หูหวังถอนหายใจพร้อมพยักหน้าพูด “พูดวกไปวนมา แกแค่ไม่อยากให้ฉันตามหาหินซ่อมฟ้า? เข้าใจละ ฉันก็อายุปูนนี้แล้ว แกจะกังวลอะไรอีก?”
“ผมแค่อยากให้คุณทำลายเคล็ดวิชาหลอมหยกซะ” หูชีเยี่ยนถอนหายใจพูดเสียงต่ำ “ชีวิตนี้ของผมไม่เคยขอร้องเรื่องไหนกับคุณเลย ตอนนี้ขอร้องคุณแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว”
หูหวังไม่ได้ส่งเสียงคัดค้าน ทำลายเคล็ดวิชาหลอมหยก แล้วต่อจากนี้ตระกูลหูจะอาศัยอะไรมาพนันหินล่ะ? ความจริงเคล็ดวิชาหลอมหยกก็คือบันทึกทักษะลับหลายวิธีในการพนันหิน…แน่นอน นี่เป็นแค่ตัวอักษรโบราณส่วนหนึ่งที่สามารถแปลออกมาได้ สำหรับส่วนที่แปลไม่ออกนั้น ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น
ลองคาดเดาดูจากตัวอักษรที่รู้แบบงูงูปลาปลา หยกก็คือหินซ่อมฟ้าที่หลงเหลือจากการหลอมหินของเทพธิดาหนี่วา ดังนั้นหลายปีมานี้ผู้สืบทอดของตระกูลหูทุกรุ่นต่างสู้สุดชีวิตเพื่อตามหาหินซ่อมฟ้า
หูชีเยี่ยนลุกขึ้นยืนถลกชุดฉางเผ่ายาว จากนั้นพลันคุกเข่าลงกับพื้น “พ่อครับ ขอร้องท่านเถอะ”
หูหวังหลับตาลง ในที่สุดหูชีเยี่ยนก็ยอมเรียกเขาว่าพ่อแล้ว แต่เรื่องที่เขาขอร้องก็เหมือนกับยี่สิบปีก่อน ทำให้เขาตบปากรับคำไม่ได้ เขาไม่สามารถทำลายรากฐานที่มีมาหลายร้อยปีของตระกูลหูเพื่อเขาได้หรอก
“ไม่มีเคล็ดวิชาหลอมหยก แกจะให้ลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลหูทำยังไง?” หูชีเยี่ยนถามช้าๆ “ชีเยี่ยน แกลองคิดดูดีๆ ถ้ามีวันนั้นจริงๆ พวกเราไม่อยู่กันแล้ว ใครจะรับประกันความปลอดภัยของจินเหลียน ใครจะรับรองว่าลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลหูจะมีอนาคตเจริญรุ่งเรือง?”
“ถ้ารอวันที่พวกเราไม่อยู่ แม้ว่าลูกหลานรุ่นหลังจะเสื่อมลง นั่นก็พูดแค่ว่าพวกเขาไม่มีความสามารถเอง รำไม่ดีโทษปี่โทษกลองได้ยังไง” หูชีเยี่ยนพูดจาเน้นหนัก
“หรือแกไม่เคยคิดเลยเหรอ ถ้าตระกูลหูไม่มีทายาทสืบทอดขึ้นมาล่ะ?” หูหวังสูดลมหายใจเข้าลึก
“พ่อครับ คุณไม่เข้าใจหรือไง ความเป็นจริงตระกูลหูก็ไม่มีทายาทแล้ว” หูชีเยี่ยนพูดเสียงเบา “ลูกสาวของผมแซ่ซีเหมิน ไม่ใช่แซ่หูสักหน่อย ในอนาคต…ก็ไม่รู้ว่าจินเหลียนจะเป็นยังไง ทายาทสืบทอดมันง่ายขนาดนั้นเลย? ไม่สู้ทำลายเคล็ดวิชาหยกเสียตอนนี้ ตัดไฟเสียแต่ต้นลม”
“ฉันไม่รู้ว่าเคล็ดวิชาหลอมหยกสร้างปัญหาอะไรในอนาคต” หูหวังส่ายศีรษะพูด “แม้จะไม่ถ่ายทอดให้ตระกูลหู ฉันก็ไม่ยอมทำลายเคล็ดวิชาหลอมหยกหรอก ยังไงเสียมันก็เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันมีค่าของมนุษยชาติ ถ้าเผาทำลายไป จากนี้ไปก็ไม่มีหวังที่จะกู้คืนกลับมาแล้ว แกรู้หรือเปล่าทำไมตระกูลสวี่ถึงได้มีอันดับอยู่ในตงไห่ สืบสารกันมาหลายร้อยปีแบบนั้น?”
“เพราะตระกูลสวี่มีชิงหยวนหฤทัยสูตร” หูชีเยี่ยนพยักหน้า “ผมรู้”
“ใช่แล้ว” หูหวังพยักหน้าพูด “ชีเยี่ยน ถ้าเป็นคำขอร้องอื่น ในเมื่อแกเป็นคนยอมปริปากพูด ฉันจะไม่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด แต่ให้ฉันไปทำลายเคล็ดวิชาหลอมหยก ฉันทำไม่ได้หรอก”
หูชีเยี่ยนเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นลุกขึ้นยืนไม่พูดจาอะไรแล้วเดินไปทางข้างนอก เมื่อเดินถึงหน้าประตูเขาก็ถอนหายใจพูดออกมาเบาๆ “คุณหูครับ เชิญคุณเถอะครับ วันนี้พอแค่นี้ จากนี้ไปอย่าได้เจอกันอีกเลย”
หูหวังโคลงศีรษะจนปัญญา ลุกขึ้นยืนเดินไปทางข้างนอก ถ้าเป็นคำขอร้องอื่น ขอแค่หูชีเยี่ยนเสนอออกมาเขาก็ยอมทำให้ทั้งนั้น แต่เคล็ดวิชาหลอมหยกเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งของตระกูลหู เขาจะทำเรื่องผิดบาปกับบรรพบุรุษไม่ได้เด็ดขาด
แต่ในใจของหูหวังรู้ดีกว่าใคร เมื่อยี่สิบปีก่อนเขาปฏิเสธที่จะถ่ายทอดเคล็ดวิชาหลอมหยกให้แก่เขา ทั้งคู่เลยผิดใจมองหน้ากันไม่ติด ยี่สิบปีต่อมาเขาไม่ยอมทำลายเคล็ดวิชาหลอมหยก เกรงว่าในชาตินี้พวกเขาพ่อลูกคงไม่มีทางได้คืนดีกันเสียแล้ว
ลุงงูตาเขม็งจ้องมองหูหวังเดินออกไป ส่วนสีหน้าของหูชีเยี่ยนอึมครึมจนน่าผวา
“พ่อลูกทะเลาะกันอีกแล้ว?” หูหวังนั่งลงบนเก้าอี้อย่างตรงไปตรงมา
“แกว่าไงล่ะ?” หูชีเยี่ยนสะกดกลั้นโทสะที่ไหลเวียนไปทั่วพร้อมสบถ “ความคิดบ้าๆ ของแก แม่มึงสิ นิสัยใจคอของชายชราคนนี้ ไม่ใช่ว่าแกไม่รู้ ทั้งหนักทั้งแข็ง”
“แกดีไปกว่ากันตรงไหนเหรอ? ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” ลุงงูหัวเราะแหะๆ “หินที่อยู่ในส้วมตามมาตรฐาน แต่นี่ก็พิสูจน์ได้ว่านายไม่ได้เกิดผิดคอก”
หูชีเยี่ยนถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน แต่ลุงงูไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เขาข่มเลยด้วยซ้ำ ยิ้มและพูดออกไป “เขาเป็นพ่อของแก แกไม่ลองพูดสักหลายๆ ประโยค ปลอบใจเขาหน่อยไหม?”
“ปลอบใจยังไงล่ะ?” หูชีเยี่ยนถาม “แกสอนฉันหน่อยสิ? ฉันคุกเข่าต่อหน้าเขาแล้วจะให้ทำยังไงอีก?”
“แล้วตอนนี้เอายังไง?” ลุงงูพูด “ทำตามแผนการของแกเหรอ?”
หูชีเยี่ยนคิดๆ แล้วพยักหน้าพูด “เรื่องนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ ไม่งั้นจินเหลียนไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แน่ รวมถึงพ่อเฒ่านั่นด้วย…เฮ้อ เป็นเพราะแกเลย”
“ฉันทำไมเรอะ?” ลุงงูได้ยินแล้วเดือดใส่ “ทุกครั้งที่นายผูกปมเรื่องก็อย่าเรียกฉันไปแก้ปมแล้วกัน อีกอย่างแกรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย สภาพเหมือนคนก็ไม่ใช่คน ผีก็ไม่ใช่ผี ฉันเห็นสภาพแกแบบนี้แล้วกลุ้มใจจริงๆ เชื่อไหมล่ะว่าฉันฟาดแกได้เลย?”
“รอให้ถึงเวลาที่แกสู้ฉันได้แล้วค่อยมาพูดประโยคนี้เถอะ” หูชีเยี่ยนยิ้มๆ “จินเหลียนล่ะ?”
“ฉันจะบอกอะไรแกให้ แกอยากคืนดีกับหูหวัง ดังนั้นมอมเหล้าหูหวังเพื่อทุกคนจะได้สะสางพูดคุยเรื่องส่วนตัว เธอเชื่อแล้ว จ่านมู่หรงไปดูหินหยกดิบกับเธอ ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น” หูหวังพูด
“ฉันมีลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแค่คนเดียว จะไม่ให้ฉันห่วงได้ยังไง?” หูชีเยี่ยนถอนหายใจพูด “ใช่สิ แกดูนี่ ในบรรดาพวกสารเลวพวกนี้ใครดูน่าเชื่อถือที่สุด? จินเหลียนก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรหาคู่ครองได้แล้ว”
ลุงงูคิดๆ ดูถึงพูด “แกชอบไอ้หนุ่มตระกูลหลินมากไม่ใช่เหรอ? แต่หมอนั่นดูอ่อนแอไปหน่อย ทำธุรกิจพอได้ แต่ถ้าแต่งงานกับจินเหลียนฉันว่ายังไม่เหมาะสม สวี่อี้หรานฉันไม่ขอพูดอะไร สำหรับจ่านมู่ฮวารูปร่างหน้าตาใช้ได้ แต่ดูแล้วไม่ปลอดภัย เสี่ยวป๋ายนี่ดีหน่อย…แต่เขาก็เป็นคนขัดเกลายากสุดในบรรดาหลายคนนี้ เขาไม่ใช่คนในสายอาชีพนี้เหมือนพวกเรา”
“จ่านป๋ายดูแลจินเหลียนดีก็พอแล้ว เพียงแต่คนคนนี้มีอำนาจของตัวเองอยู่ที่ประเทศทางยุโรปและอเมริกา รวมถึงช่วงนี้เขาดูเหมือนกำลังคอยจ้องมองพวกเราอยู่ อีกอย่างฉันรู้มาว่าเขากับซีเหมินน่งเยว่มีไปมาหาสู่กัน” หูชีเยี่ยนพูดเสียงขรึม
“เขาไปมาหาสู่กับซีเหมินน่งเยว่?” ลุงงูขมวดคิ้วพูด “เป็นไปได้ยังไง?”
“ทำไมเป็นไปไม่ได้ล่ะ?” หูชีเยี่ยนยิ้มเย็น “แกไม่ลองคิดดู ตระกูลจ่านเองก็มาจากการประคับประคองของซีเหมินน่งเยว่ เขาคอยดูจ่านมู่ฮวากับจ่านป๋ายสองคนนี้เติบโตมา ทำไมจะไม่มีความสัมพันธ์กันล่ะ หยกแสงอาทิตย์สีเขียวหายไปจนน่าประหลาด ไหนจะที่เขาเป็นทายาทปีศาจของตระกูลจ่านอีก สิ่งที่ทำให้ฉันไม่สงสัยไม่ได้เลยก็คือ…ฉันไม่อยากจะให้ความพยายามทั้งหมดที่มีล้มหายไปกับตาในตอนท้าย คิดไม่ถึงเลยว่าคนชั่วกลับเป็นเขา”
“ยังทำตามแผนการเดิมไหม?” ลุงงูถาม
“อืม” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยน”
รอยัล คาสิโน เพราะลุงงูบอกกับซีเหมินจินเหลียนว่าหูชีเยี่ยนตั้งใจจะคืนดีกับหูหวัง คืนวันนี้เธอเลยดีใจเป็นพิเศษ กลางวันดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ตอนบ่ายจ่านป๋ายเลยประคองเธอกลับไปนอน นอนไปถึงตอนกลางคืน เดิมทีคิดว่าจะนัดหูชีเยี่ยนกับหูหวังให้มาดูหินหยกดิบด้วยกัน ผลสุดท้ายหูหวังกลับอ้างว่ามีธุระมาไม่ได้แล้ว
ลุงงูแอบบอกเธอว่าหูหวังดื่มเหล้าไปตอนกลางวันมากไปหน่อย ตอนกลางคืนเลยอยากเคลียร์เรื่องส่วนตัวกับหูชีเยี่ยน จึงไม่ได้มาร่วมงานพนันของชิงซื่อแล้ว
ซีเหมินจินเหลียนนึกถึงคำพูดที่หูหวังเคยพูด อย่างน้อยหยกแสงอาทิตย์สามก้อนนี้ต้องปะปนอยู่ในนี้แน่ ดังนั้นเธอจะคิดอะไรเยอะแยะไม่ได้ ทั้งคืนมองหยกจนแทบจะเป็นบ้า แค่ช่วงเวลาเดียวก็ไม่กล้าหยุดพัก
แต่เวลาผ่านไปมากกว่าครึ่งแล้ว เธอยังคลำหาหยกแสงอาทิตย์ไม่เจอสักก้อน แต่กลับเจอหินหยกดิบสีใช้ได้สามก้อนแทนแล้วบอกให้จ่านป๋ายซื้อเอาไว้
เวลาห้าทุ่มผ่านพ้นไปแล้ว เธอดูหินหยกดิบชั้นสองไปครึ่งหนึ่งได้แล้ว แต่ไม่มีหยกแสงอาทิตย์สักก้อนปรากฎออกมาให้เห็น ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแล้ว ใช้พลังมองทะลุผ่านเหมือนใช้ตามองสิ่งของ มองนานๆ เข้าก็เหนื่อยเหมือนกัน
จ่านป๋ายเห็นเธอทุ่มสุดชีวิตขนาดนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไร ถือเครื่องดื่มหนึ่งแก้วส่งให้เธอ “จินเหลียน คุณพักก่อนสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะเหนื่อยเกินไป”
“ฉันไม่เหนื่อย” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะ ในระหว่างที่พูดเธอก็ดื่มเครื่องดื่มจนแห้งเหือดในอึกเดียว จากนั้นส่งแก้วยื่นไปให้จ่านป๋ายพร้อมยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณมีธุระ คุณก็ไปทำธุระของคุณเถอะ”
“คุณเชื่อว่าพ่อของคุณกับหูหวังจะคืนดีกันงั้นเหรอ?” จ่านป๋ายถามไม่ทันตั้งตัว
เพราะวันนี้ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเรื่องนี้จึงดีใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจ่านป๋ายเลยอดกลั้นไม่สาดน้ำเย็นใส่เธอ
“พวกเขาเป็นพ่อลูกร่วมสายเลือดกัน ทำไมจะคืนดีกันไม่ได้ล่ะ? จะว่าไปในใจของหูหวังก็ยังสนใจเขาอยู่นะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเบาๆ “เพียงแต่พ่อฉันนิสัยใจคอไม่ค่อยดี ไม่ยอมอ่อนข้อหรือก้มหัวให้แค่นั้น ขอแค่เขายอม หูหวังก็ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับเขาหรอก”
“จินเหลียน คุณลืมไปแล้วเหรอ ตอนที่ฉลองปีใหม่ คุณให้เขาโทรไปอวยพรให้คุณปู่หู เขายังไม่ยอมเลย แล้วคุณว่าผ่านไปแค่ไม่กี่วัน เขาจะเปลี่ยนความคิดได้งั้นเหรอ?” จ่านป๋ายยิ้มอ่อนๆ “ผมเดาว่าเขาคงมีเรื่องขอให้หูหวังช่วย ดังนั้นเลยยอมอ่อนข้อก้มหัวให้ แต่เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่จัดการยากแน่ คุณปู่หูของคุณเลยไม่แน่ว่าจะตอบตกลง”
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจเบาๆ เข้าใจเรื่องราวที่จ่านป๋ายพูดอย่างชัดเจน แต่เธอยังหวังจะให้หูหวังกับหูชีเยี่ยนคืนดีกัน
“ช่างเถอะ ไม่พูดถึงพวกเขาแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะ สายตากวาดมองไปทั่วห้องจัดนิทรรศการขนาดใหญ่ สุดท้ายแสกนเจอหินหยกจำนวนหนึ่งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้
หินหยกดิบไม่กี่ก้อนนี้ขนาดเล็กใหญ่พอๆ กัน น่าจะสักยี่สิบกิโลกรัมโดยประมาณ ดูคร่าวๆ แล้วน่าจะมาจากเหมืองเดียวกัน ผิวเปลือกสีเหลืองดำกันทั้งนั้น ในนั้นมีสองก้อนที่มีจุดหยกและเส้นลายหยก ส่วนอีกก้อนมีแค่จุดหยกประปรายอยู่แค่นั้น ไม่มีเส้นลายหยกใดๆ ทั้งสิ้น
“ฉันไปดูหินหยกดิบก่อน” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางเดินไปทางนั้นโดยไม่บอกกล่าว
เพราะเวลามีไม่มาก เธอเลยไม่มีเวลาไปอ่านหยกว่าผิวเปลือกเป็นสีอะไร ไม่มีเวลาวิเคราะห์ว่าหินหยกดิบพวกนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากเหมืองหยกที่ไหน ชนิดหยกแบบไหนบลาๆ ทันใดนั้นก็รีบนำมือไปวางไว้บนหินหยกดิบก้อนที่ลักษณะภายนอกดีที่สุดอย่างไม่รีรอ
ผิวสีเหลืองน้ำตาลค่อยๆ เลือนหายไป สีม่วงอ่อนๆ สะท้อนผ่านเข้ามาในลูกนัยน์ตาของซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนดีใจไม่หยุด นี่มันคือสีม่วงดอกไลแอคนี่นา เพียงแต่สีของมันดูอ่อนไปหน่อย เข้มกว่าสีควันม่วงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเอาไปทำเป็นเครื่องประดับ สีอาจจะอ่อนกว่าเดิมไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
แต่ชนิดของหยกดีมากเหลือเกิน ชนิดเนื้อแก้วเหล่าเคิงตามแบบฉบับ ความโปร่งใสสูงมาก ความอิ่มน้ำเต็มเปี่ยม ผลึกหยกเนียนละเอียดมาก