จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียนอย่างหมดอาลัยตายอยาก “จินเหลียน ผมมีทรัพย์สินลงทุนอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์ที่สมิธ ถ้าเขาล้มละลาย เงินทุนของผมก็ต้องหดหายแน่ ปราสาทที่อังกฤษของผมคงได้หมดหวังแล้ว”
“ฉันมีปราสาทที่อังกฤษอยู่สองแห่ง” หูหวังชูนิ้วทั้งสองพร้อมยิ้มประหลาด “จินเหลียน อย่าไปฟังหมอนั่นเลย ให้เขาล้มละลายซะ ใครให้เขาไม่รู้จักตาม้าตาเรือคบอยู่กับพวกผีปีศาจล่ะ?”
“ไม่ใช่นะครับ” จ่านป๋ายทำทีน้อยใจพูด “คุณปู่หูครับ ท่านอย่าทำแบบนี้เลยนะครับ”
ซีเหมินจินเหลียนได้แค่ยิ้มยกมุมปาก หูหวังถาม “ไอ้หนุ่มนี่ ฉันขอถามนายหน่อย…ช่วงนี้พ่อตาคนใหญ่คนโตก็อยู่ ทำไมนายไม่ไปตบก้นม้าซะล่ะ?”
ซีเหมินจินเหลียนอายจนแก้มแดงระเรื่อไปทั่ว จ่านป๋ายถอนหายใจพูด “ก้นม้าของคุณหูตบยากเหลือเกินครับ” พูดเท่านี้เขาก็แอบชำเลืองมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ความจริงเรื่องแบบนี้หลักๆ อยู่ที่ตัวของซีเหมินจินเหลียนเอง ไม่อย่างนั้นแม้ว่าหูชีเยี่ยนจะพยักหน้าก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น
แต่ปัญหาเรื่องความรู้สึกของซีเหมินจินเหลียน เขาคาดเดาไม่ออกจริงๆ หลักฐานมันฟ้องว่าเธอขาดเขาไม่ได้ แต่เธอก็ดูไม่ปล่อยคนอื่นเหมือนกัน ใช้คำพูดของเธอเองก็คือความอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของสูงมาก
เพราะอย่างนั้นเธอเลยกลุ้มใจมาตลอด มันเลยยิ่งยุ่งกันใหญ่…
“ฉันจะบอกนายให้ไอ้หนุ่ม ถ้านายไม่ขยันอีก ตระกูลสวี่ถึงขนาดเอ่ยปากเรื่องสู่ขออย่างเป็นทางการกับไอ้ลูกเวรนั่นแล้ว นายน่าจะรู้ขอแค่ไอ้ลูกเวรนั่นพยักหน้า เรื่องนี้คงไม่มีทางดึงสถานการณ์กลับคืนมาได้ ฮึ คนแก่อย่างฉันเห็นลูกชายตระกูลสวี่แล้วรกหูรกตามาก” หูหวังพูดในขณะที่เหลือบไปมองซีเหมินจินเหลียน
ซีเหมินจินเหลียนเล่นชายเสื้อผ้าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เรื่องสู่ขอ? ความจริงเธอก็อายุไม่น้อยแล้ว สมควรพูดคุยเรื่องแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ถ้าไม่แต่งงานก็จะกลายเป็นหญิงแก่สินะ
เพียงแต่เวลาที่เธอได้ยินหูหวังเรียกหูชีเยี่ยนออกมาจากปากว่าไอ้ลูกเวรแล้ว ทำไมถึงได้รู้สึกระคายหูเหลือเกิน
“คุณปู่คะ พ่อของหนูเป็นคนดีมากค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบพูด
“ฮึ” หูหวังได้ยินแล้วเหอะเสียงแข็งใส่
ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะพูด ประตูบ้านพลันมีเสียงกริ่งดังขึ้น จ่านป๋ายเสนอตัวออกไปเปิดประตูเอง เมื่อประตูเปิดออกเห็นหูชีเยี่ยนกับลุงงูยืนอยู่ข้างหน้า ลุงงูยังคงใส่แว่นกันแดดใหญ่สีดำเพื่อปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่ง
“คุณหู เชิญด้านในครับ” จ่านป๋ายรีบพูด ในขณะที่พูดก็หลีกทางให้ทั้งสองเข้ามา
“พ่อคะ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นหูชีเยี่ยนกับลุงงูก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเข้าไปหา
แต่เมื่อหูชีเยี่ยนเห็นหูหวัง สีหน้ากลับนิ่งเฉย แสดงว่ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว
“จินเหลียน พ่อของหนูเชิญพวกเรามากินข้าว เหอๆ” ลุงงูพูดพลางกวาดสายตาไล่มองหูหวังเหมือนกัน จากนั้นก็อมยิ้มทักทายทันที “สวัสดีครับ คุณหู จากกันครั้งนั้นที่พม่า คิดไม่ถึงว่าท่านยังแข็งแรงไม่เปลี่ยนเลย”
“ที่แท้ก็นายนั่นเอง” หูหวังมองลุงงูชั่วขณะและพยักหน้าพูด “คิดไม่ถึงว่าท่านยังแข็งแรงไม่เปลี่ยนเลย” พูดไปก็หันมองไปทางหูชีเยี่ยน
ซีเหมินจินเหลียนเป็นกังวลจนเหงื่อไหลท่วมมือ เกรงว่าหูหวังเห็นหูชีเยี่ยนแล้ว ปริปากแต่ละทีก็เรียกแต่ไอ้ ลูกเวร หรือไม่ก็เหมือนครั้งที่แล้วในพม่าที่ชิงลงไม้ลงมือเลย หูชีเยี่ยนเคยพูดว่าเขากับหูหวังเจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่สถิติถูกตีสูงกว่าอีก
ลุงงูยิ้มทำตัวไม่ถูก ถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้าพร้อมยิ้ม “ตอนนั้นที่พม่า คุณหูจากไปโดยไม่ล่ำลา หลายปีนี้เวิ่นเสว่นึกถึงท่านตลอด ดังนั้นวันนี้ได้ยินว่าคุณหูจะมาที่นี่เลยตั้งใจเข้ามาเยี่ยมเยียนก่อน”
“เด็กอย่างนายหัดสุภาพอ่อนน้อมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หูหวังยิ้มๆ มองหูชีเยี่ยนอย่างอดไม่ได้ ส่วนหูชีเยี่ยนก็จูงมือซีเหมินจินเหลียน ถามเธอว่าอยากกินอะไร จ่านป๋ายรีบไปชงชาต้อนรับพวกเขา
“คบหากับลูกชายท่านมานาน บทประพันธ์เลยพัฒนาไปอีกขั้น” ลุงงูยิ้ม
ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายได้ยินประโยคนี้แล้วทั้งคู่เกือบจะล้มพับ คบหากับหูชีเยี่ยนนานเลยก้าวหน้าไปอีกขั้นนี่นะ? นี่มันแปลกจริงๆ เลย
หูชีเยี่ยนเป็นคนน่าเคารพนับถือ ที่หมัดหนักเป็นเพราะฝืนชะตาไม่ได้ต่างหาก
“จริงเหรอ?” หูหวังก็รู้สึกว่าบรรยากาศแปลกไป พยักหน้าพูด “ฉันไม่ยักรู้เลยว่าเขาเจ้าบทเจ้ากลอนเสียด้วย? ประกาศนียบัตรอะไรล่ะ? ”
“คนมีฝีมือจริงๆ ทำไมต้องใช้ประกาศนียบัตรด้วยล่ะครับ?” ลุงงูยิ้ม “คุณท่านหูครับ ไม่รู้ว่าผมพอจะได้รับเกียรติเลี้ยงอาหารท่านสักมื้อไหมครับ?”
หูหวังมองไปที่ซีเหมินจินเหลียนพร้อมพยักหน้า “โอเค ไม่มีปัญหา ฉันก็หิวแล้ว”
“งั้นเชิญคุณท่านหูเปลี่ยนรถครับ” ลุงงูยิ้ม
หูหวังพยักหน้าหงึกหงัก จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียนอย่างประหลาดใจครู่หนึ่ง แต่ซีเหมินจินเหลียนสงสัยไปทั่วท้อง มองไปที่หูชีเยี่ยน ใบหน้าของเขายังคงอึมครึมไม่เปล่งเสียงพูดจา
รอถึงข้างบ้าน ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายถึงรู้ตัวว่ากับข้าวกับปลาเตรียมไว้ครบหมดแล้ว และดูจากภาพที่เห็น น่าจะเป็นฝีมือของหูชีเยี่ยนลงครัวทำเองกับมือ ไม่อย่างนั้นสถานที่แบบนี้ไม่มีทางซื้ออาหารจีนต้นตำรับได้หรอก
ซีเหมินจินเหลียนอาศัยจังหวะที่คนอื่นไม่สนใจ แอบเข้าไปทักทายลุงงู จงใจเดินทิ้งท้ายคนอื่นๆ และถาม “ลุงงู ท่านคิดจะทำอะไรคะ?”
“พ่อหนูอยากจะคืนดีกับหูหวัง หยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ยอมปริปากสักคำแหน่ะ” ลุงงูหัวเราะเบาๆ “เพราะงั้นลุงเลยต้องทำงานหนักเสียหน่อย”
“สมองเขาเริ่มเปิดรับแล้วเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วยิ้มบางเบา “หนูจำได้ว่าตอนฉลองปีใหม่ หนูขอร้องให้พ่อโทรไปสวัสดีปีใหม่กับหูหวัง เขาก็ไม่เห็นตอบตกลง”
“เรื่องราวระหว่างเขากับผู้อาวุโสท่านนั้นมีเรื่องเข้าใจผิดมากเหลือเกิน ทุกครั้งที่ทั้งคู่เจอหน้ากันก็ทะเลาะจนเละเหมือนศพ ไม่เห็นมีใครยอมไกลเกลี่ยเลย ดังนั้นความเข้าใจผิดเลยยิ่งฝังลึกลงเรื่อยๆ” ลุงงูถอนหายใจพูด “ความจริง ตอนนั้นที่ได้รับข่าวการตายของเขา หูหวังไหนเลยจะไม่เสียใจล่ะ? ตอนแรกที่ลุงเห็นเขา ฝนตกหนักมาก เขาก็ยังนอนฟุบอยู่ในเหมืองหยกเพื่อย้ายหิน หรือไม่ก็ขุดดินโคลน อีกทางก็เรียกชื่อไม่หยุด…ชีเยี่ยน…ชีเยี่ยน…ตอนที่ลุงลากเขากลับมา นิ้วมือทั้งสิบของเขาก็โชกไปด้วยเลือดหยดไหลนอง…”
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ นี่มันโชคร้ายจริงๆ ใครผิดกันแน่?
ลุงงูถอนหายใจเบาๆ พูด “หูหวังก็อายุปูนนี้แล้ว คนสูงอายุใครจะคอยดูแลล่ะ? ลุงไม่อยากจะเป็นเหมือนพ่อหนูและหนู เสียใจก็ไม่ทันแล้ว ตอนที่ลุงได้รับข่าวว่าแม่มีอาการป่วยอยู่ในขั้นอันตรายก็รีบไปตงไห่ทันที ผลสุดท้ายพอลุงถึงตงไห่ แม่ก็อยู่ในหลุมฝังศพเสียแล้ว ซีเหมินน่งเยว่ที่ควรตายนั่น คิดไม่ถึงเลย…คิดไม่ถึงเลย…”
“เขาเป็นอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้ว่าเขาหนีไปไหนแล้ว ไม่ได้กลับมาเลย” ลุงงูส่ายศีรษะพูด
“นี่มันเกินไปแล้วนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนบ่นพึมพำเบาๆ
ลุงงูชี้และเดินไปข้างหน้าของหูชีเยี่ยนพร้อมพูดเสียงต่ำ “ลุงจะบอกอะไรหลานให้ คนอื่นเขาสมองไม้เนื้อแข็ง แต่พ่อของหนูเขาสมองหิน เรื่องที่เขามั่นใจแน่วแน่ ตลอดชีวิตก็อย่าหวังจะให้เขาก้มหัวยอมรับผิดเลย อีกอย่างลุงก็ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ตามความเป็นจริงแล้วเขาน่าจะขัดเกลาความกล้าหาญฮึกเหิมออกไปหน่อย แต่ทำไมยี่สิบปีที่ผ่านไป เขาถึงได้หยิ่งยโสกว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ซะอีกล่ะ?”
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ลุงจะบอกหนูให้ ตอนเช้าลุงพูดเปลืองฝีปากอยู่ตั้งนาน หวังจะให้เขาไปรับหูหวังที่สนามบิน ผลสุดท้ายเขาก็ไม่ยอม” ลุงงูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หนูอย่าเห็นเขาเป็นแบบนี้ ยังมีอีก ลุงเป็นคนตระเตรียมกับข้าววันนี้ทั้งหมด แม่มึงจริงๆ เขานั่งมองอยู่ข้างๆ แล้วพูดจาไร้สาระอยู่นั่น”
ซีเหมินจินเหลียนหมดคำพูดไปโดยปริยาย ไม่รู้ว่าหูชีเยี่ยนคิดอะไรอยู่จริงๆ เดิมทีคิดว่าเขาเป็นคนเตรียมอาหาร แต่กลับเป็นลุงงูเสียได้ อืม ฝีมือทำกับข้าวของลุงงูก็ไม่เลวเลย แต่เขาอย่าคิดที่จะใส่ยาพิษลงไปในอาหารเชียวนะ?
ทั้งมื้อทุกคนต่างกินกันอย่างเก้อกัง ซีเหมินจินเหลียนกับลุงงูพยายามสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดให้ผ่อนคลาย หูหวังยังพอมีพูดอะไร แต่หูชีเยี่ยนอุดอู้อยู่แต่การดื่มเหล้าอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่พูดไม่จา
ส่งผลให้ซีเหมินจินเหลียนดื่มเหล้าไปหลายแก้ว สติสะลึมสะลือไปหมด สุดท้ายแล้วเป็นจ่านป๋ายที่พยุงเธอกลับไป
ส่วนหูหวังดื่มเหล้าดับทุกข์ไม่หยุดหย่อน รวมถึงลุงงูที่เอาแต่เชียร์ให้เขาดื่มไม่มีพัก ดังนั้นคนที่ดื่มก็พากันเมาหัวราน้ำ ไม่ได้สติกันทั้งนั้น รอให้เขาตื่นขึ้นอีกครั้ง หัวก็โคลงเคลงเสียแล้ว เงยหน้าขึ้นไปมองแสงในห้องที่มืดมน มีเพียงแต่แสงสีเหลืองนวลของเทียนเล่มหนึ่งพลิ้วไหวไปมา
หูหวังนวดขมับที่เจ็บปวดอยู่ลางๆ ในใจแอบก่นด่าว่า “แย่แล้ว ไม่รู้กี่โมงแล้วนี่ งานพนันของชิงซื่อ จิวเวลรี่เริ่มแล้วหรือยัง?” ทางหนึ่งก็คิด อีกทางก็ใช้มือคลำลงจากเตียง
ประตูห้องถูกคนเปิดออกมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง หูชีเยี่ยนสวมใส่ชุดฉางเผ่ายาวสีดำทั้งร่างปรากฏตัวขึ้นอยู่หน้าประตูอย่างเงียบๆ
“กี่โมงแล้ว?” หูหวังราวกับถามตามสัญชาตญาณ
“สามทุ่มครับ” หูชีเยี่ยนตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ท่านจะไปรอยัล คาสิโนหรือ?”
“ใช่แล้ว” หูหวังตอบกลับไป ในขณะนั้นก็เริ่มตรึกตรอง แม้ว่าจะเมาเหล้า แต่ก็ไม่น่าจะหลับยาวขนาดนี้? หรือว่า…คิดถึงเท่านี้เขาก็รีบถาม “แกใส่อะไรลงไปในเหล้า?”
“แค่ยาที่ทำให้ท่านนอนหลับอย่างสบายเท่านั้นครับ” หูชีเยี่ยนพูดนิ่งเฉย
“แกจะทำอะไร?” เวลานี้หูหวังกลับใจเย็นลงมาได้ อย่างไรเสียหูชีเยี่ยนก็ไม่ถึงกับเอาชีวิตคนแก่อย่างเขา มากสุดก็แค่เห็นเขาเล่นไม่ซื่อแล้วเกะกะลูกตา
หูชีเยี่ยนปิดประตูห้องลากเก้าอี้ตัวหนึ่งเข้ามานั่งตรงข้ามเขาแล้วถอนหายใจเบาๆ “ท่านยังจำ…คืนวันนั้นเมื่อยี่สิบปีก่อนที่ผมไปขอร้องอะไรท่านได้ไหมครับ?”
หูหวังไม่ได้พูดจา คืนวันนั้นเมื่อยี่สิบปีก่อนอยู่ข้างในตึกเก่าธรรมดามากแห่งหนึ่งที่เจียหยาง แสงสีเหลืองขุ่นของตะเกียงน้ำมันกวัดแกว่งไปมา หูชีเยี่ยนมาขอความช่วยเหลือจากเขา
“แกยังอยากได้ของนั่นอีกเหรอ?” หูหวังขมวดคิ้วพูด “ถ้าแกอยากได้ ฉันมอบให้แกสืบทอดก็ได้ เดิมทีตั้งใจจะมอบให้ซีเหมินจินเหลียน”
“ไม่ต้องแล้วครับ ของแบบนั้นผมดูแค่รอบเดียวก็จำได้ตั้งแต่แรกแล้ว แม้ว่าตัวอักษรพวกนั้นจะลึกซึ้งไปบ้าง แต่ก็ไม่มีใครสามารถแปลได้เลย ดังนั้นผมเลยแปลมันออกมา อีกอย่างผมได้แปลส่วนท้ายสุดออกมาเหมือนกัน” หูชีเยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ผมว่าตระกูลหูตั้งแต่ต้นก็รู้จักของสิ่งนั้นแค่งูงูปลาปลาใช่ไหม? แปลมันออกมาไม่ได้ทั้งหมดใช่ไหมล่ะครับ?”
หูหวังพยักหน้าหงึกหงัก ปัญหานี้เขารู้ได้อย่างไร? เขารู้ได้อย่างไร? หรือว่าเขาจะแปลข้อความทั้งหมดนั้นได้?
“แค่ความรู้งูงูปลาปลาก็ทำให้ตระกูลหูรุ่งเรืองอยู่บนโลกนี้ ราวกับเรียกลมเรียกฝนได้ ดังนั้นพวกท่านวางแผนอย่างบ้าระห่ำเพื่อตามหาของในตำนานพวกนั้น บ้าจนถึงขั้นทะลวงกฎตายตัวของธรรมชาติที่ว่าร้องขอให้อายุยืนยาวนี่นะ?” หูชีเยี่ยนยิ้มเย็นชา “พวกท่านเคยคิดหรือเปล่า ถ้าเบื้องหลังของบันทึกไม่ได้สวยงามอย่างที่พวกท่านคิดไว้ พวกท่านจะทำอย่างไร?”