ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 740 ล้มละลายในทันที

บทที่ 740 ล้มละลายในทันที

ซุนโช่ฉัยชำเลืองตามองพวกหลู่ฉังชิง สายตาไม่พอใจ เผยให้เห็นถึงความทรงพลังน่าเกรงขาม

“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?”ซุนโช่ฉัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม

“เอ่อ……หัวหน้าสมาคมซุน พวกเรามีธุระกับหลินซื่อกรุ๊ปแห่งเจียงเป่ย กำลังเจรจาธุรกิจกันอยู่ครับ”หลู่ฉังชิงพูดขึ้นอย่างเชื่อฟัง สีหน้าท่าทีตึงเครียดไม่น้อย

“หัวหน้าสมาคมซุน ท่านจะมาก็บอกพวกเราก่อนสักคำสิครับ นี่มันยังไม่ทันได้ต้อนรับท่านอย่างดีเลย ขอโทษจริงๆครับ”มีชายวัยกลางคนสวมชุดสูทอีกหนึ่งคนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าประจบประแจง

คนที่พูดคือประธานหวางเจ้านายของสโมสรจื่อจิน

เจ้านายหวางคนนี้ฝีมือยอดเยี่ยมมากในจี้โจว เป็นบุคคลที่มีเครือข่ายเส้นสายในสังคมเป็นวงกว้าง

แต่ว่า ซุนโช่ฉัยหัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งจี้โจว ไม่เพียงแต่จะมีอิทธิพลอย่างมากในจี้โจวแล้ว ยังเป็นเศรษฐีที่มีชื่อเสียงมากในเจียงเป่ยอีกด้วย

ซุนโช่ฉัยหรี่ตาลงมองพวกเขาหนึ่งที แล้วหันมามองหลินอิ่ง พูดขึ้นอย่างประจบประแจง”ท่านหัวหน้า คุณชายอิ่ง ท่านให้ผมมามีเรื่องอะไรจะมอบหมายอย่างนั้นเหรอครับ?”

หลินอิ่งจิบไวน์ไปหนึ่งคำ พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”คนพวกนี้นายรู้จักไหม?”

“รู้จักครับๆ ล้วนแต่เป็นคนของวงการธุรกิจในจี้โจวทั้งนั้น”ซุนโช่ฉัยพยักหน้าพูดขึ้นทันที

หลินอิ่งพยักหน้า พูดขึ้น”ดีเลย คนพวกนี้ข่มขู่คุกคามจะไล่ฉันออกจากสโมสรจื่อจิน จี้โจวเป็นถิ่นของนาย นายดูเอาแล้วกันว่าควรจะทำยังไง”

“หา? จะไล่ท่านออกไป?”ซุนโช่ฉัยสีหน้าตกใจ เขาหรี่ตาลงอย่างเหี้ยมโหด มองไปหาหลู่ฉังชิงอย่างเย็นชา

“หลู่ฉังชิง นายกล้าเป็นปฏิปักษ์กับคุณชายอิ่งเหรอ? นายคิดว่านายเป็นใคร? ไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วใช่ไหม?”ซุนโช่ฉัยพูดขึ้นด้วยความโกรธ พูดล้อเล่นอะไรกันอยู่ หลินอิ่งเป็นถึงหัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งตี้จิงเชียวนะ!

ซุนโช่ฉัยมีเส้นสายทางธุรกิจมากมายในตี้จิง เพราะว่าเป็นความสัมพันธ์กับสมาชิกของสมาคมธุรกิจแห่งตี้จิงก็เลยได้รับผลประโยชน์ไม่น้อยในเมืองเทียนหลง

สำหรับเขาแล้ว หลินอิ่งก็คือไฉ่ซิ้งเอี๊ยสูงสุด เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของเขาอย่างมาก!

ดังนั้น ตอนที่หลินอิ่งโทรศัพท์มาบอกว่าถึงจี้โจวแล้ว ปฏิกิริยาแรกของซุนโช่ฉัยก็คือจะสักการะบูชาบุคคลที่เป็นเหมือนพระโพธิสัตว์แห่งความมั่งคั่งนี้อย่างดีเลย!

ตอนที่หลินอิ่งบีบคั้นกดขี่คุณท่านสวีในสมัยก่อน ซุนโช่ฉัยก็อยู่ที่อาคารเทียนหลงด้วย เห็นมากับตาของตัวเองว่าหลินอิ่งนำพวกคนของกองพิเศษเว่ยอัน ไปพาประธานเผียวของชีซิงกรุ๊ปความมั่งคั่งข้ามชาติไป แล้วก็จัดการกับตระกูลสวี

ลักษณะการกระทำแบบนั้นมันทรงพลังเหนือมนุษย์ไปแล้วจริงๆ

ในใจของซุนโช่ฉัยเคารพและชื่นชมหลินอิ่งสุดๆ ไม่กล้าลบหลู่เลยแม้แต่นิดเดียว

ส่วนพวกเศรษฐีในพื้นจี้โจวแบบพวกหลู่ฉังชิง ไม่คิดว่าจะกล้ามาอวดเบ่งอำนาจต่อหน้าของคุณชายอิ่งแบบนี้ ช่างไม่รู้จริงๆว่าหลินอิ่งสุดยอดขนาดไหน

“เอ่อ……หัวหน้าสมาคมซุน ท่านกับหลินอิ่งสนิทกันเหรอครับ?”หลู่ฉังชิงพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าซีดขาว

“นายกล้าเรียกชื่อเต็มๆของหัวหน้าสมาคมหลินอย่างนั้นเหรอ? นายนี่ช่างกล้าเหลือเกินนะ!” ซุนโช่ฉัยพูดตำหนิออกมาอย่างรวดเร็ว”หัวหน้าสมาคมหลินเป็นหัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งตี้จิง นายว่า ฉันกับหัวหน้าสมาคมหลินสนิทกันไหมล่ะ? คนที่มีตาหามีแววไม่แบบนาย คุณชายอิ่งแห่งตี้จิงนายก็กล้ามาก้าวก่าย? นายรู้จักดีแล้วหรือไง?”

พอตำหนิหลู่ฉังชิงเสร็จ ซุนโช่ฉัยก็หันมองไปยังประธานหวางที่สีหน้าตกใจอยู่ข้างๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม”เจ้านายหวาง!คุณเป็นคนก่อตั้งสโมสรจื่อจิน? คุณจัดการไล่พวกหลู่ฉังชิงออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

“หัวหน้าสมาคมซุน เอ่อ นี่มันไม่ดีมั้งครับ……” เจ้านายหวางพูดขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียดจริงจัง

ฝั่งหนึ่งก็ซุนโช่ฉัยที่มั่งคั่งยิ่งใหญ่ในจี้โจว อีกฝั่งก็คือหลู่ฉังชิงที่มีคุณชายหลินเซวียนอยู่เบื้องหลัง คนทั้งสองฝั่งล้วนแต่เป็นคนที่ไม่ได้ไปก้าวก่ายง่ายๆทั้งนั้น

หลู่ฉังชิงก็ถูกซุนโช่ฉัยที่โมโหเกรี้ยวกราดทำให้ตกใจจนอึ้งตะลึงไปเหมือนกัน พูดขึ้นด้วยความไม่เต็มใจ”หัวหน้าสมาคมซุน ท่านรู้ไหม? คุณชายหลินเซวียนลั่นวาจาไว้ในจี้โจวแล้ว ว่าใครก็ตามที่ไปข้องเกี่ยวกับหลินอิ่งเท่ากับว่าเป็นปฏิปักษ์กับคุณชายหลินเซวียน……ท่านทำแบบนี้ มันขาดการคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนไปไม่น้อยเลยนะครับ”

สำหรับเขาแล้ว หลินเซวียนมีอิทธิพลมากกว่า

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าหลินอิ่งก็มีภูมิหลังอยู่บ้างเหมือนกัน แต่อิทธิพลของเขาในจี้โจวไม่สามารถเทียบกับคุณชายหลินเซวียนได้เลย

“อ๋อ? คุณชายหลินเซวียน?”ซุนโช่ฉัยมองไปยังหลู่ฉังชิงพร้อมกับถามขึ้น

“ใช่ หัวหน้าสมาคมซุน พวกเราไม่ได้ข่มขู่ท่าน แต่จะเตือนสติท่านสักหน่อย คุณชายหลินเซวียนเป็นบุคคลยังไงท่านเองก็รู้ดี……”

หลู่ฉังชิงค่อยๆพูดขึ้น

เพี๊ยะ!

เขายังพูดไม่ทันจบ ซุนโช่ฉัยก็ตบไปที่หน้าของหลู่ฉังชิงอย่างแรง

ตบไปจนหน้าของหลู่ฉังชิงแดงบวมออกมา ทั้งอายทั้งโกรธ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร

“นายคิดว่าตังเองมีหลินเซวียนเป็นที่พึ่งก็กำเริบเสิบสานได้แล้วสินะ?”ซุนโช่ฉัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา”ฉันจัดการกับหลินเซวียนไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าฉันจะจัดการกับนายไม่ได้นะ”

จัดการสั่งสอนหลู่ฉังชิงด้วยสีหน้าน่าเกรงขาม ก่อนที่ซุนโช่ฉัยจะหันมองไปยังหลินอิ่งด้วยสีหน้ายิ้มแฉ่ง พูดประจบประแจง”หัวหน้าสมาคมหลิน ช่วงเวลาที่ท่านอยู่ที่จี้โจว ถ้ามีเรื่องอะไรก็สั่งผมมาได้เลยครับ เรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ในจี้โจวผมสามารถจัดการได้ครับ อย่างเช่นคนต่ำต้อยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้ ท่านไม่ต้องไปเกรงใจพวกเขา ลงไปตบตีพวกเขาให้สกปรกมือเปล่าๆ ให้ผมมาจัดการก็พอแล้วครับ”

ซุนโช่ฉัยนับถือและชื่นชมต่อหลินอิ่งอย่างมาก

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าหลินเซวียนก็มีตัวตนอยู่ด้วยเหมือนกัน

หลินเซวียนมีอำนาจอิทธิพลอย่างมากในจี้โจว เอาชนะใจบุคคลทรงพลังมีอำนาจมากมายของจี้โจว แล้วก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างมากกับตระกูลเผยอันดับหนึ่งของจี้โจวด้วย

แต่ หลินเซวียนจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็เป็นคนนอกที่อพยพเข้ามาอยู่ดี แล้วก็ไม่ได้มีผลประโยชน์กับเขาเหมือนกัน พบกันแล้วก็แค่ไว้หน้ากันก็เท่านั้น

แต่หลินอิ่งไม่เหมือนกัน หลินอิ่งถือครองสมาคมธุรกิจแห่งตี้จิงไว้ มีวงการธุรกิจตี้จิงอยู่ในกำมือ เป็นแหล่งเงินทองของเขา แถมซุนโช่ฉัยก็ยิ่งมองว่าหลินอิ่งสามารถเอาชนะหลินเซวียนได้ด้วย

อันไหนมันสำคัญกว่า ซุนโช่ฉัยแยกแยะได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

ดังนั้นเขาจึงยอมที่จะไปก้าวก่ายหลินเซวียน แต่ไม่ยอมที่จะก้าวก่ายหลินอิ่ง

พอเห็นท่าทางที่ประจบประแจงหลินอิ่งของซุนโช่ฉัย พวกหลู่ฉังชิงก็สีหน้าบูดเบี้ยวทันที ในใจรู้สึกตื่นตระหนก

พวกเขาคิดไม่ถึง ว่าอิทธิพลของหลินอิ่งจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ สามารถทำให้ซุนโช่ฉัยยอมก้าวก่ายคุณชายหลินเซวียน แล้วก็ยอมทำเรื่องต่างๆให้กับเขา……

ในตอนนี้ พวกเขาเจอกับของหนักเข้าแล้ว

หลินหวูซินที่นั่งอยู่ข้างๆหลินอิ่ง สีหน้าก็ตกใจเล็กน้อย

เธออยู่ที่จี้โจวมานานหลายปี รู้จักความสามารถของซุนโช่ฉัยเป็นอย่างดี หัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งจี้โจวคนนี้มีอิทธิพลอย่างมากในวงการธุรกิจของจี้โจว มีเครือข่ายเส้นสายอยู่ทั่วทุกสาขาอาชีพ เป็นบุคคลอันดับต้นๆ

ก่อนห้านี้หลินหวูซินเคยได้ยินมาก่อนว่าหลินอิ่งแข็งแกร่งและทรงพลังมากในตี้จิง แต่คิดไม่ถึงว่า หลินอิ่งจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ในตี้จิง ถึงขนาดที่สามารถแผ่กระจายมาถึงจี้โจวแห่งนี้ได้……

ถ้าเกิดชื่อตำแหน่งหัวหน้าสมาคมของสมาคมธุรกิจแห่งตี้จิงของหลินอิ่งนี้ ไม่ใช่ชื่อตำแหน่งที่ว่างเปล่าล่ะก็……ถ้าอย่างนั้น เขาขึ้นไปนั่งในตำแหน่งที่สูงท่ามกลางที่ที่มีคนใหญ่คนโตชั้นสูงอยู่รวมขนาดนั้นด้วยอายุที่น้อยแบบนี้ได้ยังไง?

หลินหวูซินครุ่นคิดอย่างสงสัยอยู่ในใจ มองใบหน้าที่รูปหล่ออ่อนเยาว์ของหลินอิ่ง สีหน้าเริ่มแดง เมินหน้าไปอย่างช่วยไม่ได้

“ซุนโช่ฉัย ก่อนหน้านี้ฉันบอกแล้วว่าจะทำให้ไอ้คนสกุลหลู่นี่ล้มละลายซะ นายก็จัดการเรื่องนี้แทนฉันแล้วกัน”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างง่ายๆ”พอไปตี้จิงแล้ว นายก็ไปหานิ่งซวนได้เลย”

“ครับ!เรื่องของท่านหัวหน้าสมาคมหลิน ก็คือเรื่องของผม!” ซุนโช่ฉัยตบอกพูดขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความตื่นตัว

เขาฟังออกว่าในคำพูดของหลินอิ่งแฝงความหมายอะไรเอาไว้ ครั้งหน้าให้เขาไปหานิ่งซวนที่ตี้จิง?

นิ่งซวนคือใคร? คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ตี้จิงมีใครที่ไม่รู้ว่านั่นก็คือไฉ่ซิ้งเอี๊ย คนที่จัดการดูแลเรื่องเงินของคุณชายอิ่ง นี่เป็นโอกาสที่คุณชายอิ่งจะทำให้เขามีโชคมีลาภแล้วยังไงล่ะ!

ซุนโช่ฉัยมองไปยังหลู่ฉังชิง สีหน้ากลับมาน่าเกรงขามตามเดิม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน”หลู่ฉังชิง นายได้ยินแล้วยัง? คุณชายอิ่งบอกให้นายล้มละลาย นายเองก็น่าจะรู้นะว่าควรทำยังไง ไสหัวออกไปจากจี้โจวอย่างเชื่อฟังซะ จี้โจว ไม่มีที่ให้นายซุกหัวนอนแล้ว”

หลู่ฉังชิงราวกับถูกฟ้าผ่า อึ้งตะลึงอยู่กับที่ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสับสนมึนงง

ใช่ ระดับของหลินอิ่ง แค่ประโยคเดียวก็สามารถเปลี่ยนชะตาของคนมากมายได้เลย

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท