Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1421 : จับเป็นตี๋เสี่ยวเจิน

บทที่ 1421 : จับเป็นตี๋เสี่ยวเจิน

บทที่ 1421 : จับเป็นตี๋เสี่ยวเจิน

  หลังจากที่หลิงหยุนสังหารศิษย์คุนหลุนทั้งสามคนไปแล้วแต่ยังเลือกที่จะไม่สังหารจ้าวหมิงถังในทันที เขาปล่อยจ้าวหมิงถังไปก่อน และรีบเหาะตรงไปยังยอดเขาปฐพีเพื่อจับตัวตี๋เสี่ยวเจิน!

  เว้นแต่ว่าตี๋เสี่ยวเจินจะชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อนมิเช่นนั้นแล้วต่อให้เขาต้องปล่อยจ้าวหมิงถังให้หนีรอดไปได้ ก็จะไม่มีทางปล่อยตี๋เสี่ยวเจินไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจับนางไปให้ฉินจิวยื่อแก้แค้นให้จงได้..

  แม้หลิงหยุนจะยังมิได้เค้นถามเอาความใดๆแต่ดูจากที่นางกระทำต่อหนิงเทียนหยาและฉินจิวยื่อแล้ว หลิงหยุนก็พอที่จะคาดเดาได้ว่า ตลอดเวลากว่าหกเดือนมานั้น ตี๋เสี่ยวเจินได้ทรมานร่างกายและจิตใจของคนทั้งสองไปมากเพียงใด

  และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้หลิงหยุนโกรธแค้นยิ่งนัก!   ครืน..ฟิ้ว..

  เหนือยอดเขาปฐพีเวลานี้คลื่นปราณกระบี่มากมายนับไม่ถ้วนกำลังพุ่งจากท้องนภาตรงใส่ศรีษะของหลิงหยุน ในขณะที่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็มีกระบี่ลมปราณพวยพุ่งขึ้นมามากมายเช่นกัน กระบี่ลมปราณแต่ละเล่มนั้นมีความยาวกว่าสามเมตร และยังคงพุ่งแทงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างต่อเนื่อง..

  กระบี่มากมายพุ่งลงจากท้องนภาราวกับสายฝนในขณะที่ผืนปฐพีก็มีกระบี่จำนวนมากพวยพุ่งขึ้นราวกับดอกเห็ด ในขณะเดียวกันก็มีกระบี่เล่มใหญ่หมุนวนอยู่โดยรอบอีกหนึ่งชั้น และนี่คือการทำงานของค่ายกลกระบี่สวรรค์

  เวลานี้หลิงหยุนอยู่ท่ามกลางค่ายกลสังหารที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักตาข่ายกระบี่ที่หนาแน่นเช่นนี้ ต่อให้หลิงหยุนสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากเพียงใด ก็ยากที่จะหลบหลีกได้พ้น มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นคือ เขาต้องใช้โล่ลมปราณเป็นเกราะป้องกันพร้อมกับโคจรดาราคุ้มกายขั้นสุด และด้วยวิชาพลังมังกรที่ใช้อยู่นี้ ทำให้เกราะป้องกันของหลิงหยุนแข็งแกร่งจากเดิมถึงสามเท่า

  ในขณะเดียวกันของวิเศษทั้งสี่ชิ้นของหลิงหยุนก็ยังคงถูกนำมาใช้เช่นเคย เวลานี้ตราหยกจักพรรดิขยายใหญ่กว่าเก้าเมตรลอยอยู่เหนือศรีษะของเขา และคอยสะกัดกั้นกระบี่สวรรค์ที่พุ่งลงจากด้านบน ส่วนหอกมังกรทองของเขาก็สะกัดกั้นกระบี่เหินของจ้าวหมิงถัง ในขณะที่กระบี่กังฉีและกระบี่เหินเงาธนู ก็คอยวนเวียนสะกัดกั้นกระบี่ที่พุ่งเข้าใส่ทางด้านหลังของตนเอง

  หลิงหยุนเคลื่อนที่ไม่เร็วนักมือของเขาตวัดกระบี่โลหิตเทวะเข้าใส่กระบี่ที่พุ่งขึ้นจากผืนดินไม่หยุด กระบี่สวรรค์นี้เกิดจากการหลอมรวมของกระบี่ลมปราณ หลิงหยุนจึงกระหน่ำฟันจนขาดสะบั้น ก่อนจะดูดซับพลังปราณที่แตกสลายเข้าไปในร่างอย่างตะกละตะกราม

  นี่คือกระบี่ลมปราณในขั้นก่อสร้างรากฐานมีหรือที่หลิงหยุนจะยอมปล่อยโอกาสดีๆเช่นนี้ให้หลุดมือไป อีกทั้งเวลาของวิชาพลังมังกรยังเหลืออยู่มาก เขาจึงมิได้รู้สึกกังวลหรือหวาดกลัวแต่อย่างใด

  กระบี่ลมปราณที่ถูกหลิงหยุนกระหน่ำฟันและดูดซับเข้าไปในร่างนั้นได้ถูกเปลี่ยนเป็นพลังหยินและหยาง จากนั้นจึงถ่ายเทสู่กระบี่กังฉีซึ่งเกิดจากการหลอมรวมของพลังหยินและหยางในร่าง กับเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางของหลิงหยุนทันที

  ผลที่ได้ก็คือกระบี่กังฉีของหลิงหยุนเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆภายในเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ มันได้เปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวกว่าสองเมตรและกว้างกว่าหนึ่งฟุต และยิ่งหลิงหยุนดูดซับเอาลมปราณของกระบี่เหล่านี้เข้าไปมากเท่าใด กระบี่กังฉีของเขาก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้นเท่านั้น และเวลานี้ดูคล้ายกับกระบี่เนื้อโลหะมากขึ้นทุกที

  เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางพวยพุ่งออกจากร่างของหลิงหยุนและห่อหุ้มกระบี่กังฉีไว้ ทำให้กระบี่กังฉีลุกเป็นประกายเพลิง หลิงหยุนเปลี่ยนจากการขยายขนาดกระบี่ มาเป็นการใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางบ่มเพาะกระบี่แทน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกระบี่กังฉีมากขึ้นเรื่อยๆ

  เวลานี้หลิงหยุนอยู่ห่างจากตี๋เสี่ยวเจินไปเพียงแค่ครึ่งกิโลเมตรเท่านั้น..

   เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน 

  ตี๋เสี่ยวเจินร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจในระหว่างที่ควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ไปด้วยแววตาของนางเริ่มมีร่องรอยของความหวาดกลัวปรากฏขึ้น..

  หากค่ายกลกระบี่สวรรค์ถูกหลิงหยุนทำลายในระหว่างการต่อสู้แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ใดสามารถฟื้นฟูได้อีก ตี๋เสี่ยวเจินอยู่ในระดับสูงสุดขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) จึงมีความสามารถเพียงแค่ควบคุมและใช้งานเท่านั้น ซึ่งเพียงแค่นี้ก็นับว่าสุดขีดความสามารถของนางแล้ว

   ตี๋เสี่ยวเจินนางหญิงสารพัดพิษ!    เวลานี้กระบี่กังฉีของหลิงหยุนแข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆหลิงหยุนจึงมีท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น เขาปราดพุ่งเข้าไปด้านหน้าพร้อมกับร้องตะโกนบอกกับตี๋เสี่ยวเจินว่า

   ที่สำนักกระบี่เทียนซานของเจ้าต้องพบกับหายนะเช่นนี้เป็นเพราะความยะโสโอหังอวดดีของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว! เจ้าอย่าคิดว่าตนเองจะสามารถข่มเหงรังแกผู้อื่นตามใจชอบได้ เจ้าบังอาจทรมานท่านแม่ของข้าทั้งร่างกายและจิตใจมานานกว่าหกเดือน ข้าไม่มีทางอภัยให้เจ้าแน่! แต่ต่อให้เจ้าจะทำร้ายท่านแม่ของข้าแม้เพียงปลายเล็บ ข้าก็มิอาจให้อภัยเจ้าได้เช่นกัน.. 

  เวลานี้หลิงหยุนอยู่ห่างจากตี๋เสี่ยวเจินไปเพียงแค่สามร้อยเมตรเท่านั้นเขาแสยะยิ้มพร้อมกับเรียกดาบพายุออกมา

  เวลานี้มือซ้ายของหลิงหยุนถือกระบี่โลหิตเทวะส่วนมือขวาถือดาบพายุ กระบี่โลหิตเทวะยังคงกระหน่ำฟันเข้าใส่กระบี่สวรรค์ที่พุ่งขึ้นจากผืนดิน และที่หลิงหยุนเรียกดาบพายุออกมานั้น ก็เพื่อที่จะใช้มันสร้างพายุหมุนนั่นเอง

  ความจริงแล้วหลิงหยุนเพียงแค่ต้องการทดลองดูเท่านั้นมิได้หวังผลอะไรมากนัก แต่กลับพบว่าเวลานี้ดาบพายุนั้นได้ดูดซับเอากระบี่ลมปราณเข้าไปได้รวดเร็วกว่ากระบี่กังฉีเสียอีก ดูเหมือนมันจะตะกละตะกรามอย่างมาก แต่นั่นก็ทำให้หลิงหยุนอิ่มเอมใจและพอใจมากทีเดียว

   เหตุใดตระกูลหลิงจึงได้มีผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้นี่เขาเป็นคนจริงๆรึ? 

  จ้าวหมิงถังพุ่งปราดเข้าไปหาตี๋เสี่ยวเจินพร้อมกับเอ่ยถามหลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุน เขาก็เฝ้าครุ่นคิดจนสมองแทบระเบิดว่า ยังมียอดฝีมือในคุนหลุนผู้ใดที่จะสามารถรับมือหลิงหยุนได้อีก แต่ก็ไม่สามารถมองหาผู้ใดที่จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงหยุนได้เลย

  จ้าวหมิงถังได้แต่แอบนึกเสียใจที่ตนเสนอตัวมาสังหารหลิงหยุนในครั้งนี้ความจริงเขาไม่ควรมาที่นี่ด้วยซ้ำไป ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตนเองจะสามารถรับมือได้ แต่คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตรเช่นนี้

  และนี่เท่ากับเขาเอาชีวิตมาทิ้งโดยแท้!

  แต่จะว่าไปตัวเขาเองก็ประเมินความรวดเร็วในความก้าวหน้าของหลิงหยุนต่ำจนเกินไป เพราะสิ่งที่หลิงหยุนแสดงให้เห็นเวลานี้ เป็นการยืนยันว่าฝีมือของเขานั้นอยู่ในระดับที่หาผู้ใดเทียบได้ยาก

  –แม่นางตี๋เท่าที่ข้ารู้มา ค่ายกลสวรรค์ของเจ้าควรต้องแข็งแกร่งกว่านี้มิใช่รึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะหยุดเขาได้อยา่งไร?-

  เมื่อเห็นหลิงหยุนเคลื่อนเข้าใกล้ขึ้นมากเรื่อยๆจ้าวหมิงถังจึงได้แต่เอ่ยถามตี๋เสี่ยวเจินผ่านทางจิต

  –ความจริงค่ายกลกระบี่สวรรค์ควรต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้เพียงแต่เวลานี้ข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บ ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูดีนัก จึงไม่สามารถปลดปล่อยพลังปราณได้อย่างเต็มที่!-   ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ตี๋เสี่ยวเจินไม่สนใจสิ่งใดอีก และไม่ต้องการที่จะปิดบังสิ่งใดกับศิษย์คุนหลุนผู้นี้

  จ้าวหมิงถังตอบกลับมาโดยเร็ว–เพื่อสังหารหลิงหยุนให้ได้ หากเจ้าไม่รังเกียจ ช่วยบอกความลับในการควบคุมค่ายกลนี้ให้ข้ารู้จะได้หรือไม่ และข้าจะเป็นผู้ควบคุมค่ายกลนี้ให้เอง–

  –อาวุโสจ้าวหากทำเช่นนั้นได้ ท่านมิคิดว่าข้าจะคิดเช่นเดียวกับท่านหรอกรึ–

  ตี๋เสี่ยวเจินส่ายหน้าที่มีเหงื่อออกอยู่เต็มหน้าผากและการควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ก็ยิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ

  –ผู้ที่จะสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์ของสำนักกระบี่เทียนซานได้นั้นจักต้องเป็นสายเลือดผู้มีพรสวรรค์เท่านั้น แม้นท่านจะอยู่ในขั้นที่สูงส่งปานใด ก็มิอาจควบคุมค่ายกลกระบี่สวรรค์นี้ได้!-

  จ้าวหมิงถังถึงกับตกตะลึงและได้แต่เอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ –เช่นนี้แล้วพวกเราควรทำเช่นใด-

  สีหน้าของตี๋เสี่ยวเจินเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนใจก่อนจะเอ่ยของร้องจ้าวหมิงถัง –อาวุโสจ้าว เวลานี้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ท่านกับข้าช่วยกันสะกัดหลิงหยุนไว้ชั่วคราวก่อน เวลานี้ตี้ชิงโหวลูกชายข้ากำลังไปตามท่านลุงหกมา อีกไม่นานลูกชายของข้ากับท่านลุงหกก็คงจะมาถึงที่นี่แล้ว หากเขาเป็นผู้ควบคุมค่ายกลนี้ด้วยตัวเอง เชื่อว่าหลิงหยุนต้องไม่รอดแน่! 

  –ตกลง!-

  จ้าวหมิงถังครุ่นคิดเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก็ตอบตกลงทันทีทั้งคู่สื่อสารกันผ่านทางจิต นัดแนะวางแผนจัดการกับหลิงหยุน จากนั้นธงวายุในมือของจ้าวหมิงถังก็เริ่มโบกสะบัดทันที

  ลมพายุรุนแรงได้พัดเอากระบี่ลมปราณที่ร่วงลงจากท้องนภาให้หันเหทิศทางพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทางด้านขวาแทน และเวลานี้ปลายกระบี่มากมายก็กำลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว

  ชัวะ..ชัวะ..

  กระบี่ทั้งสองในมือของหลิงหยุนยังคงร่ายรำไม่หยุดทั้งกระบี่โลหิตเทวะ และดาบพายุต่างก็ฟาดฟันเข้าใส่พายุกระบี่ลมปราณที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ร่างของเขาก็ร่ายรำเคลื่อนไปข้างหน้าเรื่อยๆ และเวลานี้ก็อยู่ห่างจากตี๋เสี่ยวเจินไปไม่ถึงสองเมตร..

   แผนการร่วมมือของพวกเจ้านับว่าไม่เลวเลยทีเดียว!เพียงแต่… 

  แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายวูบขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเย็น นี่จะยิ่งทำให้เจ้าตายเร็วขึ้น 

  เท้าทั้งสองข้างของหลิงหยุนกระทืบลงไปบนผืนปฐพีอย่างแรงและเวลานี้พลังธาตุดินจากบ่ออสุนีบาตภายในจุดตันเถียนของเขา ก็ได้ถ่ายเทไปตามขาและฝ่าเท้าทั้งสองข้าง!

  นี่คือวิชาใต้ปฐพีและวิชาห้าธาตุสังหาร!

  หลิงหยุนใช้พลังของธาตุดินแปรเปลี่ยนผืนดินที่แข็งดั่งหินนี้ให้กลายเป็นผืนน้ำอ่อนนุ่มก้อนหินและผืนดินรอบตัวหลิงหยุนในรัศมีสิบเมตร จึงได้กลายเป็นน้ำไปในพริบตา

  จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็จมหายไปและดำดิ่งลงสู่ผืนปฐพี..

  เพียงแค่เหลือบมองตี๋เสี่ยวเจินหลิงหยุนก็มั่นใจว่านางจะไม่สามารถขยับหนีการไล่ล่าของเขาได้ทันแน่ และที่เขาเฝ้าดูดซับพลังปราณจากกระบี่มากมายก็เพื่อรอเวลานี้

   เขาหายไปไหนแล้ว! 

  จู่ๆร่างของหลิงหยุนก็หายไปต่อหน้าต่อตา ตี๋เสี่ยวเจินถึงกับยืนนิ่ง ในขณะที่ธงวายุในมือของจ้าวหมิงถังถึงกับหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเช่นกัน

   แย่แล้ว!เขาต้องใช้วิชาที่สามารถดำดินได้เป็นแน่! 

  จ้าวหมิงถังหันไปมองตี๋เสี่ยวเจินพร้อมกับร้องบอกทันที รีบหนีเร็วเข้า! 

   วิชาที่สามารถดำดินได้งั้นรึ!    ตี๋เสี่ยวเจินถามขึ้นด้วยความงุนงงแต่ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ผืนดินใต้ฝ่าเท้าของนางก็กลายเป็นคลื่น

   แย่แล้ว! ตี๋เสี่ยวเจินร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และต้องการที่จะหนีออกไปจากบริเวณนั้นในทันที แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว..

  แต่ไม่มีทางที่หลิงหยุนจะปล่อยให้ตี๋เสี่ยวเจินหนีไปได้แน่..

  กระบี่กังฉีพุ่งทะลุพื้นดินเข้าใส่ร่างของตี๋เสี่ยวเจินในทันทีและกระหน่ำทิ่มแทงเข้าใส่ร่างของตี๋เสี่ยวเจินถึงเจ็ดแปดครั้ง

  แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่มีทางปราณีตี๋เสี่ยวเจินแน่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง และฝ่ามือของหลิงหยุนก็ได้ซัดเข้าใส่จุดตันเถียนของนางอย่างรุนแรง เพียงแค่ฝ่ามือเดียววรยุทธของตี๋เสี่ยวเจินก็ถูกทำลาย!

  ตี๋เสี่ยวเจินกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและกระอักเลือดออกมาในทันที ทำให้ไม่สามารถควบคุมลมปราณภายในร่างได้อีก จึงเกิดลมปราณแตกซ่าน ธาตุไฟเข้าแทรก และกำลังลิ้มรสความเจ็บปวดเช่นเดียวกับที่หนิงเทียนหยาได้รับ

   เจ้าอย่าได้กังวลใจไปข้าไม่สังหารเจ้าแน่! 

  หลิงหยุนเย้ยหยันพร้อมกับทำการสะกัดจุดห้ามเลือดให้กับนางป้องกันไม่ให้ตี๋เสี่ยวเจินต้องเสียเลือดจนตาย..

  และในที่สุดหลิงหยุนก็จับตี๋เสี่ยวเจินไว้ได้!

 

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท