ตอนเช้า เวลาหกโมงตรง หูชีเยี่ยนลากรองเท้าสไตล์ผ้าใบโบราณพื้นพันชั้นคู่นั้นเดินลงมาจากชั้นบน จ่านป๋ายแอบรู้สึกยินดี ยังดีๆ ที่เขาตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่และต้มโจ๊กตามที่เขามอบหมายไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีวันเวลาดีๆ ให้ข้ามผ่านไปแน่
แต่เมื่อลองคิดย้อนไปแล้ว เขาจะตื่นเช้าขึ้นมาทำอะไรกัน? แต่ยังไม่ทันได้คิดเท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของซีเหมินจินเหลียนเดินลงมาก่อน…
แปลกจริง วันนี้มันวันอะไรกัน? จ่านป๋ายไม่เข้าใจเลยว่าทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงได้ตื่นเช้าขนาดนี้? โดยปกติถ้าไม่มีธุระอะไรเธอจะตื่นประมาณเก้าโมงไม่ใช่เหรอ?
ซีเหมินจินเหลียนปล่อยผมยาวสลวย มาในชุดนอนของผ้าฝ้ายและรองเท้าสลิปเปอร์ขนปุกปุยคู่หนึ่ง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนทักทายจ่านป๋ายกับหูชีเยี่ยน
หูชีเยี่ยนเองก็รู้สึกข้องใจ “ลูกตื่นเช้ามาทำอะไร มีธุระหรือ?”
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา เมื่อวานหูชีเยี่ยนจงใจย้ำกับจ่านป๋ายว่าให้เตรียมมื้อเช้าก่อนหกโมง นั่นหมายความว่าเขาจะต้องตื่นขึ้นมาหกโมงตรง เขาเป็นพ่อของเธอ แล้วเธอจะให้พ่อที่เป็นแขกอย่างเขาตื่นขึ้นมาก่อน ทั้งๆ ที่เธอยังนอนหลับอยู่บนเตียงได้อย่างไร? ดังนั้นเธอจึงจงใจตั้งนาฬิกาปลุกตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่
“ในเมื่อคุณตื่นแล้ว แล้วฉันจะไม่ตื่นได้เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขื่น
“อืม ก็ดีเหมือนกัน กินมื้อเช้าเสร็จแล้วค่อยกลับไปนอนต่อก็ได้” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด
“คุณไม่ว่าอะไรเลยเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนแคลงใจ
สีหน้าอารมณ์ของหูชีเยี่ยนยิ่งแปลกกว่าเดิม ไม่นานถึงเปล่งเสียงพูดออกมา “ตอนเด็ก…พ่อจำได้ว่าพ่อตามใจลูกมาก หากลูกอยากได้อะไร มีหรือที่พ่อจะไม่ตามใจลูก? จำได้ว่าเพราะเรื่องนี้ ย่าของลูกก็ยังเคยพร่ำสอนพ่อว่าลูกจะถูกตามใจจนเสียนิสัย…”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ส่ายหน้าพูดขึ้นว่า “เรื่องสมัยเด็ก ฉันจำไม่ค่อยได้หรอกค่ะ” ปากก็พูดไปแบบนั้น แต่เธอก็นั่งลงข้างๆ หูชีเยี่ยน
เมื่อเห็นนิ้วมือที่วางอยู่บนหัวเข่าของหูชีเยี่ยน ซีเหมินจินเหลียนก็ไตร่ตรอง…หลายปีมานี้หูชีเยี่ยนน่าจะรักษาสุขภาพอย่างดีใช่ไหม? นิ้วมือของเขาขาวเรียว มีน้ำมีนวลเหมือนหยก เขาใช้ชีวิตอยู่ในความมืดที่ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันในเหมืองหยกหลายปีจริงๆ หรือ?
คิดได้เท่านี้ ซีเหมินจินเหลียนก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกครั้ง พอมองแล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไม่หยุด ใบหน้าของหูชีเยี่ยนไม่ได้มีริ้วรอยหย่อนคล้อยเหมือนชายวัยกลางคนที่ควรจะมี เขาแค่แต่งตัวเป็นคนแก่…แต่ผิวของเขายังคงเรียบเนียนเหมือนชายหนุ่ม…
ถ้าเขาไม่ตั้งใจที่จะแต่งตัวเหมือนคนแก่ ซีเหมินจินเหลียนรับรองได้เลยว่า ถึงแม้เขาจะพูดว่าตนเองอายุสามสิบก็คงมีแต่คนเชื่อ
“คุณหู…” ในระหว่างที่ซีเหมินจินเหลียนพูดนั้น เธอก็เอื้อมมือไปสัมผัสที่มือของเขาและในวินาทีนั้นเอง เธอก็ต้องชักมือออกอย่างรวดเร็ว แล้วมองหูชีเยี่ยนด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ใบหน้าของหูชีเยี่ยนมีเงามืดมนที่ยากต่อการสังเกตเห็น แต่เขาก็ยิ้มตอบ “มีอะไรหรือ”
ซีเหมินจินเหลียนมองมือของเขาอย่างนิ่งงัน คิดอยากจะจะสัมผัสอีกรอบ มือของเขาเยือกเย็นเหลือเกิน เหมือนกับว่าไม่มีอุณหภูมิในร่างกาย จับแล้วเหมือนมือของคนตาย…
“จินเหลียน ลูกเป็นอะไรไป ทำไมสีหน้าไม่ดีเลยล่ะ” หูชีเยี่ยนพูดพลาง อีกมือก็ยื่นไปแตะที่หน้าผากของเธอ “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่า อุ้งมือของเขาอบอุ่นเหมือนอุณหภูมิในร่างกายของคนทั่วไป ถึงได้ผ่อนคลายลง หรือว่าเมื่อกี้เธอจะรู้สึกไปเอง? เป็นไปได้อย่างไรกัน? เมื่อกี้ตอนที่เธอแตะลงไปก็รู้สึกว่ามือของเขาเย็นยะเยือกเหมือนศพ…
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว น่าจะเป็นเพราะตื่นเช้าใช่ไหม? สีหน้าลูกไม่ดีเลย กินมื้อเช้าให้เสร็จแล้วค่อยกลับไปนอนต่อเถอะ ต่อไปไม่ต้องกังวลเรื่องของพ่อ พ่อไม่ใช่คนนอกอะไร” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้ารับปาก
จ่านป๋ายรู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตา ตอนนี้เมื่อมองทั้งคู่ก็เหมือนดั่งพ่อแม่รักและเมตตาต่อลูก ลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ แต่ไม่รู้ทำไมในใจของเขามีความไม่สบายใจซ่อนอยู่ สีหน้าเมื่อสักครู่ของซีเหมินจินเหลียนเปลี่ยนไปจนน่าประหลาด
“กินมื้อเช้ากันเถอะครับ” จ่านป๋ายยกโจ๊กพุทรามาเสิร์ฟ จากนั้นก็ตั้งเครื่องเคียงหลากหลายชนิดไว้บนโต๊ะ
ซีเหมินจินเหลียนกินมื้อเช้าไปไม่เยอะ เธอกินโจ๊กแค่ครึ่งถ้วยก็วางลงแล้ว ก่อนจะมองหูชีเยี่ยนกิน แต่หูชีเยี่ยนก็ไม่ได้กินเยอะเท่าไหร่ กินเสร็จยังเร่งให้ซีเหมินจินเหลียนขึ้นไปนอนต่อด้านบน อย่ามัวแต่สนใจเขาอยู่
“เสี่ยวป๋าย คุณช่วยขึ้นมานี่หน่อยได้ไหม ก๊อกน้ำในห้องน้ำของฉันพัง เข้ามาช่วยดูให้ฉันหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นด้านไปข้างบน
“อ้อ?” จ่านป๋ายมึนงง จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา ซีเหมินจินเหลียนมีเรื่องเรียกหาเขา
“จินเหลียน เกิดอะไรขึ้นครับ” จ่านป๋ายเดินตามหลังเธอเข้ามาในห้อง และปิดประตูลงพร้อมขมวดคิ้วถาม
“เมื่อครู่ตอนที่ฉันสัมผัสมือของเขา มันเย็นเหมือน…เหมือนน้ำแข็ง!” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกระอักกระอ่วนที่จะพูดว่า มือเย็นยะเยือกของหูชีเยี่ยนนั้นเหมือนดั่งศพคนตายก็ไม่ปาน เลยเปลี่ยนคำพูดแทน
“เป็นเพราะอากาศเย็นหรือเปล่าครับ?” จ่านป๋ายพยายามหาเหตุผล แต่ในห้องรับแขกก็เปิดฮีตเตอร์อยู่นี่นา แถมยังอุ่นกำลังดี
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ความเย็นนั้นไม่ใช่เย็นเหมือนน้ำแข็ง แต่มันเย็นสะท้านเข้าไปในกระดูก เย็นเข้าไปในหัวใจ
“เพื่อที่ขจัดข้อสงสัยของฉัน เมื่อสักครู่ตอนที่เขาแตะหน้าผากฉัน อุณหภูมิของฝ่ามือของเขาก็ปกติมาก!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด “ตอนแรกยังเย็นอยู่ แต่แค่เดี๋ยวเดียวก็กลับมาเป็นปกติเนี่ยนะ?”
“เรื่องที่ลุงงูฝากฝังกับฉันไว้ พอฉันเจอเขาก็ลืมไปเลย…” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งไปครู่หนึ่งจึงขมวดคิ้วพูด “โทรไปหาสวี่อี้หราน ช่วยถามเขาหน่อยว่าเขาอยู่เซี่ยงไฮ้หรือเปล่า”
“จินเหลียน คุณจะทำอะไรครับ” จ่านป๋ายถาม โทรหาหมอมองโกลในเวลานี้? มันใช่เวลาหรือ
ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปสัมผัสชุดนอนบนร่างของตัวเองและคิดถึงคำพูดของลุงงู เรื่องนี้…ไม่แน่ว่าต้องอยู่ในกฎของการดำรงอยู่ของมนุษย์เป็นพันๆ ปี ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เมื่อสักครู่เรื่องมือของเขาจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?
จริงสิ เขาก็เคยบอกเองว่าเขาจะเป็น…คนก็ไม่ใช่คน ผีก็ไม่ใช่ผี…
“ฉันเพียงแค่อยากหาข้ออ้างให้หมอมองโกลมาจับชีพจรเขาเท่านั้น คุณจะกังวลอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้มออกมา “อย่างไรเขาก็เป็นพ่อของฉัน ถ้าเขาเป็นโรคอะไรแทรกซ้อนจะได้รักษาได้ทันตั้งแต่แรก”
“จินเหลียน คุณกำลังหลอกตัวเองอยู่” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด “เขาแปลกประหลาดก็จริง แต่ไม่ได้ป่วยแน่ ถึงคุณจะเรียกให้หมอมองโกลมาก็เปล่าประโยชน์”
“เขาไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา แล้วยังมาหาฉันถึงเซี่ยงไฮ้!” ซีเหมินจินเหลียนปัดมือพูด “ฉันทำได้แค่ต้องหาวิธีด้วยตัวเอง!”
“เอาเถอะครับ” จ่านป๋ายยิ้ม “เดี๋ยวผมโทรไปหาสวี่อี้หรานเอง บอกว่าคุณจะเลี้ยงมื้อค้ำเขา ผมว่าเขาคงต้องดีใจจนเนื้อเต้นแน่!”
“ฉันไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดนั้นหรอกน่า” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะ “เพียงแต่หยกของฉันมีเสน่ห์ต่างหาก”
“คุณนอนเถอะ ผมจะลงไปแล้ว วันนี้ไม่รู้ว่าเขาเตรียมตัวเล่นงานผมอีกเท่าไหร่ โชคดี…เมื่อวานเขายังมีจิตสำนึกดี ไม่ให้ผมไปซักผ้าม่าน” จ่านป๋ายถอนหายใจ วันไหนที่มีหูชีเยี่ยนอยู่ ก็อย่าหวังจะให้เขาได้มีชีวิตที่ดีในวันนั้นเลย ใช่สิ ได้ยินว่าจ่านมู่ฮวาอยากจะย้ายมาอยู่คฤหาสน์จินเหลียน มาเถอะ เขามาก็จะรู้เองว่าในนี้นอกจากจะมีสาวสวยอย่างซีเหมินจินเหลียน และหยกชั้นเลิศหลากสีแล้ว ยังจะมีตาเฒ่าวิปริตคนหนึ่งด้วย…
ความจริงหูชีเยี่ยนนั้นก็ไม่ได้ถือว่าแก่ หากเขาแต่งตัวสักหน่อย ออกไปดื่มด่ำกับหญิงสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดก็คงตกเหยื่อมาได้เยอะอย่างที่หวัง…ขอแค่เขาไม่พยายามแต่งตัวให้เป็นผู้เฒ่าก็ไม่มีปัญหา อีกทั้งจ่านป๋ายยังรู้สึกว่าความจริงหูชีเยี่ยนเองก็หน้าตาหล่อเหลา เมื่อพูดถึงลักษณะหน้าตาแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็ไม่ได้สืบทอดเรื่องดีงามของเขาเลย แต่ส่วนหน้าผากของทั้งคู่มีความคล้ายกันอยู่บ้าง พิสูจน์ไว้ว่าพวกเขาเป็นสายเลือดเดียวกัน
จ่านป๋ายคิดพลางแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง เมื่อเห็นประตูโกดังสินค้าถูกเปิดอยู่ก็รีบเดินเข้าไปดู เห็นหูชีเยี่ยนกำลังตั้งอกตั้งใจวาดเส้นกำกับอยู่บนหินหยกเนื้อแก้วสีเขียวสดทั้งก้อน
“คุณทำอะไรอยู่เหรอครับ?” จ่านป๋ายตกใจ หินหยกแบบนี้มูลค่าพอจะซื้อเมืองทั้งเมืองได้ ตนก็ไม่มีทางให้เขามาทำเล่นๆ หรอก
“จินเหลียนอยากจะทำโถใส่ของ ฉันก็เลยกำลังร่างเส้นไว้อยู่” หูชีเยี่ยนเงยหน้าพูด “เธอนอนแล้วเหรอ?”
“ครับ” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “คุณแกะสลักหยกเป็นด้วยเหรอครับ?”
“ก็เห็นอยู่ไม่ใช่หรือไง?” หูชีเยี่ยนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่ถามกลับไป
จ่านป๋ายอ้ำอึ้งอยู่นานไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก แต่คิดดูแล้วทักษะการแกะสลักหยกของซีเหมินจินเหลียนก็เป็นทักษะที่สืบทอดมา ถ้าหูชีเยี่ยนทำไม่เป็นต่างหากถึงจะแปลก
“เธอเรียกนายไปคุยอะไร ทำไมต้องปิดบังฉัน?” หูชีเยี่ยนร่างรูปแบบพลางถาม
“คุณคิดไปถึงไหนแล้ว เธอก็เป็นห่วงคุณมากนะครับ!” จ่านป๋ายพูด
“จริงเหรอ?” หูชีเยี่ยนยิ้มเยือกเย็น “ห่วงใยจนเกินไปหรือเปล่า?”
จ่านป๋ายได้ยินจึงตกใจ ในใจรู้สึกสงสัยไม่หยุด คำพูดเมื่อสักครู่ที่ซีเหมินจินเหลียนกับเขาคุยกัน หูชีเยี่ยนก็ได้ยินหมดแล้ว? แต่การจัดแต่งของที่นี่เขาเป็นคนดูแลเองทั้งหมด หากหูชีเยี่ยนติดตั้งเครื่องดักฟัง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร บางทีเขาอาจจะสงสัยมากเกินไปเอง
“ตอนเที่ยงคุณอยากกินอะไรครับ? ผมเก็บของเสร็จจะได้ไปซื้อให้ถูก?” จ่านป๋ายเบี่ยงประเด็นสนทนา
“ตอนเที่ยงฉันเอาอะไรก็ได้ กับข้าวสี่อย่าง ซุปหนึ่งอย่าง นายเลือกอาหารที่จินเหลียนชอบมาแล้วกัน” หูชีเยี่ยนพูด “ส่วนมื้อเย็น เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะเอาเมนูมาให้นาย”
“ครับ” จ่านป๋ายรับปาก แต่จู่ๆ ก็มองไปที่หูชีเยี่ยน “ความจริงคุณก็เอ็นดูจินเหลียนมาก แต่ทำไมต้องแกล้งทำเป็นไร้เยื่อใยด้วย? นิสัยของจินเหลียน บุคลิกเข้มแข็งไม่กลัวความแกร่ง คุณก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้นี่ครับ ผมรู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่างที่คุณน่าจะพูดคุยกับเธอให้รู้เรื่องสักหน่อย”
หูชีเยี่ยนเงยหน้ามองเขา และพูดเสียงแข็งว่า “พ่อหนุ่ม นายก็ยุ่งมากเกินไปแล้ว! ดูแลลูกสาวฉันให้ดีก็พอ!”
จ่านป๋ายยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่พูดอะไรต่อให้มากความ นิสัยของหูชีเยี่ยนแปลกจริงๆ ไหนจะบวกกับไม่ยอมปริปากพูดอะไร ส่วนซีเหมินจินเหลียนก็เป็นประเภทที่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ…สองพ่อลูกเมื่อมาเจอกัน แน่นอนคุยกันแค่ครึ่งคำก็มากเกินพอ
และเขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ทำไมหูชีเยี่ยนไม่อนุญาตให้ซีเหมินจินเหลียนตามหาหินปิดฟ้า?
จริงสิ ไม่ใช่ว่าเขากลัวแสงหรอกเหรอ? ตอนนี้ดูอย่างไรก็เหมือนคนปกติทั่วไป? จ่านป๋ายมองไปที่โกดังข้างในที่เปิดไฟสีขาวนีออนสว่างจ้า แล้วขมวดคิ้ว
หูชีเยี่ยนไม่ได้สนใจเขา ตั้งใจวาดลวดลายด้วยความใส่ใจ
ซีเหมินจินเหลียนเข้ามาในโกดังเก็บสินค้าตอนเก้าโมงครึ่ง เมื่อเห็นบนหินหยกสีเขียวสดมีต้นฉบับที่วาดเรียบร้อยอยู่ด้านบน ฝั่งหนึ่งเป็นดอกไลแอคสีม่วงกับนกตัวเล็กๆ หางยาวสองตัว อีกฝั่งเป็นลวดลายของดอกวิสทีเรียกับลิง…
“สวยมากเลยค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนชื่นชม
“มา เข้ามาดูนี่สิ พ่อจำได้ว่าตอนลูกยังเด็ก ลูกก็ชอบนกที่มีหางยาวๆ เอาแต่รบเร้าให้พ่อช่วยจับให้ลูก…แต่พ่อก็มักจะจับให้ลูกไม่ได้” หูชีเยี่ยนมองซีเหมินจินเหลียนและยิ้มอ่อน