สวี่อี้หรานเหลือบมองซีเหมินจินเหลียนแวบหนึ่งพร้อมถาม “ผมเดิมพันเธอ คุณจะยอมเหรอ?”
จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด “ไม่ได้” ไม่มีทางเป็นไปได้ ของเดิมพันไม่สามารถเป็นซีเหมินจินเหลียน
“งั้นก็ได้แล้วไหม?” สวี่อี้หรานเหอะเสียงใส่ “เขาเป็นอาจารย์ของผม แม้ผมจะเดิมพันตัวเองก็ไม่มีทางเอาคนแก่อย่างเขาไปลงเดิมพันด้วยได้หรอก”
“เขาเป็นอาจารย์ของคุณในนาม แต่ความจริงก็คือกลัวใช่ไหมล่ะ?” จ่านป๋ายถาม อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าสถานะของซีเหมินน่งเยว่ในบ้านตระกูลสวี่ไม่ค่อยเป็นที่ต้อนรับเท่าไหร่
หลินเสวียนหลานสับไพ่เสร็จเรียบร้อย รีบไปช่วยซีเหมินจินเหลียนสับไพ่อย่างออกหน้าออกตา พร้อมถามไปอย่างลื่นไหลว่า “พวกคุณทั้งสองคนจะเดิมพันกันไหม ผมขอแจ้งไว้ก่อนเล่นถึงแค่เที่ยงคืน เลยเวลานั้นไปแล้วผมจะนอน”
“เล่นถึงห้าทุ่มแล้วกัน พรุ่งนี้เช้าจะตื่นสายไม่ได้” ซีเหมินจินเหลียนสับไพ่เรียบร้อยพร้อมถาม “พวกคุณสองคนจะเอายังไง ห้ามเดิมพันคน ฉันไม่สนใจการเดิมพันคนสักเท่าไหร่ แม้จะชนะก็ขี้เกียจ ชอบมีคนเบี้ยว”
จ่านป๋ายได้ยินดังนั้นแล้วหัวเราะ คิดถึงครั้งนั้นที่พนันกันที่คลับหยก ผลสุดท้ายคนที่ชนะก็เบี้ยวไป ซีเหมินจินเหลียนน่าจะจำได้หมด แต่แม้คนเขาอยากจะจ่ายทรัพย์สินในการเล่นพนัน เธอก็ไม่มีทางรับมา เธอไม่สนใจของที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อหยาดเหงื่อสักเท่าไหร่ แม้ว่าเธอจะไม่ถือเรื่องการนองเลือดก็ตาม
“เพิ่มเงินเดิมพันหน่อยแล้วกัน ห้าสิบล้าน” จ่านมู่ฮวาที่ใส่ผ้ากันเปื้อน ในมือถือจานสองใบเดินกระเพื่อมออกมาจากห้องครัวอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย และพูดแทรกออกมาอยู่ข้างๆ
“ฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น” จ่านป๋ายพูด
“ฉันมี…” จ่านมู่ฮวายิ้มแหะๆ
“โอเค งั้นก็เดิมพันห้าสิบล้าน” สวี่อี้หรานยิ้ม “พวกคุณสองพี่น้องอยากจะเล่น แน่นอนผมต้องเล่นเป็นเพื่อนอยู่แล้ว แต่ผมลองคิดไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะหรือแพ้มันก็ดูไม่ท้าทายเท่าไหร่ พวกเราก็ไม่ใช่คนไม่เคยเห็นเงินมาก่อนใช่ไหมล่ะ?”
“จากที่คุณพูด แล้วจะเล่นยังไง?” จ่านป๋ายเหลือบมองจ่านมู่ฮวาแวบหนึ่งพร้อมถาม
“ง่ายมาก หลังจากวันปีใหม่ ไม่นานก็จะเป็นวันวาเลนไทน์ เงินห้าสิบล้านนี้ถือเป็นเงินทุนของผู้ชนะ ถึงเวลานั้นค่อยให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์แก่ซีเหมินจินเหลียน แต่คนที่แพ้ห้ามให้ของขวัญคุณซีเหมินอีก เป็นอย่างไร ยุติธรรมดีไหม?” สวี่อี้หรานหัวเราะแห้งๆ
“คุณดูเหมือนมั่นใจว่าจะชนะนะ?” จ่านป๋ายยิ้มเยือกเย็น
ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูถึงเข้าใจขึ้นมาได้ ห้าสิบล้านเรื่องเล็กน้อย แต่คนที่แพ้ในวันวาเลนไทน์ก็ไม่สามารถมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ และไม่สามารถให้ของขวัญแก่เธอได้
“บอกแล้วไงว่าห้ามเดิมพันคน” ซีเหมินจินเหลียนเหอะเสียงใส่
“ผมไม่ร่วมด้วยหรอก” หลินเสวียนหลานป่าวประกาศจุดยืนอีกครั้ง ไม่ว่าแพ้หรือชนะในวันวาเลนไทน์วันนั้นเขาก็จะมอบของขวัญให้แก่ซีเหมินจินเหลียน อย่าพูดถึงตอนนี้ แม้ในอนาคตเธอจะแต่งงานไป ชั่วชีวิตนี้มีแค่วันวาเลนไทน์ที่เขาสามารถมอบของขวัญให้แก่เธอได้ จนกระทั่งตนเองตายจากไป…
แม้ว่าในอนาคตความรู้สึกของเขาจะเปลี่ยนไปรักผู้หญิงอีกคน แต่คิดดูแล้วความเป็นไปได้นี้มีได้ยาก…หลินเสวียนหลานเข้าใจดีความจริงเขาเป็นคนจิตใจซื่อสัตย์ ถ้ามั่นใจแน่วแน่แล้วอยากจะเปลี่ยนความคิดอะไรมันก็ยาก
สวี่อี้หรานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่อยากเข้าร่วมแถมปฏิเสธอย่างรวดเร็ว และพูดต่อหน้าซีเหมินจินเหลียน เขาเลยไม่กล้าพูดแดกดันอะไรเขาอีก…
“ห้าสิบล้านเหรอ?” สวี่อี้หรานอมยิ้มให้ซีเหมินจินเหลียน “คุณซีเหมิน คุณอยากได้อะไรรีบคิดมานะ คุณจะซื้อเองมันก็อีกเรื่อง แต่คนอื่นมอบให้มันก็อีกกรณีหนึ่ง”
“พวกคุณจะเดิมพันกันอย่างไรก็เรื่องของพวกคุณ แต่อย่าเอาฉันไปเกี่ยว” ซีเหมินจินเหลียนเหอะเสียงใส่เยือกเย็น
“คุณดูมั่นใจว่าชัยชนะอยู่ในมือนี่ ยังไม่ได้เล่นเลยนะ” จ่านป๋ายยิ้มๆ
“งั้นก็เริ่มเถอะ” สวี่อี้หรานพยักหน้า
“นายจะไปยืนตรงนั้นทำไม? ไปล้างจานนู่น” จ่านป๋ายเห็นจ่านมู่ฮวายังเหม่อลอยและยืนโง่เขลาอยู่ข้างๆ จึงรีบพูด
“โอ้…” จ่านมู่ฮวาพยักหน้าถึงคิดขึ้นได้ว่าในห้องครัวเต็มไปด้วยถ้วยชามช้อนตะเกียบ และเป็นหน้าที่ของเขาทั้งนั้น เมื่อสักครู่ไม่น่าผลีผลามแย่งหน้าที่ล้างจานเลย
แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีแล้ว หันตัวเดินเข้าไปในครัวและล้างจานให้สะอาดหมดจดจากคราบอาหารที่ติดแน่น อยากจะให้ลื่นขนาดไหนก็มีให้ตามที่ขอ แต่ในขณะที่ไม่ระวังจานที่อยู่ในมือใบหนึ่งตกลงส่งเสียงแตกเพล้งบนพื้น ไม่นานแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
“นั่นเป็นเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หยวนเชียวนะ” ซีเหมินจินเหลียนเหลียนหันหลังไปมองเขาถึงพูดขึ้น
จ่านมู่ฮวาตัวสั่นเทิ้ม จานที่อยู่ในมืออีกใบก็พลันร่วงลงบนพื้น ล้อเล่นอะไรเนี่ย นี่ไม่ใช่จานธรรมดาที่ขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือไง ทำไมถึงกลายเป็นเครื่องลายครามสมัยราชวงศ์หยวนซะแล้ว
“นี่คือหรู่เหยาสมัยราชวงศ์ซ่ง…คนแก่อย่างฉันยืนยันได้” หูหวังพูดจาฉอเลาะ
“ท่านคงไม่ได้โกหกหรอกนะครับ?” จ่านมู่ฮวาใบหน้าอมทุกข์
เล่นไพ่นกกระจอกเสร็จไปตาหนึ่ง เหนือความคาดหมายของซีเหมินจินเหลียน เธอแพ้ไปหลายแสนไม่ถือว่ามาก จ่านป๋ายกับสวี่อี้หรานกลายเป็นผู้แพ้ และสิ่งที่ไม่กล้าเชื่อก็คือทั้งสองแพ้ด้วยเงินมูลค่ามหาศาลเหมือนกันเปี๊ยบ ส่วนหลินเสวียนหลานเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
ซีเหมินจินเหลียนควบคุมไม่ให้ตัวเองหาวหวอดออกมาพร้อมยิ้ม “นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันง่วงแล้วแหละ ในเมื่อทุกคนก็ดูจะพอๆ กัน งั้นก็ช่างเถอะ ของเดิมพันก็อย่าพูดถึงเลย”
จ่านป๋ายยังไงก็ได้ สวี่อี้หรานเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ไม่พูดอะไร ส่วนหูหวังไปนอนงีบพักผ่อนที่ห้องรับแขกตั้งแต่สี่ทุ่มตรงแล้ว ซีเหมินจินเหลียนเดินขึ้นด้านบน จ่านป๋ายรีบไล่แขก “แยกกลับบ้านตัวเองกันเถอะ กลับไปหาแม่ของตัวเอง…พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่”
ปีเก่าก็ผ่านไปด้วยการเล่นไพ่นกกระจอกอย่างไร้สาระ
หลังการเฉลิมฉลองปีใหม่เสร็จ ก็เป็นการถ่ายหนังเรื่องตำนานหินซ่อมฟ้าของเทพธิดาหนี่วาฉากสุดท้ายแล้ว เพราะจ่านมู่ฮวาขอร้องให้ฉากสุดท้ายเธอมาเป็นแขกรับเชิญแสดงเป็นเทพธิดาหนี่วา เริ่มแรกผู้กำกับก็คัดค้านอย่างหนักหน่วง เพราะซีเหมินจินเหลียนไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดแรงเท่าจางต่งเอ๋อร์ แต่เพราะจ่านมู่ฮวา สวี่อี้หราน รวมถึงตัวของซีเหมินจินเหลียนเองถือหุ้นรายใหญ่ ผู้กำกับจึงหมดปัญญา
สุดท้ายเมื่อซีเหมินจินเหลียนเปลี่ยนชุดเป็นเทพธิดาหนี่วา แปรงผมเข้าหน่อย ผู้กำกับถึงได้เบิกตากว้าง แม้ซีเหมินจินเหลียนจะไม่มีเสน่ห์น่าดึงดูดคนไปทั่ว แต่เธอก็มีความเร้นลับที่จับต้องไม่ได้ และไม่ใช่สิ่งที่ดาราทุกคนจะเลียนแบบได้ และไม่ได้มาจากเทคนิคพิเศษในการถ่ายภาพ
แม้แต่ผู้กำกับยังแปลกใจ ฉากสุดท้ายที่เทพธิดาหนี่วาผลักโอรสสวรรค์ตกลงเตาซ่อมฟ้า แสงดวงอาทิตย์เจ็ดสีก่อตัวขึ้น เมฆหมอกปกคลุมไปทั่ว ฟ้าดินกลับมาสงบสุขอีกครั้ง…
ซีเหมินจินเหลียนที่พูดกันง่ายดาย กลับจู้จี้จุกจิกฉากที่จ่านมู่ฮวาแสดงเป็นโอรสสวรรค์ ถ่ายต่อเนื่องกันอีกสิบกว่าเทค แม้แต่ผู้กำกับยังชื่นชมไม่หยุดปาก แต่เธอก็ยังไม่พอใจ
จ่านมู่ฮวาสวมใส่ชุดฉางเผ่าสีดำ ลูบคลำเม็ดเหงื่อบนศีรษะของตนเองพร้อมถอนหายใจพูด “จินเหลียน ขอร้องคุณอย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาเลย คุณอยากจะหาเรื่องผมเพื่อความสนุก หลังจบเรื่องนี้คุณอยากจะทำอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ผมยินดีที่จะให้ความร่วมมือ แต่…คุณอย่าเอามันมาลงกับละครเลย ไม่อย่างนั้นคงตามไม่ทันพนันทั่วโลกในสามเดือนแน่”
จ่านป๋ายเข้าใจเจตนาของซีเหมินจินเหลียนดีพร้อมยิ้ม “ถ้านายไม่พอใจ ก็โทรหาคุณหวังแล้วกัน ถามเขาว่าพอจะมาเป็นแขกรับเชิญได้หรือเปล่า?”
“คุณหู?” จ่านมู่ฮวาสับสน จ่านป๋ายคิดๆ ดูและหยิบรูปภาพใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่อยู่บนรถพร้อมส่งไปให้เขา “แม้หน้าตาของนายจะไม่เลว แต่ความสง่างดงามยังคนละชั้นกับเทพเจ้า”
จ่านมู่ฮวารับรูปภาพพวกนั้นมา มีรูปหูชีเยี่ยนผมยาวสลวย สายตามีความซับซ้อนลึกลับอยู่ข้างใน ชุดฉางเผ่าสีดำทั้งตัวพลิ้วไหวเต้นระบำกับแสงยามเช้า พื้นหลังทั้งสองฝั่งเป็นบ้านมุงหลังคาสีดำ…แววตาเยือกเย็นที่งงงวยมองโลกใบนี้ มีพลังดึงดูดอย่างร้ายแรง
“คนคนนี้คือใครครับ?” ผู้กำกับสวีเข้ามาดูและถามด้วยความสงสัย “ไม่เคยเจอคนคนนี้ในวงการบันเทิงมาก่อน” เพราะหูชีเยี่ยนแต่งตัวด้วยชุดฉางเผ่ายาวสีดำ เสริมกับผมยาวสลวยเหยียดตรงของเขา สัญชาตญาณของเขาจึงนึกว่าเป็นฉากในละครโบราณเรื่องหนึ่ง จึงถามด้วยความสงสัย “การแต่งกายของคนคนนี้ทำไมช่างเหมือนกับเทพธิดาหนี่วาซ่อมฟ้า ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราก็เลียนแบบน่ะสิ? ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม่ใช่เลียนแบบ แต่เหมือนกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนอธิบาย “ฉันให้ทำแบบเดียวกันเองค่ะ”
ผู้กำกับสวีได้ยินเช่นนั้นใบหน้าพลันถอดสีรีบพูดร้อนรน “เป็นไปได้อย่างไร? เล่นบ้าบออะไรกันเนี่ย ถ้าเป็นเรื่องใหญ่คนอื่นอาจจะมาฟ้องร้องพวกเราได้นะครับ”
“ผู้กำกับวางใจเถอะครับ คนคนนี้ไม่ใช่คนในวงการ ไม่มีเวลามาฟ้องร้องพวกเราหรอกครับ” จ่านมู่ฮวาพูด ในใจของเขาเข้าใจดีทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงได้บอกว่าเขาดีไม่พอ ก็เพราะว่าแววตาของเขาไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเทียบเท่าของหูชีเยี่ยน…
“ไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่หน้าตาดีเหลือเกิน…แนะนำให้ฉันรู้จักได้ไหม ฉันรับรองขอแค่ปีเดียวเขาก็จะดังเป็นพลุแตก” ผู้กำกับสวีสนอกสนใจ
อย่างซีเหมินจินเหลียนและจ่านมู่ฮวา พวกคุณหนูคุณชายพวกเขาไม่สามารถนำมาเป็นดาราได้ คิดถึงเท่านี้เขาก็รู้สึกเสียใจ ไม่เช่นนั้นหญิงสาวหน้าตาใสซื่ออย่างซีเหมินจินเหลียนคงเป็นที่รักใคร่และเอ็นดูในวงการบันเทิงแน่
“เขาเป็นพ่อของฉันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“เป็นไปไม่ได้?” ผู้กำกับส่ายศีรษะ “คุณอายุเท่าไหร่ รูปภาพนี้ถ่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“รูปภาพนี้เพิ่งถ่ายได้ไม่นานครับ น่าจะถ่ายสักหลายเดือนก่อน อีกอย่างยังเป็นรูปที่คนอื่นแอบถ่าย…เขาแค่เกิดมาหน้าเด็กเท่านั้น” จ่านป๋ายอธิบาย
ได้ยินจ่านป๋ายกับซีเหมินจินเหลียนพูดเช่นนั้น ผู้กำกับสวีถึงได้ล้มเลิกจินตนาการเพ้อฝันที่จะเอา หูชีเยี่ยนมาเป็นดารา
การตัดต่อครั้งสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องเทพธิดาหนี่วาซ่อมฟ้าและงานพากย์เสียงไม่ได้เสียเวลานานเท่าไหร่
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดอกไห่ถังแรกรุ่นผลิบานเป็นสีแดงเข้ม ดอกเหมยกลับร่วงโรย สวนข้างในของคฤหาสน์จินเหลียนเต็มไปด้วยเศษซากดอกไม้ใบหญ้า เก็บกวาดทุกวันก็ไม่มีประโยชน์
ซีเหมินจินเหลียนสองมือกอดเข่า นั่งอยู่หน้าบานหน้าต่างใหญ่มองดอกเหมยร่วงหล่นในสวนราวกับกำลังเริงระบำ ถอนหายใจพูดเบาๆ…เป็นดอกไม้นี้ดีจริง ผลิมาก่อนก็ร่วงลงก่อน แต่ทัศนียภาพหลายวันนี้กลับดูอ้างว้างเหลือเกิน เหลือแค่กิ่งก้านที่ยังไม่เจริญงอกงามกลายเป็นสีเขียวสะท้อนแสงอาทิตย์…
รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเต็มไปด้วยสีสันของละคร ในย่างก้าวที่รีบเร่ง เธอไม่มีเวลาแม้แต่ลังเลใจเลยสักนิด หยกคุณภาพดีที่มีมูลค่าพวกนั้นปรากฏอยู่ข้างหน้าเธอไม่หยุดหย่อนทีละก้อน รวมถึงของที่เล่าขานกันในตำนาน ตอนนี้ก็อยู่ในมือของเธอแล้ว
หินซ่อมฟ้า เทพธิดาหนี่วา ชีเยี่ยนชังอู๋…
ทำไมหูชีเยี่ยนถึงไม่อยากให้พวกเขาตามหาหินซ่อมฟ้า จนถึงขนาดยอมขัดขวางทุกวิธีทาง? ภายนอกเขาเพียงแค่อยากจะควบคุมธุรกิจหินหยกดิบที่พม่า แต่ความจริงแล้วซีเหมินจินเหลียนรู้ดีกว่าใคร เขาแค่อยากจะขัดขวาง…คนที่ตามหาของในตำนานที่ผนึกด้วยฝุ่นพวกนั้นต่างหาก