จ่านป๋ายก็จนปัญญาเป็นอย่างมาก ครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดกับซีเหมินจินเหลียนว่า “คุณรอที่นี่เดี๋ยวนะ ผมจะไปหาคนขับแท็กซี่แถวนี้มาช่วย ส่วนใหญ่พวกเขารู้ภาษาจีนกลางกันทั้งนั้น น่าจะพอพูดคุยกันได้รู้เรื่อง”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าตกลง ไหนๆ ก็มาแล้ว จะกลับไปทั้งแบบนี้เธอก็รู้สึกค้างคาใจ ให้จ่านป๋ายไปหาล่ามมาลองดูก่อนก็น่าจะดีกว่า
จ่านป๋ายเพิ่งจะออกไป อยู่ๆ ก็มีรถเบนซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาให้เห็น จ่านป๋ายจำได้ว่ารถคันนี้น่าจะเป็นของหูชีเยี่ยน…ตอนนั้นเขาไม่ทันได้คิดอะไรให้มากมาย พลันวู่วามพุ่งเข้าไปหา
“เฮ้ย!” เงามืดโกรธจัด คนสมัยนี้ก็เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ สมองมีปัญหาหรืออย่างไรกัน สร้างถนนมาไว้ดิบดีกลับไม่เดิน แต่ชอบมาเดินให้รถชนเสียนี่ ถึงจะไม่กลัวตายแต่ก็ไม่ควรทำแบบนี้
ไม่ใช่สิ! คนคนนี้ก็คือบอดี้การ์ดข้างกายของซีเหมินจินเหลียนไม่ใช่เหรอ? แน่นอนว่าบอดี้การ์ดคนนี้พักอยู่ที่เดียวกันกับคุณหนูของพวกเขาด้วย เหอะ!
เงามืดคิดได้เท่านี้ยิ่งโกรธไปทั่วท้อง สองวันนี้อารมณ์ของเจ้านายแย่ลงเรื่อยๆ แม้เขาจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็เดาได้ว่าวันนั้นที่เจ้านายไปเจอซีเหมินจินเหลียน คงจบกันไม่สวย ปัญหาน่าจะยังคงค้างคาใจอยู่
“นี่คุณก็เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง!” เงามืดเลื่อนเปิดหน้าต่างรถลง ถลึงตามองไปทางจ่านป๋ายอย่างดุร้ายพร้อมสบถด่า
จ่านป๋ายกวาดสายตาดูแล้ว ในรถมีเพียงเงามืดอยู่คนเดียว ดูท่าหูชีเยี่ยนคงไม่ได้ออกไปด้วย ตอนนั้นจึงแค่นหัวเราะออกมา “คิดไม่ถึงว่าคุณก็ด่าคนเป็นด้วย?”
เงามืดถลึงตามองเขาเช่นกัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่สนใจรีบปิดหน้าต่างรถและขับรถเข้าไป
“นี่ คุณรอเดี๋ยวสิ!” จ่านป๋ายตะโกนโหวกเหวก คนคนนี้ติดตามอยู่ข้างกายหูชีเยี่ยน เขาน่าจะเป็นคนที่พูดคุยได้รู้เรื่องที่สุดแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางเป็นถึงบอดี้การ์ดข้างตัวหูชีเยียนได้หรอก
“มาทำอะไร” เงามืดถามแบบไม่ใส่ใจ
“คุณผู้หญิงของผมต้องการพบเจ้านายของคุณ!” จ่านป๋ายเข้าใจดีว่าสถานการณ์แบบนี้ ตนเองไม่มีความสามารถในการโน้มน้าว ความหวังเดียวคือการอ้างถึงซีเหมินจินเหลียน พูดจบเขาก็ชี้ไปที่ปากประตู ซีเหมินจินเหลียนกำลังยืนอยู่ข้างหน้าและมองมาทางนี้อย่างเงียบๆ
เงามืดขมวดคิ้ว ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้มากกว่าเดิม แต่ลองคิดๆ ดูแล้วซีเหมินจินเหลียนก็คือนายหญิงน้อยในอนาคต แม้ว่าเจ้านายจะยังไม่ได้ยอมรับเธอ แต่อย่างไรพวกเขาก็เป็นพ่อลูกกัน หากเวลานี้สร้างความลำบากให้เธอ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร?
“เรื่องนี้ผมตัดสินใจไม่ได้!” เงามืดขมวดคิ้วพูด “ขึ้นรถเถอะ ผมจะพาพวกคุณเข้าไป ส่วนเรื่องที่เจ้านายจะเจอพวกคุณหรือเปล่านั่นไม่ใช่เรื่องของผม!”
“ครับ” จ่านป๋ายได้ยินแล้วดีใจ เขาก็ไม่ได้หวังจะให้เงามืดช่วยตัดสินใจแทนหูชีเยี่ยน ขอแค่เขาไปแจ้งให้หูชีเยี่ยนทราบก็เพียงพอแล้ว
เขาเรียกให้ซีเหมินจินเหลียนขึ้นรถมาด้วยกัน จ่านป๋ายนั่งอยู่บนรถ หันไปมองซ้ายทีขวาทีและถอนหายใจพูดขึ้นว่า “เจ้านายของคุณก็รู้วิธีเสพสุขชีวิตจริงๆ ตกแต่งใหม่หมดเลยใช่ไหมครับเนี่ย?”
เงามืดไม่ได้พูดอะไรอีกครั้ง คนมีเงินส่วนใหญ่ สำหรับเรื่องรถหรือบ้าน รวมถึงผู้หญิงก็เป็นเรื่องที่ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลก?
ได้ยินมาว่าเวลาซีเหมินจินเหลียนจะเลือกอะไรสักอย่าง เงื่อนไขของเธอก็สูงเช่นเดียวกัน
รถยนต์ขับเคลื่อนเข้าไปด้านใน ซีเหมินจินเหลียนมองผ่านหน้าต่างและครุ่นคิดถึงชีวิตหรูหราจอมปลอมที่ได้มาจากการทุจริตของหูชีเยี่ยน สวนในบ้านขนาดใหญ่มีดอกไม้และต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ ภายใต้ความโกรธที่เอ่อล้น…สวนเล็กในบ้านของตนเองเมื่อเทียบกับที่นี่แล้วก็เป็นแค่ขยะ
เงามืดนำพวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปในห้องรับแขก สั่งให้คนรับใช้ยกชามาเสิร์ฟและพูดว่า “คุณสองคนรออยู่ที่นี่ก่อน ผมรีบไปแล้วจะกลับมา”
“รบกวนด้วยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นพร้อมยิ้มน้อยๆ
เงามืดพยักหน้าและหันกายเดินขึ้นไปด้านบน ภายใต้แสงไฟและระยะห่างที่ไม่ไกล ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าบนตัวของเงามืดคนนี้เหมือนมีพลังชั่วร้าย ยากที่จะคาดเดาได้
ผ่านไปประมาณสิบนาที เงามืดก็ลงมาด้านล่างอีกครั้ง และพูดกับซีเหมินจินเหลียนด้วยความเคารพว่า “คุณหนูครับ นายท่านเชิญคุณขึ้นไปด้านบน”
“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตามเงามืดขึ้นไปด้านบน
แน่นอนว่าจ่านป๋ายเองก็ตั้งท่าจะเดินตามขึ้นไป แต่เงามืดกลับพูดขัดเขาไว้ก่อน “คุณจ่าน รบกวนคุณนั่งรออยู่ที่นี่เถอะ นายท่านอยากจะพบแค่คุณหนูซีเหมิน”
จ่านป๋ายมองไปทางซีเหมินจินเหลียน ว่ากันตามจริงแล้วเขาก็รู้สึกไม่วางใจ ท่าทางของหูชีเยี่ยนนั้นเหมือนจะไม่ใช่คนดี อย่าพูดถึงว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเลย ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เรื่องบ้าบออะไรเขาก็ทำได้ คนคนนี้…ทั้งตัวอาบไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย!
“ฉันขึ้นไปคนเดียวได้ คุณรอฉันที่นี่เถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
จ่านป๋ายได้แต่พยักหน้าตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก เงามืดถึงได้นำทางซีเหมินจินเหลียนขึ้นไปด้านบน…
“บาดแผลของเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนเดินตามเงามืดอยู่ด้านหลังและถาขึ้น
“ครับ…” เงามืดส่งเสียงตอบกลับอย่างเรียบๆ
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วแต่ไม่ได้ถามต่อ เห็นได้ชัดว่าเงามืดเกรงกลัวหูชีเยี่ยน ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ลับหลังเขา แต่เขาก็ไม่กล้าพูดเรื่องทั้งหมดของหูชีเยี่ยนออกมา
“นายท่าน คุณซีเหมินมาแล้วครับ” เงามืดผลักประตูและพูดกับคนข้างในด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
เพียงไม่นานซีเหมินจินเหลียนก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมตอบกลับมาว่า “เข้ามาเถอะ”
เงามืดหลีกทางให้ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไป เมื่อเดินเข้าไปแล้วเธอรู้สึกแคลงใจเหลือล้น ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนของหูชีเยี่ยนไม่ใช่เหรอ? เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะนัดเจอเธอในห้องนอนแบบนี้?
ไฟในห้องมืดมิด มีแค่โคมไฟติดผนังที่เผยแสงสีเหลืองอ่อนออกมา แชนเดอร์เรียคริสตัลหรูหราบนเพดานเป็นแค่ของตกแต่งประดับในบ้านให้สวยงามเท่านั้น ที่ด้านหลัง เงามืดปิดประตูแน่นสนิทและถอยหลังเดินออกไปอย่างเงียบๆ
“เข้ามาเถอะ” หูชีเยี่ยนส่งเสียงพูดอีกครั้ง “ถ้าลูกไม่ชินจะเปิดไฟก็ได้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนสังเกตเห็นหูชีเยี่ยนนอนเอนกายอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นเธอเข้ามา เขาก็ไม่ได้มีทีท่าจะลุกขึ้นยืน
ดูแล้วเหมือนหูชีเยี่ยนจะกลัวแสงมาก! ในใจของซีเหมินจินเหลียนคิดถึงปัญหานี้อีกครั้ง…ทำไมกัน?
เมื่อก้าวเท้าเดินเข้าไป ซีเหมินจินเหลียนก็นั่งลงตรงข้ามโซฟาของเขา อยากจะเจอเขา ตอนนี้ก็ได้เจอแล้ว แต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี
หูชีเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามองเธออยู่อย่างนั้น ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาสวมใส่ชุดฉางเผ่าสีดำสไตล์เดิม แบบนั้นไม่เป็นภาระแย่หรอกหรือ?
“มองฉันทำไมคะ คงไม่ได้คิดเรื่องที่ตัวจริงของฉันไม่ได้สวยเท่ากับในรูปถ่ายหรอกใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถูกเขาจ้องมองในเวลานั้นก็รู้สึกทนไม่ไหว
“เฮ้อ…” หูชีเยี่ยนปิดปากเงียบ คิดอยู่นานถึงพูดว่า “ลูกโตขนาดนี้แล้ว พ่อเลยอยากจะชื่นชมหน่อย”
“หลายปีมานี้คุณไม่เคยกลับมาหาฉัน ตอนนี้ยังจะมองอะไรอีกคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ถ้าเป็นไปได้ พ่อก็อยากกลับไปหาลูก” หูชีเยี่ยนลุกขึ้นนั่งบนโซฟา “ลูกกินข้าวแล้วหรือยัง”
ซีเหมินจินเหลียนมองเขาอย่างสงสัย หมายความว่าอย่างไร ถ้าเป็นไปได้งั้นหรือ? หรือเขาไม่มีอิสระที่จะทำตามใจต้องการได้?
“คุณสามารถอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดได้ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ไม่มีอะไรต้องอธิบาย” หูชีเยี่ยนส่ายศีรษะพูด “ลูกน่าจะรู้ พ่อเป็นคนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง!”
“แต่คุณก็ไม่ได้ตายจริงๆ!” ซีเหมินจินเหลียนกัดริมฝีปาก ในใจบ่นพึมพำ ถ้าหากเขาตายจริงๆ เธอก็ไม่ต้องมาเสียใจอยู่อย่างนี้ เพราะอย่างไรมันก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว
แม้ตอนเด็ก เธอจะปรารถนาอยากจะมีครอบครัวธรรมดาเหมือนเด็กทั่วไป มีพ่อแม่ที่คอยรักและเอ็นดู แต่สำหรับเธอแล้วนั่นก็เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันอย่างหนึ่ง ตอนนี้เธอไม่ต้องการแล้ว หรือจะบอกว่าเธอก็คุ้นชินกับมันไปแล้ว
“ปีศาจงูนั่นก็สร้างเรื่องไม่หยุดจริง!” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วพูด
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลุงงูค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ถ้าเขาไม่พูดจาซี้ซั้ว ลูกจะรู้เหรอ?” หูชีเยี่ยนส่ายศีรษะ
“ตอนนี้ฉันก็รู้เรื่องแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนเพื่อปิดปากหรอกค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดกระแทกแดกดัน
หูชีเยี่ยนยิ้มสักพักถึงเปล่งเสียงพูดขึ้นมา “เขายังบอกอะไรกับลูกอีก?”
“ไม่ใช่ว่าคุณเองก็รู้เหรอ ยังจะถามฉันทำไมอีกคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด สำหรับเรื่องที่หูชีเยี่ยนตามสืบเรื่องราวส่วนตัวของเธอ เธอเกิดความพะวงในใจอยู่ตลอด
“อ้อ…” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ลูกไม่บอกก็ไม่เป็นไร พ่อไปหาปีศาจงูและถามจนกว่าจะรู้เรื่องก็ได้แล้ว”
“เขาไม่บอกคุณหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์จะพูด
“อืม พ่อก็รู้ว่าเขาคงไม่บอก แต่มนุษย์ก็เป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัวและโหดร้ายอย่างยิ่ง ส่วนพ่อก็ไม่ใช่คนดีอะไร สำหรับเรื่องทารุณกรรมเค้นความจริงนั้น ก็ถนัดไม่น้อย” หูชีเยี่ยนพูดอย่างน่าไม่อาย
“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนหน้าถอดสี “ที่คุณไม่ตาย เพราะเทวดาไม่ได้ลืมตาดู” ถูกเขาเล่นงานจนโกรธไร้ซึ่งคำจะเอ่ย เมื่อพูดประโยคนี้ไปเธอก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง จะพูดอย่างไรคนคนนี้ก็คือพ่อแท้ๆ ของเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดออกมาจากปากตนเองว่าเขาไม่ใช่คนดี
“ลูกคงไม่ได้มาหาพ่อเพื่อชวนทะเลาะหรอกใช่ไหม?” หูชีเยี่ยนไม่ได้โกรธ แต่ไม่ยกเปลือกตาขึ้นมา
ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตามองเขาอย่างสับสน หน้าตาของเขายังคงเหมือนภาพในความทรงจำวัยเด็กของเธอ เพียงแต่หน้าซีดเซียวกว่าเก่ามาก และแก่กว่าเดิมเล็กน้อย…
พ่อในความทรงจำของเธอ เป็นบุคคลที่อบอุ่นร่าเริงเหมือนพระอาทิตย์คอยส่องแสง แต่ดูตอนนี้สิ! ไม่รู้ว่าทำไมเธอมักจะรู้สึกได้ถึงพลังชั่วร้ายในตัวของเขา…พลังด้านมืดลับๆ ที่แฝงลึกอยู่ข้างใน น่าจะเป็นเพราะว่าแสงไฟมืดสลัว คิดได้เท่านี้ซีเหมินจินเหลียนก็มองไปทั่วห้องก่อนจะหาปุ่มสวิตซ์ไฟเจอ และลุกขึ้นเดินไปเปิดมัน
แสงไฟสว่างจ้า หูชีเยี่ยนยกมือมาบดบังดวงตาตามสัญชาตญาณเช่นเคย
“ทำไมคุณถึงได้กลัวแสงล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามคำถามที่อัดอั้นค้างคาใจอยู่นาน ตอนแรกที่เธอเห็นเขาที่ถนนพนันหิน เขาก็อยู่ในบ้านหลังเล็กๆ แสงไฟสลัว ตอนอยู่ที่โรงแรมเขาดูกลัวแสงไฟมาก ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นบ้านตัวเอง เขาก็ยังคงเป็นแบบนั้น
หูชีเยี่ยนไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่ถามกลับไปว่า “พอจะมีวิธีไหนบ้าง ที่ทำให้ลูกรับปากกับพ่อว่าจะไปจากพม่า และไม่กลับมาอีก?”
“ให้เหตุผลที่เหมาะสมกับฉันมาสักข้อสิคะ แล้วฉันจะรีบไป!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ไม่อย่างนั้นเงื่อนไขอะไรก็ไม่ต้องเอ่ยถึง ฉันไม่กลัวคำขู่ของคุณ เพราะคุณไม่มีทางทำอะไรลุงงูได้หรอก” ความอดทนของลุงงูเธอเข้าใจดี แทนที่จะห่วงใยลุงงู ไเธอไม่สู้มาห่วงหูชีเยี่ยนดีกว่าเหรอ!
“ถ้าพ่อจะบอกว่า…มนุษย์บนโลกก็ไม่ได้ต้องการตำนานเทพหรอก!” หูชีเยี่ยนพูด “เหตุผลนี้เพียงพอหรือเปล่า?