอถูกรูปร่างหน้าตาของหลินอิ่งดึงดูดเข้า เกิดรู้สึกดีกับชายแปลกหน้าคนนี้ขึ้นมา

แววตาที่ลึกของหลินอิ่งคู่นั้น มันเหมือนกับทวดมากๆ บุคลิกลักษณะก็คล้ายๆกันด้วย มันทำให้หลินหวูซินรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในตัวของหลินอิ่ง

ตอนเด็กเธอเป็นที่รักที่โปรดปรานที่สุดของตระกูลหลินแห่งลังยา เป็นหลานสาวของนายท่านใหญ่ตระกูลหลิน นายท่านใหญ่ตระกูลหลินอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ตำแหน่งในตระกูลสูงส่งมาก

หลังจากผ่านไปยี่สิบกว่านาที

หลินอิ่งก็นั่งรถมาถึงอาคารหลินซื่อ สำนักงานใหญ่ของหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ย

อาคารหลังนี้มีแปดสิบกว่าชั้น ตั้งตระหง่านกว้างใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองที่คึกคักคนพลุกพล่าน

หลินอิ่งหันไปมอง ก่อนจะเข้าไปในล็อบบี้อย่างช้าๆ

ภายในล็อบบี้ชั้นหนึ่ง ชายหญิงที่โดดเด่นมีความสามารถสวมชุดสูทรองเท้าหนังเดินไปมาเต็มไปหมด

หลินอิ่งไขว้สองมือ กำลังเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์

จู่ๆ ก็มีผู้หญิงชุดสูทสีดำคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา หยุดอยู่ตรงหน้าของหลินอิ่งทันที สีหน้าเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโมโหขึ้นมา

“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไอ้มิจฉาชีพแบบแกคิดที่จะทำอะไร?”

คนที่มาก็คือผู้ติดตามของหลินหวูซิน หวงลี่นั่นเอง พอเห็นหลินอิ่งเธอก็ร้องเรียกออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นสีหน้าก็รังเกียจ

“แกคงจะไม่ได้มาคุกคามก่อกวนคุณหนูใหญ่หลินหรอกใช่ไหม? ทำไม? เงินสองแสนที่คุณหนูใหญ่หลินให้แกไปไม่พอที่จะเฉดหัวแกไปเหรอ? ถึงได้ยังกล้ามาก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายถึงหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ย?”หวงลี่สบถออกมาอย่างเย้ยหยัน พูดถึงหลินอิ่งเหมือนกับตัวเองรู้เรื่องรู้ราวเป็นอย่างดี

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท