ความลับแห่งจินเหลียน – ตอนที่ 325

ตอนที่ 325

งานพนันของชิงซื่อจัดที่ลาสเวกัส รอยัล คาสิโนชั้นสองถึงชั้นห้า เห็นหน้าจออิเล็กทรอนิกส์เขียนถึงกฎกติกาการเล่นเกมหลายรูปแบบก็เข้าใจได้ว่างานพนันหินครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านๆ มา และค่าใช้จ่ายในการเข้างานก็ตั้งห้าพันดอลลาร์สหรัฐ เรียกได้ว่าปราบพวกอยากจะมาดูความครื้นเครงได้อย่างอยู่หมัด

โดยปกติก้อนหินหยกดิบที่วางระเกะระกะอยู่ตามพื้น แม้ว่าราคาจะเป็นสิบล้านแต่ก็ไม่เห็นว่าจะแพง แต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน หินหยกดิบทั้งหมดต่างจัดวางไว้บนเวที ภายใต้แสงไฟแม้จะเป็นหินแต่ก็ยังคงท่วงท่าอันสง่างามไว้

เพราะงานพนันของชิงซื่อครั้งนี้ยังคงจัดตอนกลางคืน เวลาสามทุ่มถึงเที่ยงคืน ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ถอนหายใจแผ่วเบา เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นในเวลาเที่ยงคืน ไม่รู้ว่าจะมีคนจำนวนเท่าไหร่ตีตนสูงขึ้น และคนอีกตั้งเท่าไหร่ที่ต้องหล่นจากที่สูงกันบ้าง? แม้ทรัพย์สินในบ้านจะมีอยู่มั่งคั่ง แต่งานพนันที่หรูหราแบบนี้ก็อาจจะทำให้ตระกูลชิงล้มละลายลงได้ มิน่าเล่าถึงได้ตั้งชื่อว่างานพนันของชิงซื่อ

“จินเหลียน หินหยกดิบพวกนี้ได้ทำการคัดแยกเบื้องต้นแล้ว ยิ่งขึ้นไปชั้นบนราคาก็ยิ่งแพงขึ้น” จ่านป๋ายยิ้ม “แต่หินหยกดิบที่ชั้นห้าไม่ขาย ทำได้แค่เล่นยาเป่าเท่านั้น”

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นแล้วอึ้งนิ่งถามไป “ยาเป่าแยกไปชั้นเดียวโดดๆ หรือว่ายาเป่าจะเป็นไฮไลต์หลักของงานนี้?”

“ยังไม่นับว่าใช่” จ่านป๋ายโคลงศีรษะพูด “เกรงว่าเงินทุนที่ใช้ซื้อขายพนันหินคงมากกว่ายาเป่าอีก คุณก็น่าจะรู้คนต่างชาติบางคนก็ยังไม่เข้าใจการพนันหิน สำหรับพวกเขาแล้วยาเป่ามีความน่าตื่นเต้นมากกว่า ดังนั้นชั้นห้าจึงตระเตรียมเป็นห้องรับรองสำหรับแขกวีไอพี มันแตกต่างกับคลับหยก”

“คุณลองไปเสี่ยงดวงที่ยาเป่า ส่วนฉันก็ไปซื้อก้อนที่ดีที่สุด ไม่ซื้อก้อนแพงที่สุด” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ใช่สิ คนที่คอยรับผิดชอบดูแลงานครั้งนี้รู้ภาษาจีนหรือเปล่า?” ถ้าเสี่ยวป๋ายไปแล้ว เธอก็จะไม่มีใครคอยเป็นล่ามเลยสักคน

“รู้ทุกคน” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “หยกยังคงเป็นสิ่งที่ชาวตะวันออกอย่างพวกเราชื่นชอบ ดังนั้นแม้แต่คนที่รับผิดชอบในงานวันนี้ต่างก็รู้ภาษาจีน คุณมีเรื่องไหว้วานก็สั่งกำชับได้ อีกอย่างคืนนี้ยังมีอาหารเครื่องดื่มฟรีทั้งหมด”

“คุณก็ไม่บอกตั้งแต่แรก” ซีเหมินจินเหลียนปากยู่ลูบคลำท้อง “ฉันกินอิ่มซะแล้ว พรุ่งนี้จะไม่กินข้าวเย็น มากินข้าวฟรีที่นี่ดีกว่า”

จ่านป๋ายเห็นเธอแบบนั้นก็หัวเราะคิกคัก อีกทางก็กระซิบพูดข้างหู “ผมไปดูชั้นบนหน่อย คุณก็เล่นให้สนุกนะ”

“อืม” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มยกมุมปาก เมื่อครู่ที่พวกเขาพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย หางตาของเธอแอบเห็นเงาของสมิธแวบไปมาอย่างไม่ตั้งใจ ต่อมาจ่านป๋ายขอตัวไป เธอไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาไปเจรจาพูดคุยกัน

งานพนันของชิงซื่อครั้งนี้ จ่านป๋ายเองก็มีหุ้นอยู่ในนั้น ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจ นักพนันหินที่ใสซื่อพวกนั้น ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะพนัน สุดท้ายแล้วผู้จัดงานก็กอบโกยชัยชนะไปเต็มอิ่ม ธุรกิจแบบนี้หารายได้ไม่ใช่ธรรมดาเลย

รอให้กลับไปครั้งนี้ ไปพูดคุยเจรจากับหูชีเยี่ยน ไปเล่นพนันหินที่พม่าสักครั้ง? แต่เมื่อย้อนคิดดูดีๆ พม่าก็มีงานประมูลหยกอยู่แล้ว อีกอย่างคนที่มาซื้อก็เป็นนักธุรกิจใสซื่อ ไม่เหมือนลาสเวกัสที่แขกส่วนมากเป็นแค่คนที่หอบหิ้วความสงสัยในใจเข้ามา

ลาสเวกัส…เงื่อนไขเดียวที่สภาพแวดล้อมเอื้อก็คือ สถานที่แห่งนี้มีนักพนันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น สถานที่แห่งนี้ก็คือสรวงสวรรค์ของนักพนัน

หลังจากที่จ่านป๋ายจากไป ซีเหมินจินเหลียนเริ่มตั้งใจดูหินหยกดิบ เพียงแต่ได้ยินหูชีเยี่ยนพูดว่าหินหยกดิบที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้มีมากถึงสองหมื่นก้อน และภายในเวลาแค่สามวัน เธอไม่มีทางจะดูทั้งหมดได้รอบเดียว จึงทำได้แค่สุ่มเลือกไป

สิ่งที่ทำให้เธอกลุ้มใจก็คือ หินหยกดิบตั้งมากมายผสมปนเปอยู่ด้วยกัน ทำให้เธอไม่มีทางแยกออกเลยว่าหินหยกดิบที่ถูกแย่งชิงไปจากทหารพันธมิตรแปดชาติที่หยวนหมิงหยวนพวกนั้นคือก้อนไหน และไม่มีทางแยกแยะได้เลยว่าอะไรคือสินค้าใหม่ เสริมเข้ากับแสงไฟสว่างจ้าของรอยัล คาสิโนทั้งหมด อยากจะดูแสงจากความมืดก็ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้

ดังนั้นซีเหมินจินเหลียนจึงถอนหายใจอย่างจนปัญญา ทำตามความรู้สึกก็แล้วกัน

แต่เมื่อดูหินหยกดิบต่อเนื่องกันสิบกว่าก้อน เธอก็ทำได้แค่ส่ายหน้า แม้ว่าจะเป็นงานพนันของชิงซื่อ หินหยกดิบก็คือหินหยกดิบ เก้าก้อนเป็นหินอีกก้อนเป็นหยก บางทีเก้าก้อนอาจจะไม่พอ

อย่างน้อยหินหยกดิบที่เธอดูสิบกว่าก้อนเกือบทั้งหมดก็เป็นหินทั้งนั้น ในนั้นมีก้อนหนึ่งตรงกลางมีเส้นสีหยาบกร้านเส้นหนึ่งเล็กๆ แล้วสียังไม่ใช่สีเขียวมรกตอีก

ซีเหมินจินเหลียนเดินทั่วชั้นสองอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรดีเป็นพิเศษ แต่ในนั้นก็ยังมีนักธุรกิจที่ไม่รู้ว่าเป็นคนไต้หวันหรือคนญี่ปุ่นซื้อไปก้อนหนึ่งและเริ่มทำการเปิดเปลือกหิน

ซีเหมินจินเหลียนรักษาระยะห่างจากผู้คนสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง ผลที่ได้จากการเปิดเปลือกหินไม่ได้สมใจหวัง เนื้อน้ำแข็งสีเขียวอ่อน สียังพอได้ แต่น่าเสียดายที่ตรงกลางคั้นกลางด้วยจุดสีขาวเหมือนเม็ดงา กระจัดกระจายกันแบบไม่หนาแน่น ถ้าตัดเนื้อหยกดีๆ ก็ทำออกมาเป็นเครื่องประดับน่าจะไม่เลวเลย

ซีเหมินจินเหลียนเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขึ้นไปดูชั้นสาม ขึ้นลิฟต์ดิ่งตรงไปที่ชั้นสาม เป็นดั่งที่จ่านป๋ายพูดไว้ทั้งหมด ลักษณะภายนอกของหินหยกดิบบนชั้นสามเพิ่มระดับดีขึ้นกว่าชั้นสองมากเหมือนกัน คิดว่าน่าจะมีประมาณสามถึงสี่พันก้อน ไม่เหมือนชั้นสองที่มีหินหยกดิบแตะหมื่น คนที่ดูแล้วได้มึนงงตาลาย จนมีความรู้สึกอยากจะวางมือลง

เดินไปรอบหนึ่งดูหินหยกไปหลายก้อน แต่ก็ไม่มีอะไรที่สมใจ จู่ๆ สายตาของซีเหมินจินเหลียนถูกหินหยกดิบก้อนหนึ่งขนาดใหญ่เท่าลูกบาสเกตบอลดึงดูดไว้

เธอลองประเมินดูเล็กหน่อย หินหยกดิบก้อนนี้น่าจะหนักสักสิบกว่ากิโลกรัม เปลือกผิวภายนอกเป็นสีเหลืองขาว สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอก็คือเปลือกผิวของหินหยกดิบก้อนนั้น ขาวสม่ำเสมอกัน เม็ดทรายบนพื้นผิวยังละเอียดยิบ ถ้าเผยสีเขียวน่าจะต้องเนียนลื่นยากแก่การตัดเนื้อหยก

ดูร่องรอยบนลวดลายหินต่อไป ก็ดูสม่ำเสมอและกลมกลืนกันมาก ดูแล้วสบายตาเหลือเกิน

ซีเหมินจินเหลียนวิเคราะห์อ่านหินหยกดิบก้อนนี้น่าจะมาจากเหล่าพ่ากัน น่าจะนับว่าอายุยาวนานเหมือนกัน หรือว่าหินหยกดิบก้อนนี้จะอยู่ในหินหยกดิบในตอนนั้น? ในใจเธอก็คิด อีกด้านมือขวาก็แตะลงไปบนนั้นแล้ว แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะมีนักธุรกิจอัญมณีมาจากพม่า เจียหยางหรือที่ต่างๆ แต่ละคนถือไฟฉายและแว่นขยายสำรวจดูเปลือกผิวและวิเคราะห์ไปถึงสีข้างใน แต่คนส่วนมากก็ยังคงไม่เข้าใจนักพนันหินหยกดิบที่มีเงินมั่งคั่งแต่ไม่ยอมจ่ายเหล่านั้น

ดังนั้นเธอที่ไม่ใช่เครื่องมือใดๆ จึงไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้คน

ไม่นานเปลือกสีเหลืองขาวก็หายไปในดวงตาลึกๆ ของซีเหมินจินเหลียน ผิวเปลือกไม่ถือว่าหนาเกินไป แต่ก็ไม่บาง ข้างในมีสีเขียวขจีสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ

เหล่าเคิง ชนิดเนื้อแก้ว ไหนยังเป็นสีเขียวสดตามต้นฉบับ สีมีความบริสุทธิ์เสมอกัน น้ำงามและชุ่มฉ่ำ ดูแล้วสบายใจเหลือเกิน

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มยกมุมปากเบาๆ คืนนี้ได้ของกลับไปสักที รอเดี๋ยว…นี่คืออะไรกันแน่?

ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสับสน เธอรู้ว่าดวงของตัวเองดีมาตลอด แต่ดวงในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกจากใจจริงว่ามันช่างดีเกินไปแล้ว

ลายเกล็ดทอง? เธอเคยเจอลายเกล็ดทองมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ไม่มีทางคิดว่าลายเกล็ดทองเป็นของไร้ค่าไร้ราคาอีกแล้ว แต่เกล็ดทองในหยกสีเขียวมรกต มันช่างแตกต่างกับหยกสีแดงที่มีเกล็ดทองของเธอครั้งนั้นเหลือเกิน

หยกสีแดงลวดลายเกล็ดทองครั้งนั้น มันเป็นเกล็ดสีทองกระจัดกระจาย หยกกับเกล็ดทองปะปนอยู่ด้วยกันไม่ยอมแยกจาก

หยกสีเขียวก้อนนี้ข้างในมีเกล็ดสีทอง แต่เป็นในรูปแบบเส้น และไม่เหมือนกับเนื้อหยกของเตาซ่อมฟ้าที่แกะสลักก้อนนั้น อย่างไรเสียเกล็ดทองที่เกาะติดอยู่ด้วยกันแบบนี้ ทำให้ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงสำนวนหนึ่งขึ้นมา…ทองหยกเต็มบ้าน

ใช่สิ นี่ก็คือความรู้สึกที่ว่าทองหยกเต็มบ้าน ระยิบระยับในดวงตา และไม่เหมือนกับหยกแสงดาวที่เรืองรองขนาดนั้น

ซีเหมินจินเหลียนเหลือบไปมองราคาข้างๆ หนึ่งล้านสองแสนดอลลาร์สหรัฐ ราคาไม่ถูกเลย ถ้าไปวางไว้ที่พม่าหรือเจียหยางเธอคงได้ต่อรองราคา แต่ที่นี่มีราคาระบุไว้อย่างชัดเจน บริษัทชิงซื่อนี่อำมหิตจริง ที่เขาซื้อมาอาจจะไม่ถึงหมื่นหยวนด้วยซ้ำ ในใจแม้ว่าจะคิดไปแบบนั้น แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ยังเรียกบริกรและแสดงความประสงค์ที่จะซื้อหินหยกดิบก้อนนี้

บริกรบริการอย่างดีและรูดบัตรค่าใช้จ่าย จากนั้นบนชั้นสามยังมีตู้นิรภัยโดยเฉพาะ ฟรีสำหรับแขกผู้มีเกียรติให้เก็บหินหยกดิบหรือเนื้อหยกที่ซื้อมาได้

“คุณผู้หญิงครับ คุณต้องการที่จะผ่าหยกไหมครับ?” บริกรถามอย่างเกรงใจ “ทางเรามีบริการผ่าหยกฟรี และหลังจากที่ผ่าหยกเสร็จแล้ว ถ้ามีหยกจริง บริษัทชิงซื่อยินดีที่จะทุ่มเงินหนักซื้อมันกลับมา นอกจากนี้ขอแค่สีหยกของคุณดีพอ ยังจะมีโอกาสเป็นผู้ชนะในคืนนี้ และได้รับเงินรางวัลใหญ่ที่บริษัทชิงซื่อเตรียมไว้มูลค่าห้าสิบล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยนะครับ”

ห้าสิบล้านดอลลาร์ สำหรับคนอื่นๆ แล้วน่าจะเป็นสิ่งเย้ายวนไม่น้อยเลย ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอยู่นานแล้วส่ายศีรษะพูด “ช่างเถอะค่ะ หินหยกก้อนนี้ไม่ต้องผ่าแล้ว ที่บ้านของฉันเรามีธรรมเนียมว่าไม่สามารถผ่าหินหยกก้อนแรกได้ ถ้าฉันสนใจก้อนอื่นอีกก็ต้องรบกวนคุณให้ช่วยผ่าหยกแล้วนะคะ”

“อืม ได้ครับ” บริกรช่วยเธอนำหินหยกดิบก้อนนั้นย้ายเข้าไปในตู้เซฟนิรภัย ตู้เซฟนิรภัยในนี้ทั้งหมดถูกติดตั้งด้วยรหัส ลูกค้าแต่ละท่านสามารถเปลี่ยนรหัสได้ทันทีในตอนนั้น และจะกลายเป็นตู้เซฟนิรภัยของตัวเองในระยะเวลาสั้นๆ

“คุณผู้หญิงครับ ตู้เซฟนิรภัยมีเวลาแค่สามวัน ภายในสามวันนี้ คุณสามารถนำหยกที่ซื้อมาเก็บไว้ในตู้เซฟนิรภัยนี้ได้ครับ บริษัทของเรารับรองความปลอดภัยในทรัพย์สินของคุณ” บริกรพูดปนยิ้ม

“ขอบคุณค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท ความจริงตู้ฝากของธรรมดาตามห้างสรรพสินค้าไม่มีเวลาจำกัด รอยัล คาสิโนมีเวลาเล่น น่าจะกังวลว่าหลังจากที่นักพนันมีหยกล้ำค่าแล้วไม่กล้าเดินไปไหน ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาพวกเขาจะชดใช้หมดได้ยังไง

ซื้อหยกสีเขียวลายเกล็ดทองเสร็จ ซีเหมินจินเหลียนก็หน้าชื่นใจบาน มองไปรอบด้านดูหินหยกต่ออีกเจ็ดแปดก้อน จากนั้นก็แสกนเจอเนื้อน้ำแข็งสีเขียวถั่ว สีเขียวมรกตเหมือนถั่วเขียว เธอชอบเหมือนกัน เมื่อเห็น ราคาว่าไม่แพงมาก ห้าแสนดอลลาร์ ข้อดีอยู่ที่น้ำหนักของมันราวๆ ห้าถึงหกสิบกิโลกรัม ใหญ่พอควร เปลือกผิวไม่ค่อยดี เนื้อหยกมากพอใช้

แม้จะเป็นแค่ชนิดเนื้อน้ำแข็ง แต่ไม่มีรอยมลทินหรือจุดขาวใดๆ สักกระนิด สีสันยังสดใสอีก

ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะเรียกบริกรเตรียมที่จะซื้อ ไม่นานก็มีผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวข้างๆ คนหนึ่งพูดเสียงสูงว่า “พี่คะ ฉันจะซื้อก้อนนี้ค่ะ”

ซีเหมินจินเหลียนตะลึงงันหันไปมองข้างๆ ผู้หญิงคนนี้น่าจะสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ เซนติเมตร ใบหน้ารูปทรงเมล็ดแตงโม ผิวสีขาวนวลใส ดวงตาดั่งกับนกการเวก คิ้วเรียวดั่งใบหลิว ช่างงดงามตราตรึงใจเหลือเกิน

ความลับแห่งจินเหลียน

ความลับแห่งจินเหลียน

Status: Ongoing

ส่วนที่ 1-4 จบ อ่านนิยาย

ซีเหมินจินเหลียน หญิงสาวจากครอบครัวชนบทที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น เธอดิ้นรนส่งเสียตัวเองจนเรียนจบ กระทั่งได้เข้ามาทำงานในนครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ แต่ความจริงกลับไม่เป็นดั่งฝันที่วาดไว้ เมื่อเธอถูกแฟนหนุ่มที่ตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหักหลังอย่างไม่ไยดี แต่แล้ว…ในคืนที่เธอไม่เหลืออะไรแม้แต่ชายคนรัก ซีเหมินจินเหลียนได้รับความสามารถพิเศษที่เธอเองก็ไม่อาจคาดคิด… ‘ความสามารถในการมองทะลุสิ่งของ’ พร้อมกับลายดอกบัวสีทองที่ปรากฏอยู่บนหลังมือ ได้นำพาให้ซีเหมินจินเหลียนที่ไม่มีอะไรติดตัวเข้าสู่วงการ ‘นักพนันหยก’ จนได้กลายเป็น ‘เจ้าหญิงแห่งวงการหยก’ ภายในชั่วข้ามคืน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท