ความลับแห่งจินเหลียน – ตอนที่ 339 สีสูงศักดิ์

ตอนที่ 339 สีสูงศักดิ์

ซีเหมินจินเหลียนชำเลืองมองจ่านป๋าย เขาคนนี้ตรงไปตรงมาเสียจริง ในสายโทรศัพท์มีเสียงถอนหายใจของหูชีเยี่ยนดังแว่วมา หลังจากนั้นไม่นานสายโทรศัพท์ก็ตัดไปอย่างไร้ร่องรอย

“พูดตามตรง ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าสมองของพ่อคุณคิดอะไรอยู่” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด

ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจเบาๆ “อยู่ดีๆ ก็…”

“จินเหลียน ความจริงเรื่องแบบนี้ แม้คุณจะพยายามเท่าไหร่มันก็เปล่าประโยชน์” จ่านป๋ายพูดปลอบใจ “หูชีเยี่ยนยึดความคิดของตัวเองเป็นหลักมากเกินไป คนอื่นอย่าหวังที่จะเปลี่ยนความคิดของเขาได้เลย”

“นอนเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “นี่ไม่ใช่ความผิดของใคร พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกเท่านั้น” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นเดินขึ้นไปชั้นบน

จ่านป๋ายนั่งพิงโซฟา มองเงาด้านหลังของซีเหมินจินเหลียนพร้อมถอนหายใจเบาๆ ความจริงในใจของเธออ้างว้างเสียยิ่งกว่าใคร ตั้งแต่เล็กก็หัวเดียวกระเทียมลีบ แน่นอนเลยต้องเฝ้ารอครอบครัวมากกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา ดังนั้นเธอหวังจะได้เห็นหูหวังกับหูชีเยี่ยนคืนดีกัน แต่สองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลย

บ่ายวันถัดมา ซีเหมินจินเหลียนถึงเพิ่งรู้ว่าหูชีเยี่ยนไม่ทันได้เอ่ยคำร่ำลาก็กลับพม่าไปก่อนแล้ว ลุงงูแจ้งข่าวคราวในสายและหายสาบสูญไปอีกครั้ง

คนอย่างลุงงูชอบปรากฏตัวราวเทพหายตัวราวกับภูตผี ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจแจ่มแจ้งดี นอกเสียจากที่เขาจะมาหาเธอ ไม่อย่างนั้นถ้าเธออยากจะติดต่อเขาไปเองมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ

ซีเหมินจินเหลียนต่อสายโทรไปหาลุงงูอีกครั้ง ในสายมีเสียงอัตโนมัติส่งผ่านเข้ามา “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่อยู่ในพื้นที่ให้บริการค่ะ…”

หูหวังราวกับได้รับแรงโจมตีอันยิ่งใหญ่บางอย่าง ปิดประตูห้องทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน แม้แต่ตอนกลางวันและกลางคืนก็เป็นซีเหมินจินเหลียนที่คอยส่งข้าวส่งน้ำถึงในห้องให้เขาดื่มกิน

ตอนกลางคืนซีเหมินจินเหลียนไปที่รอยัล คาสิโนอีกครั้ง ไม่สนว่าจะตามหาหินซ่อมฟ้าหรือไม่ก็ตาม แต่เธอจำเป็นต้องหาหยกแสงอาทิตย์ให้เจอ ขอแค่ควบคุมหยกแสงอาทิตย์ให้อยู่ภายในครอบครองของตน ยามรุกบุกโจมตีได้ ยามถอยก็ป้องกันเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่วางใจจริงๆ

สภาพจิตใจห่อเ**่ยว ทำให้เธอเริ่มดูหินหยกดิบอย่างบ้าคลั่ง แต่ที่น่าเสียดายก็คือเธอยังหาหยกแสงอาทิตย์ไม่เจอ แม้จะซื้อหินหยกดิบสีสันพอไปวัดไปวาได้หลายก้อน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอเฝ้ารอทั้งนั้น

หลังจากเที่ยงคืนผ่านไป ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายย่างเท้ามาถึงชั้นห้าของรอยัล คาสิโน

หินหยกดิบทั้งสองก้อนตั้งวางตระหง่านอยู่ในห้องโถงอย่างสร้างสรรค์ หินหยกดิบแต่ละก้อนต่างเขียนชื่อสิบสองราศีกำกับไว้ เพราะเวลาในการดูสินค้ามีแค่หนึ่งชั่วโมง ซีเหมินจินเหลียนจึงไม่กล้าชักช้าให้เสียเวลา และไม่ได้ศึกษาลวดลายหินอย่างเช่นจุดหยกหรือเส้นลายหยกบนผิวช้าๆ เหมือนเคย หากแต่ยื่นมือไปแตะด้านบนโดยตรง

ดูต่อเนื่องกันถึงสองก้อน ซีเหมินจินเหลียนแอบขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าสิบสองราศีที่คัดสรรมาเป็นของดีทั้งนั้น แต่มันก็แค่เปลือกผิว ลักษณะข้างในกับราคาข้างๆ เทียบกันแล้ว เธอยังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าด้วยซ้ำ อีกอย่างราคาข้างๆ ยังเป็นแค่ราคาเริ่มต้นการประมูลอีกต่างหาก

หากปรากฏเหตุการณ์แย่งชิงราคา ราคาเริ่มต้นการประมูลนี้คงได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลย

ตอนที่เห็นราศีกุมภ์ ซีเหมินจินเหลียนตกใจไปชั่วขณะ แม้จะไปได้มองทะลุผ่าน แต่เปลือกผิวของหินหยกก้อนนี้ เพียงแค่สัมผัสครั้งเดียว ในใจของเธอก็รู้สึกเหมือนมีภาพลวงตาบางอย่าง…เหมือนว่าเธอไม่ได้สัมผัสหินหยกดิบเลย แต่เหมือนได้สัมผัสเรือนร่างของหญิงงามที่หอมหวานอ่อนโยนเฉกเช่นหยก ทั้งเนียนละเอียดชุ่มฉ่ำและเปล่งปลั่ง…

ซีเหมินจินเหลียนพยายามควบคุมสติให้ว่าง ไม่สนว่าจะพูดยังไง เปลือกผิวของหินหยกดิบก้อนหนึ่งกลับมีลักษณะดีถึงขนาดนี้ เกรงว่าสีข้างในคงไม่ย่ำแย่แน่

อีกอย่างเหมือนที่จ่านป๋ายพูดไว้ หินหยกดิบพวกนี้ใหญ่ใช้ได้ อย่างน้อยน่าจะห้าสิบกว่ากิโลกรัม ก้อนที่อยู่ด้านหน้าสายตานี้มีเปลือกผิวสีแดงเหลือง แต่พูดอย่างละเอียดดูจะโอนเอียงไปทางสีเหลือง และมีความคล้ายกับเหลืองทรายเสียมากกว่า แต่สีหนักเข้มไปเล็กน้อย น่าจะหนักประมาณเจ็ดสิบกิโลกรัมเห็นจะได้ ไม่ถึงหนึ่งตัน แต่ก็ไม่เล็กแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนเลิ่กลั่กก็คือผิวของหินหยกดิบก้อนนี้ มีจุดหยกประปรายอยู่แค่ไม่กี่จุด อีกทั้งไม่มีเส้นลายหยก ยื่นมือไปแตะด้านบน…ไม่นานเปลือกผิวสีเหลืองแดงก็ค่อยๆ เลือนหายไป จากนั้นพลันเปลือยกายสีเหลืองน่าตื่นตาตรึงใจอยู่ตรงหน้าเธอ

“สีเหลืองน้ำมันไก่เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจลึก ตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอไม่ค่อยชอบหยกสีเหลืองสักเท่าไหร่ ในบรรดาหยกที่เธอเก็บสะสมก็ใช่ว่าจะไม่มีสีเหลืองน้ำมันไก่ เพียงแต่สีสันสดใสจนถึงขั้นนี้มันก็ไม่ใช่มีให้เห็นมากนัก

เธอเคยได้ยินคนอื่นเอ่ยถึงเหลืองน้ำมันไก่มาต่างๆ นาๆ มันก็คือสีเหลืองบริสุทธิ์ของน้ำมันไก่ในตัวไก่ข้างใน ตั้งแต่เล็กเธอเคยเห็นคนชำเลาไก่ เลยต้องเคยพบเจอมาบ้าง แต่กลับไม่ได้คิดว่าหยกแบบนี้จะสวยน่าดูตรงไหน?

แต่เหลืองน้ำมันไก่ก้อนนี้เปลี่ยนความคิดของซีเหมินจินเหลียนให้พลิกผันโดยสิ้นเชิง สีเหลืองสดบริสุทธิ์ สง่าผ่าเผยอย่างยิ่ง ผลึกก็เนียนละเอียด หากผ่าออกมาคิดว่าสัมผัสมือคงต้องดีมากๆ แน่

อย่างน้อยเปลือกผิวของหินหยกดิบก้อนนี้ก็ราบเนียนเพียงพอ อีกอย่างความอิ่มน้ำก็ชุ่มฉ่ำใช้ได้ เป็นชนิดเนื้อแก้วเหล่าเคิงตามท้องเรื่อง…

สีเหลืองน้ำมันไก่ก้อนใหญ่ขนาดนี้ ซีเหมินจินเหลียนไม่มีทางพลาดโอกาสเด็ดขาด ชำเลืองมองไปที่ราคาประมูลขั้นต่ำอีกครั้งและถอนหายใจข้างใน เกรงว่าถ้าอยากประมูลคงยากเหมือนกัน แปดล้านดอลลาร์ คนเสนอราคาของชิงซื่อน่าจะอยากได้เงินจนบ้าไปแล้ว

จู่ๆ ข้างในของเหลืองน้ำมันไก่ที่บริสุทธิ์ พลันมีแสงสีทองเรืองรองทะลุผ่านออกมาให้เห็น

ซีเหมินจินเหลียนชะงักค้าง หรือว่าหินหยกน้ำมันไก่นี้จะมีโลหะทองคำล้ำค่าปะปนมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางสว่างเรืองรองได้ขนาดนี้ แต่ถ้ามีทองคำปะปนในสีเหลือง ก็ไม่แน่ว่าจะสวยเสมอไป เพราะสีสันไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ ยังงดงามไม่เท่าหยกสีแดงเกล็ดทองเลยด้วยซ้ำ

แต่ความคิดนั้นก็ต้องสลายไป เธอรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว นี่ไม่ใช่แสงสว่างของทองคำล้ำค่าที่กระจายรังสีออกมา หากแต่เป็นแสงเรืองรองจากตัวหยกเอง…ส่วนตรงกลางของเหลืองน้ำมันไก่ก้อนนี้มีรัศมีแสงสีทองสุกใสเป็นประกาย

แม้จะอาศัยตาวิเศษช่วยดู ซีเหมินจินเหลียนก็ยังรู้สึกตกใจจนไม่กล้าดูหมิ่นเหยียดหยาม ราวกับจักรพรรดิกำเนิดตัวขึ้นและไม่สามารถบรรยายความงดงามได้

หยกสีเหลืองแสงอาทิตย์? ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความกังวลใจของเธอในเมื่อคืนพลันได้ปลดปล่อยลง ในเมื่อชิงซื่อ จิวเวลรี่กล้าพนันหิน แสดงว่าต้องมีสายตาอันแรงกล้าเป็นธรรมดา ลักษณะเปลือกผิวภายนอกของหยกสีเหลืองแสงอาทิตย์ที่ไม่โดดเด่นก้อนนี้กลับอยู่ในสิบสองราศี…

“ไม่ว่ายังไงต้องเอาหยกก้อนนี้มาให้ได้”ซีเหมินจินเหลียนแอบพูด

ไม่สนอะไรทั้งนั้น ในที่สุดเธอก็หาหยกแสงอาทิตย์สีเหลืองเจอจนได้ ถือว่าเดินทางมาคุ้มค่าแล้ว อีกอย่างหยกแสงอาทิตย์สามก้อนที่หูหวังพูดถึง เธอเจอสีม่วง สีแดงและสีเหลืองแล้ว รวมกับหยกแสงอาทิตย์สีเขียวของไมโลที่ถูกขโมยไปก้อนนั้น ยังมีหยกแสงสีน้ำเงินเปล่งประกายกับสีส้มอีก เธอเจอหกก้อนแล้ว

เพียงแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าแสงเจ็ดสี ยังมีอีกชนิดหนึ่งเป็นสีแบบไหนกัน? ดูจากที่เธอวิเคราะห์หยกแสงอาทิตย์ทั้งหมดในช่วงนี้ หยกแสงอาทิตย์จะมีสีหยกที่ใสบริสุทธิ์ในระดับหนึ่ง สีสันมันวาวแท้ที่จริงจะรวมตัวกันก่อตัวกลายเป็นแสงอาทิตย์อ่อนๆ เรียกว่าหยกแสงอาทิตย์

เธอคิดไปคิดมา สีสันต่างๆ นาๆ ปรากฏตัวหมดแล้ว สีสันที่เหลืออยู่น่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะรวมตัวเป็นหยกแสงอาทิตย์เลย หยกแสงอาทิตย์เจ็ดสี ยังมีอีกสีหนึ่ง มันเป็นสีอะไรกันแน่?

จู่ๆ ในขณะนี้ ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับสีแค่หางอึ่งเท่านั้น

กางนิ้วมือออกมานับสีรุ้งตามธรรมชาติ…แดงส้มเหลืองเขียวครามน้ำเงินม่วง…แต่สีครามความจริงแล้วก็คือสีเขียว สีสันของสีครามถ้าเข้มขึ้นหน่อยก็กลายเป็นสีเขียวแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหยกแสงอาทิตย์

“จินเหลียน คุณเป็นอะไรไป?” จ่านป๋ายเห็นซีเหมินจินเหลียนเหม่อลอยจึงถามจี้ด้วยความห่วงใย

“เสี่ยวป๋าย ที่คุณพูดว่าสีสันทั้งเจ็ด มันเป็นสีชนิดไหนเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม

จ่านป๋ายได้ยินแล้วสับสน กดเสียงต่ำถาม “เป็นไรไป คุณเห็นหยกเจ็ดสีแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่” ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะพูด “ฉันแค่ไม่เข้าใจ ในวงการหยก สีสันทั้งเจ็ดมันคืออะไรบ้าง?”

“แดงส้มเหลืองเขียวครามน้ำเงินม่วง สายรุ้งเจ็ดสีตามกฎธรรมชาติสิ” จ่านป๋ายพูด

“คุณลองคิดดู สีครามถ้ามันเข้มขึ้นหน่อย มันก็คือสีเขียวแล้วไม่ใช่เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะพูด

จ่านป๋ายครุ่นคิดชั่งใจ ความจริงถ้าสีครามเข้มกว่านี้สักนิดก็กลายเป็นสีเขียวแล้ว อีกอย่างสีครามจัดอยู่ระหว่างสีเขียวกับสีน้ำเงิน เมื่อเทียบกันแล้วงดงามยิ่งกว่า

แต่ปัญหาก็คือหยกที่เขาเคยเจอมีไม่น้อยเลย แต่ไม่เคยเห็นสีเขียวครามมาก่อน หยกทั้งหมดมีแค่สีเขียว ไม่มีสีเขียวคราม…

“จินเหลียน คุณศึกษามันไปทำไม?” จ่านป๋ายรู้สึกว่าเธอกำลังทำสิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรง

“ฉันกำลังคิดว่าในหยกแสงอาทิตย์เจ็ดสี สีทั้งเจ็ดเป็นสีอะไรกันแน่?” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างเชื่อมั่น “ถ้าไม่มีสีเขียวแล้วมันจะเป็นสีอะไร?”

จ่านป๋ายไม่ได้พูดจา ซีเหมินจินเหลียนบ่นพึมพำเบาๆ “หรือว่าเป็นสีขาว? แต่ในบรรดาหยกจะไปหาสีขาวเหมือนหยกไขมันแพะได้ที่ไหนล่ะ?”

จ่านป๋ายสับสนเช่นกัน สีขาว? มันดูเป็นไปไม่ได้ หรือว่าจะเป็นสีแบบที่หูชีเยี่ยนชอบ?

“สีดำ” จ่านป๋ายพูดกระโตกกระตาก

“ห๊ะ?” ซีเหมินจินเหลียนมึนงง หยกสีดำเหรอ? หยกแสงอาทิตย์สีดำ? นี่มันตรรกะอะไร? สีดำจะเป็นแสงได้เหรอ? ถ้าไม่ใช่แล้วสีดำจะเป็นอะไร?

ความคลุมเครือยามพลบค่ำ? ไม่รู้ว่าทำไม ในขณะที่จ่านป๋ายพูดถึงสีดำ ซีเหมินจินเหลียนพลันคิดถึงรูปภาพใบนั้นของหูชีเยี่ยน ชุดฉางเผ่ายาวสีดำทั้งชุด หายตัวอยู่ที่ถนนในเมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่า พลบค่ำก็คือสีดำ และยังมีแสงเศร้าวังเวงและมืดสลัวแทรกตัวอยู่ในนั้น…

เหมือนดวงตาของเขาที่ดำมืดมิด แต่กลับมีแสงระยิบระยับ

หรือว่าสีสุดท้ายของหยกแสงอาทิตย์เจ็ดสีจะเป็นสีดำจริงๆ? แต่หยกสีดำเดิมทีก็มีน้อยร่อยหรออยู่แล้ว เธอจะไปตามหาหยกแสงอาทิตย์สีดำที่ไหนล่ะ?

“จินเหลียน รีบดูหินหยกเถอะ เวลาไม่มากแล้ว” จ่านป๋ายพูดเตือนเธอ

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าและรีบดูหินหยกต่อไป ครั้งนี้เมื่อมองเห็นราศีธนู เธอต้องตกตะลึงอีกครั้ง…หินหยกดิบก้อนนี้อยู่ในบรรดาหยกจำนวนมากแล้วขนาดไม่ถือว่าใหญ่ อาจจะหนักไม่ถึงห้าสิบกิโลกรัมด้วยซ้ำ น่าจะเป็นก้อนที่เล็กที่สุดในบรรดาสิบสองราศี

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของซีเหมินจินเหลียนก็คือสีเปลือกของหินหยกดิบก้อนนี้ช่างแปลกประหลาดอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอกลับแยกไม่ออกว่ามันเป็นสีอะไรกันแน่? เริ่มแรกที่ดูน่าจะเป็นสีเทาแกมน้ำตาล แต่ก็ไม่เหมือน…ยังไงเสียดูแล้วทำให้คนรู้สึกแปลกและเข้ากันไม่ได้

ความลับแห่งจินเหลียน

ความลับแห่งจินเหลียน

Status: Ongoing

ส่วนที่ 1-4 จบ อ่านนิยาย

ซีเหมินจินเหลียน หญิงสาวจากครอบครัวชนบทที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น เธอดิ้นรนส่งเสียตัวเองจนเรียนจบ กระทั่งได้เข้ามาทำงานในนครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ แต่ความจริงกลับไม่เป็นดั่งฝันที่วาดไว้ เมื่อเธอถูกแฟนหนุ่มที่ตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหักหลังอย่างไม่ไยดี แต่แล้ว…ในคืนที่เธอไม่เหลืออะไรแม้แต่ชายคนรัก ซีเหมินจินเหลียนได้รับความสามารถพิเศษที่เธอเองก็ไม่อาจคาดคิด… ‘ความสามารถในการมองทะลุสิ่งของ’ พร้อมกับลายดอกบัวสีทองที่ปรากฏอยู่บนหลังมือ ได้นำพาให้ซีเหมินจินเหลียนที่ไม่มีอะไรติดตัวเข้าสู่วงการ ‘นักพนันหยก’ จนได้กลายเป็น ‘เจ้าหญิงแห่งวงการหยก’ ภายในชั่วข้ามคืน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท