ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกริ่ม หินหยกดิบที่ล่อตาล่อใจจนเกินไปถึงมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น เธอเดินบนเส้นทางหยกเกรดดีชั้นเลิศ แน่นอนว่าต้องสนใจแค่พวกสะดุดสายตาและหินหยกดิบเกรดดีเท่านั้น
ยุคนี้ความเป็นไปได้ที่จะเก็บของตกหล่นไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่ในวงการพนันหินหากอาศัยแค่เก็บเศษเล็กเศษน้อยร่ำรวยอย่างเดียว มันก็ดูจะขัดแย้งจากความจริงไปเสียหน่อย มนุษย์ยุคดิจิทัลสรุปประสบการณ์ออกมาไว้แล้วและถือว่ามีประโยชน์มาก…จุดหยก เส้นลายหยก…
ขอแค่บนผิวเปลือกหินหยกดิบมีลักษณะโดดเด่นชัดเจน ไม่เพียงแค่ขึ้นราคาเป็นหลายเท่าตัวทันที ยิ่งส่งผลให้คนจำนวนมากแก่งแย่งราคาเป็นธรรมดา ทำให้ราคานั้นยิ่งขึ้นสูงกว่าเก่า แต่ในใจของซีเหมินจินเหลียนนั้นเข้าใจดีว่าหากคนที่ดูแหล่งกำเนิดแสงเป็น แสงอ่อนๆ ที่ทะลุผ่านเปลือกหินหยกดิบออกมาถึงเป็นของเกรดดีที่แท้จริง แต่ด้านบนผิวของมันบางทีอาจไม่แน่นอนว่าจะมีลักษณะของจุดหยกหรือเส้นลายหยกปรากฏให้เห็น
ดังนั้นการพนันหินจึงมีความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่และน่าท้าทายเป็นองค์ประกอบหลัก
คิดถึงเพียงเท่านี้ซีเหมินจินเหลียนก็ส่ายศีรษะเบาๆ “ถึงเวลานั้นดูก็แล้วกัน หากซื้อไม่ได้จริงๆ มากสุดก็พูดได้แค่ไม่มีวาสนาจะได้ครอบครอง” ขอแค่มีพลังพิเศษในการมองทะลุสิ่งของ เธอก็ไม่กังวลที่จะแพ้เดิมพัน
หลินเสวียนหลานได้ยินจึงได้แค่ยิ้มออกมา เธอก็เป็นแบบนี้ แม้ในใจบอกว่าต้องการ แต่จะไม่แสดงออกให้เห็นชัดเจนจนเกินไป ไม่รู้ทำไมตอนนี้เขาถึงได้หวนนึกถึงครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเธอ ซีเหมินจินเหลียนที่มีความเหนียมอาย ร้องห่มร้องไห้จนหน้าตาเปรอะเปื้อนไปหมด ตอนนี้น่ะหรือ? เธอก็ไม่มีทางนอนอาบน้ำตาตัวเองแน่นอน บางทีถึงจะร้องไห้ออกมา เธอก็คงหาคนอื่นมานั่งฟังเธอระบายอารมณ์
“จินเหลียน รูปภาพพวกนั้น…” หลินเสวียนหลานคิดอยากจะอธิบาย ถึงซีเหมินจินเหลียนจะอยากหรือไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็ต้องอธิบายให้เธอฟัง เพราะตอนนี้เธอเป็นเจ้านายของเขา การแอบนำรูปของเจ้านายไปให้คนอื่นมันก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี
“รูปอะไรเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย “คุณไปถ่ายรูปมาเหรอ ขอฉันดูหน่อยได้ไหมคะ”
“จินเหลียน…” หลินเสวียนหลานไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรอยู่
จ่านป๋ายเองก็งุนงงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าซีเหมินจินเหลียนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่หลินเสวียนหลานก็ยังอยากแก้ตัวอธิบาย เรื่องนี้เขาก็เข้าใจได้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา?
เธอโกรธเข้าจริงๆ แล้ว! จ่านป๋ายลอบถอนหายใจ ครั้งนี้ที่หลินเสวียนหลานทำมันก็เกินไปหน่อยจริงๆ
“ถ้าคุณพูดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายก็ช่างมันเถอะค่ะ อย่าพูดถึงเลย” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก”
“ครับ” หลินเสวียนหลานถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอบอกว่าไม่อยากพูดถึง เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้นแล้วสิ่งที่เขาเตรียมตัวจะพูดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากเอื้อนเอ่ยได้อย่างไร อย่างนั้นก็ช่างเถอะ…
เรื่องระหว่างเขาและเธอ ยิ่งเข้าใจผิดลงลึกขึ้นเรื่อยๆ
ซีเหมินจินเหลียนเดินไปจนถึงประตูลิฟต์แล้ว จ่านป๋ายก็กดลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเขาจึงเดินเข้าไปพร้อมกับซีเหมินจินเหลียน
หลินเสวียนหลานชะงักฝีเท้ายืนนิ่งโคลงศีรษะมองจ่านป๋าย ความหมายก็คือตนไม่ขึ้นไป จ่านป๋ายก็เพียงพยักหน้าตอบ ปิดประตูลิฟต์ขึ้นไปด้านบน
เมื่อออกมาจากลิฟต์แล้ว ตรงทางเดินจ่านป๋ายก็ถามขึ้นว่า “จินเหลียน คุณโกรธเขาใช่ไหมครับ”
“ฉันโกรธคุณมากกว่า!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วหมดอารมณ์จะต่อว่า
“ผมเหรอ?” จ่านป๋ายไม่เข้าใจ เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย
“รูปพวกนั้นคุณเป็นคนถ่ายถูกไหม?” ซีเหมินจินเหลียนเหอะเสียงใส่ “และคุณก็เป็นคนจัดการถูกไหม?”
จ่านป๋ายเข้าใจที่มาที่ไปของปัญหาแล้วจึงพยักหน้าอย่างซื่อตรง “ใช่ครับ”
“ทำไมถึงได้เอารูปของฉันไปให้คนอื่นล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ผม…” จ่านป๋ายทำไม้ทำมืออยากจะอธิบาย แต่คำถามนี้เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ตอนนั้นที่ให้หลินเสวียนหลานดู ความจริงเขาก็ตั้งใจอยากจะโอ้อวด จากนั้นหลินเสวียนหลานก็มาบอกกับเขาว่าอยากได้ เขาจะพูดว่าไม่ให้ก็เกรงใจ เพราะเป็นคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น!
“ช่างเถอะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว” เมื่อเห็นจ่านป๋ายมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซีเหมินจินเหลียนก็โคลงศีรษะพูดว่า “ฉันกลุ้มใจมามากพอแล้ว คุณก็อย่าไปทำให้เขาทุกข์ใจอีกเลย”
“ผมว่าคุณกำลังหนีปัญหาอยู่นะ” จ่านป๋ายยิ้มฝืน
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นอย่างสับสน มองเขาและถามว่า “ฉันหนีปัญหาอะไร?”
“คุณหูท่านนั้น ไม่ใช่ว่าคุณตั้งใจจะหลบหลีกเขาอยู่เหรอ?” จ่านป๋ายส่ายหน้า “ความจริงคุณไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย?”
ซีเหมินจินเหลียนออกแรงกำหมัดแน่น เธอตั้งใจที่จะหนีปัญหาเหรอ? เธอแค่ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร และเขาก็ไม่เห็นจะมีทีท่าอยากจะเจอเธอเลย ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็หลบเลี่ยงแบบนี้ต่อไปเถอะ! คิดเสียว่าเขาตายไปตั้งนานแล้ว เธอก็ใช้ชีวิตผ่านมาได้ ไม่ได้ตายเสียหน่อย…
ในระหว่างที่ทั้งคู่พูดจากันนั้นก็เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว จ่านป๋ายเอื้อมมือคิดจะเปิดประตูออกมา แต่ก็มีประกายความสงสัยแวบเข้ามา สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็น ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมแห่งนี้ได้ยินว่าเป็นอันดับต้นๆ ของพม่า แต่ก็ยังมีขโมยเข้ามาได้หรือ?
ห้องนี้ ต้องมีคนใช้วิธีการสกปรกเปิดเข้ามาก่อนแน่ๆ แม้จะไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ปลดล็อค แต่ก็ไม่ใช่คนนอกวงการ
“เป็นอะไรไปเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาจึงถาม
“ก่อนหน้านี้มีคนแอบเข้ามาในห้องครับ” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วก็ตกใจยกใหญ่ แม้ว่าของของเธอจะไม่มีอะไรให้ขโมย แต่เมื่อถูกคนย่องเบาแอบเข้าไปในห้องตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อสืบหาข้อมูลแบบนี้ หากเป็นใครก็คงไม่ชอบใจกันทั้งนั้น…ครั้งก่อนเป็นเลี่ยวก่วงที่หน้าไม่อายนั่น ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นคนน่ารำคาญที่ไหนอีก?
“คนคนนี้เขาก็คงอยากซวยมากล่ะมั้งครับ?” จ่านป๋ายขมวดคิ้ว “ตอนนี้เขายังไม่ได้ไปไหน เอายังไงดีครับ”
“เข้าไปดูเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ระวังตัวหน่อย”
จ่านป๋ายพยักหน้า สื่อให้ซีเหมินจินเหลียนยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหมุนลูกบิดประตู ในขณะที่เปิดห้องออก เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นมาอย่างเรียบเฉย “ไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นหรอก”
จ่านป๋ายนิ่งงัน ภายในห้องเปิดแค่โคมไฟติดผนังดวงหนึ่ง คุณหูสวมใส่ชุดฉางเผ่ายาวสีดำยืนตรงมือไพล่หลัง
จ่านป๋ายจ้องมองไปที่ชุดฉางเผ่าตัวโคร่งสีดำบนร่างของเขา บริเวณชายแขนเสื้อมีปักลวดลายรูปเพลิงไฟ อย่าบอกนะว่าเขาสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้เดินเข้ามา เขาก็ไม่กลัวจะเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนหรืออย่างไร? ถ้าทำไม่ดี คนอื่นอาจจะนึกว่าเขาเป็นคนยุคโบราณที่ไหนออกมาจากหลุมศพก็ได้!
“จินเหลียน…” จ่านป๋ายเปิดทางเล็กน้อยให้ซีเหมินจินเหลียนเข้ามา เขารู้ว่าคุณหูไม่ได้มาหาเขา เป้าหมายของเขาน่าจะเป็นซีเหมินจินเหลียนมากกว่า
ซีเหมินจินเหลียนเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน เขายังกล้ามาหาเธอที่โรงแรมอีกหรือ?
“คุณเข้ามาได้ยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เรียกพนักงานโรงแรมให้เอากุญแจมาเปิด ง่ายนิดเดียว!” คุณหูยิ้มอ่อน และชี้ไปที่โซฟาพูดว่า “เข้ามานั่งก่อนสิ พวกเราน่าจะคุยกันดีๆ”
“ผมจะไปฟ้องร้องพนักงานของโรงแรมนี้!” จ่านป๋ายค่อนข้างแปลกใจกับคำตอบของเขา ขบฟันพูดขึ้นทันที
“ตามสบาย” คุณหูยิ้มอ่อน “แต่ฉันเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ หรือเธออยากจะฟ้องร้องฉัน?”
“นี่คุณ…” จ่านป๋ายรู้ว่าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้เป็นคนจีน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา ไม่น่าล่ะเขาถึงให้พนักงานของโรงแรมหยิบกุญแจห้องเปิดเข้ามาอย่างโจ่งแจ้งได้ และนั่งรอพวกเขาอยู่ในห้องสบายใจเฉิบ ที่แท้…เขาก็คือเจ้าของโรงแรมแห่งนี้
ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามเขา จ่านป๋ายอาศัยโอกาสนี้กดปุ่มสวิตช์เปิดโคมไฟบนผนังห้อง แสงไฟสว่างจ้าที่ดูแล้วคุณหูท่านนี้จะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ เพราะเขาใช้มือขึ้นมาบดบังดวงตาทันที
จ่านป๋ายรู้สึกแปลกใจ ถามออกไปตามสัญชาตญาณว่า “คุณกลัวแสงอย่างนั้นหรือครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันว่าเขากลัวแสง ไม่น่าจะใช่สิ? ตอนเด็กๆ ก็ไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้ว่าเขากลัวแสง? สำหรับคนธรรมดา แสงแบบนี้ก็ไม่ได้ทำร้ายดวงตาและไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบาย
คุณหูไม่ได้ตอบคำถามนี้มองไปที่ซีเหมินจินเหลียน และนิ่งไปนานก่อนจะพูดขึ้น “คุณจ่าน เชิญคุณออกไปข้างนอกก่อน ผมมีเรื่องต้องคุยกับซีเหมินจินเหลียนเป็นการส่วนตัว”
จ่านป๋ายมองไปทางซีเหมินจินเหลียนแวบหนึ่ง เห็นเธอพยักหน้าถึงยิ้มตอบกลับไปและหมุนตัวเดินออกไปนอกประตู ในใจรู้สึกสงสัยประหลาด แม้คุณหูท่านนี้จะพูดคำว่าเชิญ แต่ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคำสั่งมันก็ดูน่าตกใจไม่เบา
คุณหูนั่งพิงโซฟามองไปที่ซีเหมินจินเหลียน “โกรธหรือ?”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตอบออกไป เธอเล่นอยู่กับแก้วน้ำบนโต๊ะรับแขก คุณหูส่ายศีรษะถาม “ลูกมาที่พม่าทำไม”
“พนันหินค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนตอบสั้นๆ ได้ใจความ
“ลูกลืมที่พ่อเคยพูดกับลูกแล้วหรือ?” คุณหูขมวดคิ้ว “คำพูดที่ลูกรับปากพ่อไว้เมื่อตอนเด็ก ลูกก็ลืมแล้ว?”
“ฉันแค่ลืมเรื่องบางเรื่อง แต่ไม่ลืมคำสั่งสอนของคุณ!” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้ามองเขา
“แล้วทำไมลูกถึงได้มาพนันหินอีก?” คุณหูพูดอีกครั้ง
ครั้งนี้ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไร หลินเสวียนหลานชักนำให้เธอเข้าสู่เส้นทางพนันหินหยก แน่นอนเธอก็ลืมเรื่องราวทั้งหมดไปอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อได้เห็นหยกพวกนี้ก็ทำให้เธอคิดถึงความทรงจำวัยเด็กได้บางอย่าง…
“ถ้าลูกแค่พนันหินหาเงินไว้ใช้เล่นๆ ก็แล้วไป” คุณหูถอนหายใจพูด “ถ้าหากลูกต้องการเงิน ต้องการบริษัทหรือว่ามรดก พ่อก็ยกให้ลูกได้หมดทุกอย่าง แต่ถ้าลูกคิดจะตามหาหินปิดฟ้านั่น ก็ล้มเลิกเสียเถอะ”
“ทำไมล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าถาม “ให้เหตุผลฉันมาสักข้อได้หรือเปล่า?”
“ไม่มีเหตุผลอะไร แค่พ่อไม่อนุญาต!” คุณหูแค่นเสียงใส่ สีหน้าอมทุกข์
“คุณไม่อนุญาต?” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “แค่คำพูดของคุณประโยคเดียวว่าไม่อนุญาต ทำไมฉันต้องทำตามด้วย? คุณจากไปตั้งหลายปี เคยสนใจไยดีฉันบ้างไหม?”
“ลูกเคยเห็นปีศาจงูหรือ” คุณหูถามอีกครั้ง
“ฉันเคยเห็นมาก่อน” ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ปิดบังเขา
“เขาบอกอะไรกับลูก” คุณหูพูด
“นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!” ซีเหมินจินเหลียนแค่นเสียงใส่
“พวกเรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันสักข้อเป็นอย่างไร?” คุณหูถามขึ้นทันใด
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ พวกเขาก็มาถึงขั้นทำข้อแลกเปลี่ยนกันแล้วหรือ?
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรคะ?” แม้จะรู้สึกสงสัยปนเกรี้ยวโกรธ แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ยังคงถามออกไปอย่างเรียบนิ่ง เธอไม่สามารถโกรธเขาได้ โกรธไปก็ไม่ได้อะไร
“รับปากกับพ่อว่าหลังจากนี้จะไม่มาที่พม่าอีก แล้วพ่อจะปล่อยปีศาจงู!” คุณหูพูดเสียงเรียบเฉย
“คุณคิดว่าคุณเป็นใครคะ ที่จะตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นได้?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ไหว ลุกขึ้นยืนด้วยความเดือดจัด