ซีเหมินจินเหลียนถามออกมาอย่างสงสัย “งูตัวนี้ตามติดพ่อได้ยังไงคะ”
“พ่อกับปีศาจงูขึ้นต้นไม้ไปหาไข่นก และมันก็กำลังแอบกินไข่นกอยู่พอดี แค่นี้ล่ะมันก็ตามพ่อแล้ว!” หูชีเยี่ยนยิ้ม
จ่านป๋ายรู้ว่าหูชีเยี่ยนกับซีเหมินเวิ่นเสวี่ยคนนั้น ตอนเด็กน่าจะซุกซนจนรอบรู้ไปทุกเรื่อง แถมซีเหมินเหล่าเอ๋อร์ยังสอนศิลปะการต่อสู้กังฟูให้พวกเขาอีก เป็นอาจารย์ในวัยเด็กของทั้งสองได้ดีจริงๆ
“ตอนนั้นคุณก็ไม่คิดจะเอามันไปตุ๋นกินเหรอครับ?” จ่านป๋ายยิ้ม
เมื่อได้ยินเสียงของจ่านป๋าย นางพญางูขาวก็เลื้อยออกมาจากใต้โซฟาและส่งสายตาจ้องเขม็งไปทางเขา จ่านป๋ายตกใจจนมือไม้พัลวันหลบไปอยู่ข้างๆ แต่เมื่อซีเหมินจินเหลียนกลับผิวปากเบาๆ งูตัวขาวถึงได้หยุดลง และจ้องมองไปที่จ่านป๋ายอย่างขุ่นเคือง
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มทั้งหูทั้งตา หูชีเยี่ยนจึงก่นด่าออกมาว่า “นายก็คิดได้เท่านี้เองเหรอ?”
“ผมไม่ได้มีความชอบที่พิสดารขนาดนั้นนะครับ? ชอบงูเนี่ยนะ?” จ่านป๋ายหลบตัวซ่อนอยู่หลังซีเหมินจินเหลียน ไม่กล้าไปหาเรื่องนางพญางูขาวอีก ล้อเล่นอะไรกัน นี่เป็นงูมีพิษร้ายแรงเลยนะ เกรงว่ามีแค่คนแปลกๆ แบบหูชีเยี่ยนเท่านั้นถึงได้กล้าเอามันมาซ่อนไว้ในบ้าน
“ไอ้เด็กกวนบาทา!” หูชีเยี่ยนสบถด่าออกมา “รีบเก็บกวาดข้าวของให้ดี อย่ามัวแต่เอะอะโวยวายอยู่” พูดพลางเขาก็มองไปที่งูตัวขาวแล้วแค่นเสียงใส่ “เธอก็ช่วยซ่อนให้มิดชิดด้วยล่ะ ไม่อย่างนั้นถ้ามีเรื่องทำให้ฉันนึกสนุกขึ้นมา ฉันได้เอาเธอมาตุ๋นแน่!”
งูตัวขาวหดหัวเล็กน้อยและรีบมุดหายเข้าไปใต้โซฟา
รอให้งูตัวขาวซ่อนตัวอยู่ใต้โซฟาแล้ว จ่านป๋ายที่ในใจยังหลงเหลือความหวาดกลัวอยู่นั้นก็ถามซีเหมินจินเหลียนว่า “จินเหลียน คุณบอกว่ามันอยู่ในสวนดอกไม้ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้ได้ล่ะ เอ่อ…ถ้าผมไม่ระวังไปเหยียบจนมันบาดเจ็บเข้าจะทำยังไง?”
“คุณอยากจะพูดว่าถ้าคุณไม่ระวังถูกมันกัดเข้าจะทำยังไงต่างหาก!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “วางใจเถอะ นางพญางูขาวไม่เคยกัดคนมาก่อน แน่นอนเว้นเสียแต่สถานการณ์พิเศษ”
“อืม” จ่านป๋ายถึงได้วางใจลง และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ในห้องมีงูอยู่ตัวหนึ่ง คิดๆ ดูแล้ว…มันก็ไว้ใจไม่ได้ ทำไมคนในบ้านหลังนี้ถึงได้มีความชอบพิเศษแบบนี้นะ? เลี้ยงงู? พระเจ้า แค่หินราชางูพลังชั่วร้ายก้อนนั้นก้อนเดียวยังชั่วร้ายไม่พออีกเหรอ?
…
คลับหยก
จ่านอิ๋นหมดเรี่ยวแรงนั่งพิงบนโซฟาหนังแท้สีน้ำตาล จ่านมู่ฮวาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แม้จะล้างคราบเลือดที่อยู่บนใบหน้าออก แต่รอยช้ำฟกช้ำดำเขียวก็ยังปิดไม่มิด
ฝั่งตรงข้ามของพวกเขา มีชายชุดดำวัยกลางคนนั่งอยู่ด้วยราศีที่มืดทะมึน คนคนนี้เป็นเงาปีศาจได้น่ากลัวกว่าเม่ยอิ่งอีก ถ้าหากไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา คงทำให้คนอื่นอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเขาเป็นคนที่ตายแล้ว
“คุณซีเหมิน ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?” จ่านอิ๋นมองไปยังคนที่เหมือนครึ่งผีครึ่งคนคนนั้น
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า คนที่ดูราวกับครึ่งผีครึ่งคนคนนั้นก็คืออาจารย์ของสวี่อี้หรานหมอมองโกลนั่นเอง ลูกชายคนโตของซีเหมินเหล่าเอ๋อร์ หรือก็คือซีเหมินน่งเย่ว์
ซีเหมินน่งเย่ว์เหล่ตามอง ดูดวงอาทิตย์ในยามเช้าที่น่าจะเป็นเวลาเก้าโมงครึ่งแล้ว หน้าหนาวแล้วดวงอาทิตย์อุ่นแบบนี้มันสบายมากเหลือเกิน? ถ้าไม่เกิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ เขาคงยังซ่อนตัวอยู่ใต้โลกที่ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ใช้ชีวิตเสพสุขกับความหนาวเหน็บ…
“เขาจะมีชีวิตได้ยังไง!” ซีเหมินน่งเย่ว์ควบคุมสายตา “ไม่มีทางเป็นไปได้!”
“แต่เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ นะครับ!” จ่านอิ๋นขมวดคิ้วพูด “อีกทั้งยังหยิ่งผยองเหมือนยี่สิบปีก่อนไม่มีผิด”
“ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะฆ่าเขาอีกครั้ง!” ซีเหมินน่งเย่ว์พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ความหมายของคุณก็คือ?” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้ว เขาไม่อยากให้ซีเหมินน่งเย่ว์พลอยทำร้ายซีเหมินจินเหลียนไปด้วยและตอนนี้หูชีเยี่ยนกับซีเหมินจินเหลียนก็พักอยู่ด้วยกัน “เซี่ยงไฮ้มีกฎหมายบ้านเมือง คุณซีเหมินระวังไว้ด้วยก็ดีนะครับ!”
“เรื่องนี้ไม่ต้องให้นายมาเตือนฉันหรอก!” ซีเหมินน่งเย่ว์แค่นเสียงใส่ “ลูกศิษย์ของฉัน ทำไมถึงได้รีบร้อนไปตงไห่?”
“พวกเราก็ไม่รู้จริงๆ ครับ!” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้าพูด “ได้ยินว่าคุณท่านสวี่มีเรื่องด่วนเรียกเขากลับไป”
“หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นทางนั้น?” ซีเหมินน่งเย่ว์ขมวดคิ้วอยู่นานถึงเอ่ยปาก “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว…พวกนายเล่าให้ฉันฟังหน่อย หูชีเยี่ยนเป็นอย่างไรมาอย่างไรกันแน่?”
จ่านอิ๋นคิดๆ ดูแล้วก็ขมวดคิ้วพูด “เขาดูแล้วยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลยครับ…คุณซีเหมิน วิชาชะลอวัยของเขาเหมือนจะเก่งกาจกว่าคุณมาก เพียงแต่เขาตั้งใจแต่งตัวให้ดูแก่ก็เท่านั้นเอง…ทำให้ดูแล้วอายุราวๆ สี่สิบห้าสิบปี ผมว่าถ้าเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอายุก็คงแค่ประมาณยี่สิบสามสิบปีเท่านั้น”
“หนุ่มมากอย่างนั้นหรือ?” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มประหลาด “ได้ยินว่าคาลซิโดนีโบราณช่วยชุบชีวิตคนใกล้ตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ มีส่วนช่วยส่งเสริมความงาม หรือว่าจะมีของแบบนี้อยู่จริง?”
ที่ประตูมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จ่านมู่ฮวาลุกขึ้นไปเปิดประตูนำถุงเอกสารต่างๆ ยื่นไปให้ซีเหมินน่งเย่ว์ “คุณซีเหมิน นี่เป็นของที่คุณต้องการครับ!”
“โอ้?” ซีเหมินน่งเย่ว์รับมาจากมือ เปิดถุงและหยิบภาพถ่ายใบหนึ่งมาดู กวาดสายตาจับจ้องอยู่นานถึงพูด “นี่ก็คือซีเหมินจินเหลียน ตาแก่เลอะเลือนของฉันก็เลี้ยงเด็กสาวจนโตขนาดนี้เชียวเหรอ?”
“น่าจะใช่ครับ!” จ่านมู่ฮวาได้ยินก็กระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูก คนที่เรียกพ่อตัวเองว่าตาแก่เลอะเลือน เกรงว่าคงมีแค่ซีเหมินน่งเย่ว์แล้ว
“ไม่ได้ถ่ายทอดยีนดีของหูชีเยี่ยนมาสักนิดเลยนี่นา!” ซีเหมินน่งเย่ว์พินิจพิเคราะห์รูปลักษณ์หน้าตาของซีเหมินจินเหลียนอีกครั้ง “หากใช้เกณฑ์ความสวยของผู้ชายตัดสิน ก็ดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่! มู่ฮวา นายชอบเธอตรงไหนเหรอ?”
จ่านมู่ฮวาไม่ได้พูดอะไรออกมา สวยหรือ? ผู้หญิงสวยเขาก็เห็นมาเยอะแล้ว ไม่เห็นจะอยากได้คนสวยตรงไหน
“แปลกจริง หูชีเยี่ยนหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น น้องสาวบุญธรรมของฉันก็ไม่ได้แย่ แต่ทำไมถึงได้คลอดลูกสาวหน้าตาไม่สวยออกมาล่ะ?” ซีเหมินน่งเย่ว์โคลงศีรษะพูด “นอกเสียจากน่ารักใสๆ เสน่ห์อย่างอื่นก็ไม่มีสักอย่าง”
จ่านมู่ฮวาแอบก่นด่าในใจไม่หยุด หน้าตาเหมือนหมีอย่างคุณ ยังมีน้องสาวบุญธรรมสวยได้เลย? หรือไม่น้องสาวคนนั้นอาจมียีนไม่ดี เลยทำให้จินเหลียนแค่หน้าตาใสซื่อ ไม่สดใสเท่าที่ควร! แต่เขาลองคิดทบทวนอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ยังชอบความน่ารักใสๆ ของซีเหมินจินเหลียนอย่างนั้น…โดยเฉพาะเวลาที่เธอโกรธ
ซีเหมินน่งเย่ว์ดูรูปหลายต่อหลายใบ สุดท้ายก็ถามขึ้นว่า “หวังหมิงหยางคนนั้นตายแล้วเหรอ”
“ครับ” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า ถ้าเขายังไม่ตาย ตนก็คงไม่มีวันปล่อยให้เขามีชีวิตจนถึงตอนนี้หรอก
“หวังหมิงหยางคนนั้นกับซีเหมินจินเหลียนเคย…แตะเนื้อต้องตัวกันแนบชิดหรือเปล่า?” ซีเหมินน่งเย่ว์ถาม
“ไม่มีครับ” จ่านมู่ฮวารีบตอบอย่างรวดเร็ว เขาคบค้าสมาคมกับหญิงสาวมาเยอะ และพอดูออกว่าซีเหมินจินเหลียนยังคงเป็นสาวบริสุทธิ์ เธอยังไม่ได้แปดเปื้อนจากใคร
“หลังจากที่หูชีเยี่ยนตาย ฉันเคยไปหาตาแก่เลอะเลือนนั่น” ซีเหมินน่งเย่ว์ถอนหายใจพูด “เคยเจอเด็กสาวคนนี้อยู่หนึ่งครั้ง”
“แล้วยังไงครับ?” จ่านมู่ฮวาถาม “ตอนนั้นเธอก็เป็นแค่เด็ก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร”
“ตอนนั้นฉันอยากจะถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก!” ซีเหมินน่งเย่ว์ขมวดคิ้ว “แต่ดูจากที่เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงใสซื่อ อวิ๋นอวิ๋นยอมสู้ตายเพื่อปกป้อง ตาแก่เลอะเลือนของฉันก็ขัดขวางอยู่ด้านหน้า ฉันถึงยอมปล่อยชีวิตเธอไป แต่ข้อแลกเปลี่ยนก็คือ…อวิ๋นอวิ๋นห้ามถ่ายทอดทักษะการเดิมพันหินให้กับเธอ”
“แต่ทักษะพนันหินของเธอตอนนี้ เกรงว่าบนโลกนี้คงไม่มีใครเหนือชั้นกว่าแล้ว!” จ่านมู่ฮวาแสยะยิ้มเย็น
“อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้อย่างนั้นเหรอ?” จ่านอิ๋นขมวดคิ้ว
“น่าจะไม่ใช่!” ซีเหมินน่งเย่ว์ส่ายหน้า “ตอนนั้นฉันกลัวว่าอวิ๋นอวิ๋นจะกลับคำพูด ดังนั้นจึงเล่นตุกติกใส่หัวของเด็กคนนี้นิดหน่อย…ฝังเข็มไปส่วนศีรษะของเธอหลายจุด ตามหลักการแล้วถ้าเธอมีชีวิตอยู่น่าจะปัญญาอ่อนไปแล้ว ไม่สามารถออกมาจากหมู่บ้านบนภูเขาบ้านนอกนั่นได้หรอก จากนั้นสายเลือดของตระกูลหูก็จะตัดขาดสิ้นซากไปในที่สุด”
จ่านมู่ฮวาได้ยินแล้วตกใจ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ? ซีเหมินจินเหลียนที่น่าสงสาร เธอมีชีวิตรอดผ่านมาได้อย่างไรกัน?
“แม้แต่ตาแก่เลอะเลือนบ้านฉันก็ไม่มีทางคิดหาวิธีช่วยให้เธอฟื้นตัวได้หรอก แล้วทำไม…ตอนนี้เธอกลับเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลย?” ซีเหมินน่งเย่ว์จ้องมองที่ภาพถ่ายของซีเหมินจินเหลียน ขมวดคิ้วหนักแน่น เขาก็เชื่อมั่นในวิชาฝังเข็มของตัวเองมาก
หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะหยั่งรู้ถึงแจกันดอกบัวทองลี้ลับ ของสืบทอดล้ำค่าของตระกูลหู? ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ เขาก็คิดหาเหตุผลความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออก
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมหูชีเยี่ยนถึงยังมีชีวิตอยู่? ตอนนั้นเขาเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง หูชีเยี่ยนไม่มีทางปีนขึ้นมาจากก้นเหมืองหยกได้แน่นอน
ตอนนั้นตนเป็นคนควักดวงตาของเขาทั้งสองข้าง ไหนจะทำร้ายแขนขาของเขาให้พิการ และจุดชนวนระเบิดฝังเขาไว้ใต้ก้นเหมืองหยกแล้วแท้ๆ…
เหมืองหยกนั่น แม้ว่าหลายปีมานี้จะมีคนคอยคิดที่จะขุด แต่ก็ไม่มีทางขุดได้ถึงบริเวณที่ฝังศพของหูชีเยี่ยนเด็ดขาด
หรือว่ามีคนแกล้งเป็นหูชีเยี่ยน? ซีเหมินน่งเย่ว์นั่งบนโซฟา และลองครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้
เวลายี่สิบปีนั้นก็ไม่นานและก็ไม่สั้นเลย หูหวังซัดเซพเนจรอยู่คนเดียวตั้งหลายปี ถ้าอยากจะหาคนที่เหมือนกันมารับช่วงต่อ คิดดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
อีกอย่างหูหวังก็มีอำนาจอิทธิพลอยู่ที่พม่า คงช่วยเหลือให้หูชีเยี่ยนกลับมาเจิดจรัสแพรวพราวได้อีกครั้ง
หูหวังมีเงิน เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้…เพียงแต่หูหวังย่ำก้าวอยู่ไม่เป็นที่ บางครั้งไม่ง่ายต่อการตามหา ไม่อย่างนั้นตอนนั้นถ้ามีโอกาส เขาก็อยากจะจัดการคนคนนี้ให้สิ้นๆ เรื่อง…
“ฉันจะไปดูหูชีเยี่ยนหน่อย!” ซีเหมินน่งเย่ว์พูด
“คุณซีเหมิน ความเกลียดแค้นของคุณกับตระกูลหู ตระกูลจ่านของพวกเราไม่อยากยื่นมือเข้าไปแทรกแล้วครับ!” จ่านมู่ฮวาพูดทันใด
ซีเหมินน่งเย่ว์งุนงัน และมองจ่านอิ๋นด้วยความเยือกเย็น ถามไปว่า “นี่เป็นความเห็นของนายคนเดียว หรือว่านายพูดแทนตระกูลจ่าน?”
“ผมเป็นตัวแทนตระกูลจ่านได้! ถ้าไม่ได้ แม้ว่าตระกูลจ่านจะเป็นทาสให้แก่ตระกูลหู นั่นก็เป็นเรื่องของพวกเรา สำหรับความเคียดแค้นของคุณกับตระกูลหู พวกเราไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว!” จ่านมู่ฮวายิ้มเยือกเย็น “ในเมื่อพ่อทำผิดไปแล้ว ผมก็ไม่อยากจะทำผิดอีกต่อไป อีกอย่างคุณซีเหมินมีตระกูลสวี่คอยช่วยเหลืออยู่ ทำไมต้องพึ่งพาพวกเราด้วยล่ะครับ?”
“จ่านอิ๋น แล้วนายล่ะว่ายังไง?” ซีเหมินน่งเย่ว์โมโห
“ตอนนี้มู่ฮวาเป็นใหญ่ในตระกูลจ่านครับ” จ่านอิ๋นมองไปที่ซีเหมินน่งเย่ว์และพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“อ้อ?” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คนคนนั้นคือหูชีเยี่ยนใช่ไหม คนที่ทำให้พวกนายกลัวได้ขนาดนั้น?”