ซีเหมินจินเหลียนตัดสายโทรศัพท์ ไม่มีความคิดที่จะนอนใดๆ ทั้งนั้น เบิกตากว้างอย่างเหม่อลอย แสงยามอรุณทะลุทางซอกผ้าม่าน อากาศที่หนาวเย็น ความมืดอ่อนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเช้าตรู่
นั่งเหม่อลอยไปอยู่ครู่หนึ่ง ซีเหมินจินเหลียนล้มตัวนอนบนเตียงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่เธอผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว รอเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องก็พลันสว่างจ้าเสียแล้ว
แม้ว่านอนไปแล้วสักพัก เธอก็ยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนั่งฝันร้ายอยู่ทั้งคืน ถึงเธอไม่ได้เห็นอวิ๋นเจียตายกับตาของตัวเอง แต่เมื่อนึกถึงที่จ่านป๋ายเล่ามา กะโหลกเละแนบพื้น ใบหน้าไม่หลงเหลือเค้าโครง…
คิดๆ ดูคนคนหนึ่งกระโดดลงมาจากที่สูง แค่ชั่วขณะสมองก็เละอยู่กับพื้นแล้ว มันเหมือนแตงโมที่ไม่ทันไรก็แตกเป็นสี่เสี่ยงห้าเสี่ยงใช่ไหม? ความจริงแล้วร่างกายของมนุษย์บอบบางเหลือเกิน…
คิดถึงเรื่องนี้ซีเหมินจินเหลียนก็ตัวสั่นระริก และนั่งเหม่อลอยอีกครั้งถึงได้ลุกขึ้นเดินเข้าไปห้องน้ำ
ใช้น้ำเย็นล้างหน้าล้างตาถึงได้รู้สึกว่าหัวสมองที่หนักอึ้งดีขึ้นมาหน่อย ส่องกระจกเห็นสภาพของตัวเอง ผิวพรรณของเธอเนียนนุ่มเหมือนเด็กทารกเข้าไปทุกที สายตาก็ใสบริสุทธิ์ราวกับเด็กพึ่งคลอดออกมา ได้ยินว่าเด็กแรกเกิด เพราะไม่มีเรื่องอะไรให้คิดในใจ ดวงตาเลยสุกใสแพรวพราวมาก
จากอายุที่เพิ่มขึ้น จิตใจของมนุษย์ก็ยิ่งมีเรื่องมากมายเก็บซ่อนไว้ มีความหวังที่มากขึ้น ดังนั้นดวงตาจึงเริ่มขุ่นมัวเต็มไปด้วยเส้นเลือด มีคนบอกว่าแก่ตัวไปก็เหมือนไข่มุกแก่สีเหลือง ไข่มุกนี้…บางทีอาจจะหมายถึงไข่มุกเนตรก็ได้?
ซีเหมินจินเหลียนบีบแก้มของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นเพราะอาศัยคาลซิโดนีโบราณเป็นตัวช่วยเสริมความงาม แต่ในที่สุดแล้วก็ห้ามเวลาให้เดินไม่ได้หรอก เธอไม่ใช่เด็กแล้ว ตามหลักการแล้วน่าจะถึงช่วงอายุที่คุยเรื่องแต่งงานได้แล้ว
คิดถึงเท่านี้เธอก็ว้าวุ่นใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ? หาคนมาแต่งงานด้วย หรือจะเอายังไงดี? รับคำขอจากใครสักคน?
ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ซีเหมินจินเหลียนเดินลงไปข้างล่าง ไม่รู้ว่าจ่านป๋ายกลับมาแล้วยัง? อวิ๋นเจียตายแล้ว ฉินเฮ่าจะเป็นอย่างไรบ้าง?
คิดไม่ถึงว่าเดินผ่านมุมบันไดได้ไม่นาน เห็นจ่านป๋ายเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับหูหวังแล้วได้แต่สงสัยไม่หยุด หูหวังก็มาลาสเวกัสงั้นเหรอ?
“คุณปู่คะ” ซีเหมินจินเหลียนรับจ้ำอ้าวลงมาด้านล่าง
“ระวังหน่อย” หูหวังเห็นซีเหมินจินเหลียนก็ดีใจพร้อมรีบพูด “ช้าหน่อย เดี๋ยวเท้าพลิก”
“คุณปู่คะ ท่านมาลาสเวกัสตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?” ซีเหมินจินเหลียนคล้องแขนหูหวังอย่างสนิทสนมพลันถามออกไป
“ไฟลท์เช้าของวันนี้ ปู่ก็เพิ่งถึงเหมือนกัน” หูหวังถอนหายใจพูด “อย่าพูดถึงเลย ปู่ก็ไม่ได้อยากมานักหรอก เพียงแต่มันช่วยไม่ได้นี่นา”
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ “คุณปู่อยากพนันสักตาเหมือนกันเหรอคะ?”
“ปู่ไม่สนใจเรื่องนี้ แต่หนูน่าจะรู้ หินหยกดิบในงานพนันของชิงซื่ออะไรครั้งนี้ ในนั้นมีอยู่ส่วนหนึ่งก็คือหินหยกดิบเซ็ทที่ถูกขโมยไปจากหยวนหมิงหยวน หินหยกดิบพวกนั้นเป็นของตระกูลหูเป็นคนจัดการ” หูหวังส่ายศีรษะเบาๆ “บรรพบุรุษไร้คุณธรรม ต้องโทษตระกูลหูของพวกเราที่เสื่อมลงในตอนท้าย”
ซีเหมินจินเหลียนสบตามองจ่านป๋าย ทั้งสองไม่กล้าพูดจา เรื่องนี้ทำไมถึงโทษบรรพบุรุษตระกูลหูไร้คุณธรรมด้วย? ตอนนั้นตระกูลหูแม้ว่าจะมีอิทธิพลบ้าง แต่มันก็ยังห่างชั้นกับโจรพวกนั้น
“จินเหลียน เรื่องที่ปู่รู้ก็คือหินหยกดิบพวกนั้น ถ้าไม่ถูกคนเปิดเปลือกหิน อย่างน้อยก็มีหยกแสงอาทิตย์สามก้อนแล้ว” หูหวังกระทืบเท้าพูด
“หยกแสงอาทิตย์สามก้อนเหรอครับ?” จ่านป๋ายได้ยินแล้วส่งเสียงตกใจ พระเจ้าช่วย ทำเพื่อหยกแสงอาทิตย์สามก้อน งานพนันของชิงซื่อไม่จำเป็นต้องดำเนินอีกต่อไปแล้ว สามารถผ่าหินหยกดิบทั้งหมดออกมาดูได้เลย…แต่หยกแสงอาทิตย์ที่เรียกกันนั้นลักษณะเป็นอย่างไรกันแน่?
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตกตะลึง ความหมายของหูหวังเธอพอจะเข้าใจบ้าง หยกแสงอาทิตย์พวกนี้ บรรพบุรุษตระกูลหูคงไม่เต็มใจหลีกทางให้ปีศาจเฒ่าอย่างสูซีไทเฮ่านั่นหรอก ดังนั้นที่เอาไปไว้ที่หยวนหมิงหยวนน่าจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นมากกว่า นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่หูหวังมัวแต่คิดว่าบรรพบุรุษตระกูลหูไร้คุณธรรม
แต่ตระกูลหูคงคิดไม่ถึงว่ารัฐบาลแมนจูจะล้มง่ายขนาดนี้ แม้แต่หยวนหมิงหยวนก็ให้คนมาเผาได้สบาย
หินหยกดิบพวกนี้น่าจะตกถึงในมือคนอื่น หลังจากนั้นตระกูลหูเองก็เกิดศึกภายใน เหลือไว้แค่หูหวังหัวเดียวกระเทียมลีบ
เมื่อวานเธอหาแสงอาทิตย์สีเลือดเจอแล้ว คืนวันนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเธอจะประมาทเลินเล่อไม่ได้ และเล่นต่ออีกไม่ได้แล้ว ต้องรีบหาหยกแสงอาทิตย์ก้อนอื่นๆ ซะแล้ว ไม่พิจารณาถึงเรื่องมูลค่าของหยกพวกนั้น แต่ลุงงูบอกเองว่ามันเป็นกุญแจสำคัญในการตามหาหินซ่อมฟ้า แม้ว่าเธอไม่อยากตามหาหินซ่อมฟ้า แต่ก็ไม่ยอมให้หยกพวกนี้ตกไปอยู่ในมือคนอื่นได้หรอก
มิน่าล่ะครั้งนี้หูชีเยี่ยนถึงได้ให้ความสำคัญกับพนันของชิงซื่อเป็นพิเศษ รีบมาอย่างรวดเร็ว เกรงว่าเป้าหมายของเขาก็เพราะหยกแสงอาทิตย์สินะ?
“จินเหลียน ปู่ยืนยันได้ว่าในบรรดาหินหยกดิบตอนนั้นต้องมีหยกแสงอาทิตย์สามก้อนแน่ๆ” หูหวังพูดอีกครั้ง
“คุณปู่คะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูต้องหาหยกแสงอาทิตย์ให้เจอจนได้” ซีเหมินจินเหลียนพูดแผ่วเบา
หูหวังพยักหน้าพูด “เป้าหมายที่ปู่มาที่นี่ก็หวังให้หนูพยายามตามหาหยกแสงอาทิตย์พวกนั้น แน่นอนคนแก่อย่างปู่ก็ไม่ได้ว่างงานขนาดนั้น อย่างไรเสียอยากให้หนูตามหาหยกแสงอาทิตย์สามก้อนในบรรดาหินหยกดิบสองหมื่นกว่าก้อน มันก็ยากเหลือเกิน ดังนั้นปู่เองก็จะพยายามให้มากเหมือนกัน”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าอย่างตั้งใจ คิดๆ ดูแล้วถอนหายใจพูดทันที “ปัญหาก็คือ ถ้ามีคนที่ดวงดีมากๆ แล้วพนันหินหยกสามก้อนนั้นไปก็จบเห่เลยสิคะ”
หูหวังได้ยินแล้วก็ถอนหายใจไม่หยุด ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้มีน้อยมาก อีกอย่างเขายังพะว้าพะวังเรื่องที่ใหญ่กว่านั้น ขมวดคิ้วพูดทันที “ปู่เป็นห่วงว่าในงานพนันของชิงซื่อครั้งนี้ บริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่คงไม่เอาหินหยกดิบในตอนนั้นออกมาทั้งหมดนะ?”
“ยังมีอีกสิบสองก้อน เรียกว่าสิบสองราศีครับ เก็บไว้เป็นไฮไลท์หลักในวันสุดท้าย พรุ่งนี้พวกคุณก็คงได้เห็นครับ” จ่านป๋ายพูดแทรกอยู่ข้างๆ
“ทำไมถึงเหลือไว้สิบสองก้อนล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจถาม
“เตรียมตัวเหลือไว้ขายประมูลในคืนพรุ่งนี้” จ่านป๋ายยิ้ม “หินหยกดิบทั้งสิบสองก้อนนั้นต่างเป็นที่ยอมรับของทุกคนว่าลักษณะดีที่สุด อีกอย่างขนาดของหินหยกดิบแต่ละก้อนก็ใหญ่พอสมควร มีน้ำหนักประมาณห้าสิบกิโลกรัมถึงหนึ่งตัน ล่อตาล่อใจมาก ส่วนราคาก็สูงจนทำให้ผู้คนตกใจ”
“ไอ้บ้าสมิธนั่นทำธุรกิจเป็นจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนด่า
จ่านป๋ายยิ้มฝืนเล็กน้อย อย่างไรเสียเขาก็มีหุ้นอยู่ทางสมิธ เธอด่าแบบนี้ก็เท่ากับว่าเอาเขาไปด่ารวมด้วย
“ประมูลแบบเปิดเผย?” หูหวังขมวดคิ้วพูด
“ใช่แล้วครับ แบบเปิดเผย” จ่านป๋ายพูด
“ใครเป็นคนคิดไอเดียสารเลวพวกนี้กัน?” หูหวังขมวดคิ้วพูด “นี่ยังให้คนซื้ออีกเหรอ?”
“สำหรับผู้ขายแล้ว พวกเขายินดีที่จะเห็นผู้คนแย่งชิงกันซื้ออย่างไม่ใยดี” จ่านป๋ายส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
“พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อตัวเองไปซื้อก็ได้นี่คะ” ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันพูด ถ้าเป็นแบบเปิดเผย ด้วยชื่อเสียงภายนอกของเธอกับหูหวัง เกรงว่าคงเป็นเป้าให้แขกในงานพากันตามลมแน่ ถึงเวลานั้นแม้จะซื้อกลับมาได้ก็คงต้องเสียเลือดเสียเนื้อมาก
ดังนั้นตอนนี้ซีเหมินจินเหลียนจึงทำได้แค่สวดมนต์ภาวนา ขอให้ภายในสิบสองราศีนั้นไม่มีหยกแสงอาทิตย์ ขอให้หยกแสงอาทิตย์ทั้งหมดอยู่ในบรรดาหินหยกสองหมื่นก้อน แม้ว่าการตามหาจะค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็ยังดีกว่าแก่งแย่งราคากัน
เกรงว่าคืนพรุ่งนี้สิ่งที่เรียกว่างานประมูลสิบสองราศี ไม่แน่ว่าจะมีหินหยกดิบเซทใหม่เป็นดาวเด่นขึ้นมา
“จินเหลียน สิบสองราศี ซื้อไปจำเป็นต้องผ่าตรงนั้นเลย” จ่านป๋ายถอนหายใจพูด
“นี่มันกติกาบ้าบอคอแตกอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนไม่ทันได้พูด หูหวังสบถด่า “ที่ไหนมีซื้อมาแล้วบังคับให้ผู้ซื้อผ่าหยกด้วย?”
“เพราะ…พนันในคืนพรุ่งนี้ก็คือสิบสองราศีนั่น” จ่านป๋ายมองซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดอีกครั้ง
“เสี่ยวป๋าย คุณบอกฉันมาซะดีๆ ดีกว่า ความคิดพวกนี้ไม่ใช่คุณคิดเองสินะ” ซีเหมินจินเหลียนชี้ไปที่จมูกเขา
“จินเหลียน ไม่ใช่ผม ไม่ใช่ผมจริงๆ” จ่านป๋ายถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วยิ้มฝืด “แม้ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาจะเลียนแบบนิทรรศการหยกมา แต่พวกเขาก็เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาก…”
“คุณก็ไม่ใช่คนดี” ซีเหมินจินเหลียนโกรธจัดแล้ว หลังจากงานประมูลต้องผ่าหยกตอนนั้นเลย ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะหินหรือหยกงามมองปราดเดียวก็รู้
“ผมเป็นคนดี” จ่านป๋ายลำบากใจทั่วท้อง
“คุณเป็นคนดี คุณกับสมิธทำเรื่องบ้าอะไรกัน?” ซีเหมินจินเหลียนด่า
“ต่อไปผมจะไม่มั่วสุมอยู่กับเขาแล้ว ต่อไปจะมั่วอยู่แต่กับคุณ” จ่านป๋ายยิ้มฝืดเฝื่อน ส่งสายตาขอร้องมองไปที่หูหวัง
หูหวังถอนหายใจพูด “เสี่ยวป๋าย พูดถึงเรื่องสิบสองราศีหน่อยซิ รู้จักมากขึ้นก็ดีเหมือนกัน”
“ความจริงง่ายมากครับ หลังผ่านตีหนึ่งคืนพรุ่งนี้ หินหยกดิบธรรมดาที่จัดกิจกรรมขายก็จะเสร็จสิ้นหมด จากนั้นก็มีให้ดูสินค้าสิบสองราศีนั้น ในระหว่างนี้มีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็คืองานประมูลหนึ่งชั่วโมง ผู้ซื้อทุกคนขอแค่มีเงินก็แย่งชิงราคาได้ รอให้งานประมูลสิ้นสุดลงและให้ทุกคนยาเป่าอีกครั้ง ราคาต่อรองทางบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่จะเป็นคนเปิดเอง ตอนตีสี่ ยาเป่าก็จะจบลงแล้วเริ่มผ่าหยก สุดท้าย…ผู้แพ้หรือชนะต้องรับชะตานั้นเองครับ” จ่านป๋ายอธิบายง่ายๆ
“ไม่รู้ว่าคิดแผนการอันแยบยลมาจากที่ไหน” ซีเหมินจินเหลียนถลึงตาดุใส่จ่านป๋ายเช่นกัน
แห่กันวิดน้ำดับไฟเมือง ตอนท้ายน้ำแห้งเหือดปลาตาย เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย? ความร่วมมือกันระหว่างเขากับสมิธมันเริ่มขึ้นก่อนที่จะรู้จักซีเหมินจินเหลียนเสียอีก
“จินเหลียน ความจริงหนูไม่ต้องโกรธขนาดนั้น” หูหวังยิ้ม “ถ้าชิงซื่อ จิวเวลรี่เล่นแบบนี้ คืนพรุ่งนี้ปู่จะไปหาคนมาแย่งราคาเอง แน่นอนคนคนนี้หนูเชื่อใจได้แน่ จากนั้น…พวกเราก็ลงเดิมพันด้วยกัน ให้บริษัทชิงซื่อจิวเวลรี่ล้มลงไม่เป็นท่า”
ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงความคิดชั่วร้ายของจ่านมู่ฮวา ลงพนันไปด้วยเงินก้อนใหญ่ให้บริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่แพ้พังทลายไม่เป็นท่า อย่างน้อยก็ต้องลิดรอนอำนาจของพวกเขาในกี่ปีนี้ให้ไม่มีทางฟื้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้
ความจริงเธอก็เป็นคนเชื่อในทางสายกลาง ทุกคนหาเงินไปด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องฆ่าแกงให้หมด ดังนั้นเมื่อวานเธอถึงคัดค้านความคิดชั่วร้ายของจ่านมู่ฮวา แต่ดูจากตอนนี้แล้ว สิบสองราศีของบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่อะไรนั่น มีความเป็นไปได้สูงมาก พนันยาเป่าที่มีตอนแรกก็แค่ของเล่นสนุกๆ เท่านั้น