เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ – ตอนที่ 188 ง้อทุกวิถีทางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน / ตอนที่ 189 ผู้ชายกากเดน
ตอนที่ 188 ง้อทุกวิถีทางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“เสี่ยวเหยี่ยนไม่เป็นไรใช่ไหมจ๊ะ” คุณแม่เจียงมองซือเหยี่ยนด้วยความเป็นห่วง ทั้งรักทั้งสงสาร
เจียงมู่เฉินไม่เข้าใจงงไปหมดแล้ว นี่เป็นห่วงผิดคนหรือเปล่า เขาต่างหากที่เป็นลูกชายของแม่เขานะ
“คือว่า…แม่ครับ…” เจียงมู่เฉินกำลังคิดจะเอ่ยปาก
“เงียบปากซะ กินข้าวของลูกไปเลย”
เจียงมู่เฉินตะลึงงัน นี่เขาโดนด่าเหรอ
ซือเหยี่ยนอยากหัวเราะ แต่โดนเจียงมู่เฉินถลึงตาใส่ในนาทีนั้น ก็รีบกลั้นเอาไว้ทันที
คุณแม่เจียงเพิ่งจะเตรียมปลอบขวัญซือเหยี่ยน ก็ไปเห็นลูกชายตัวเองถลึงตาใส่คนอื่นเขา เธอถลึงตาโตใส่เสียเดี๋ยวนั้น “อะไรกัน นี่แม่พูดก็ไม่ฟังกันแล้วใช่ไหม ในเมื่อลูกไม่อยากกิน ก็ออกไปยืนซะ”
เจียงมู่เฉิน “…”
ตอนนี้เขาไม่เพียงแค่ถูกลิดรอนสิทธิ์ในการกินข้าว ยังต้องไปยืนข้างนอกอีกเหรอ
‘ยืนก็ยืน ใครกลัวใคร!’
เจียงมู่เฉินลุกยืนขึ้นทันที แล้วเดินออกไปข้างนอก ยืนตัวตรงอยู่นอกประตู
“เสี่ยวเหยี่ยน ขอโทษด้วยนะจ๊ะ เฉินเฉินไม่รู้จักความเลยสักนิด เขาไม่ได้ตั้งใจ เสี่ยวเหยี่ยนอย่าถือโทษโกรธเขาเลยนะจ๊ะ”
พอซือเหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินยืนน่าสงสารอยู่นอกประตู ก็รู้สึกเห็นใจในทันใด “น้าเจียง ผมกับเฉินเฉินแค่หยอกล้อเล่นกันครับ ให้เขากลับเข้ามากินข้าวเถอะครับ เดี๋ยวจะหนาวเอาได้”
คุณแม่เจียงก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง มีหรือจะลงโทษให้ลูกชายไปยืนอยู่ข้างนอกได้ลงคอ เธอจึงรีบเรียกเขากลับมา
“เห็นไหมว่าเสี่ยวเหยี่ยนใจกว้างแค่ไหน ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับลูก”
เจียงมู่เฉินโกรธจนกระอักเลือด คิดว่าแม่ของเขาต้องโดนรูปลักษณ์ภายนอกหน้าซื่อตาใสของซือเหยี่ยนหลอกเอาแน่ๆ ทั้งที่ข้างในนั้นแสนร้ายกาจ
“ยังไม่มาอีกเหรอ” คุณแม่เจียงเห็นเจียงมู่เฉินไม่ขยับไปไหน ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ก็ตะโกนเรียกอีก
เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “วิวตรงนี้สวยดีครับ ยืนตรงนี้เห็นวิวพอดีด้วย”
‘ล้อเล่นอะไรกัน ให้เขาเข้าไปก็เข้าไป ให้เขาออกไปก็ออกไป เขาเป็นลูกบอลเหรอ นึกจะเตะยังไงก็เตะ’
คุณแม่เจียงจนปัญญาจะให้เขากลับมา ยังโดนเขาโกรธ จนกลับห้องไป ตาไม่เห็นจะได้ไม่ช้ำใจ
ซือเหยี่ยนรอให้เธอไปก่อน ถึงมองมายังเจียงมู่เฉินที่อยู่ข้างนอกประตู แล้วยกมุมปากขึ้น ยื่นมือไปหยิบน้ำแกงที่คุณแม่เจียงตักมา
ตัวเองทำให้เขาโกรธจนออกไป ก็ต้องเป็นตัวเองที่ไปง้อเขากลับมา
ประธานซือไปง้อสะใภ้ที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างว่าง่าย
เจียงมู่เฉินเห็นอีกฝ่ายมาก็รีบหันหน้าหนีทันที ไม่มองชายตามองเลยแม้แต่น้อย เมื่อกี้รังแกเขา แกล้งเขาจนสะใจ แล้วตอนนี้จะมาง้อเขาทำไม มีความสามารถก็เชิญต่อเลย
ซือเหยี่ยนถอนหายใจ เขาไม่มีความสามารถยังไม่ได้อีกเหรอ
อะไรก็ได้ แต่ทนเห็นแฟนของตัวเองน้อยใจไม่ได้ ประธานซือมองเจียงมู่เฉินอย่างเอาใจ “เฉินเฉินยังโกรธอยู่เหรอ”
เจียงมู่เฉินเบือนหน้าหนีไม่มองเขา
ซือเหยี่ยนข่มใจเขาไปง้อต่อ “เฉินเฉิน น้ำแกงที่แม่คุณตักมาให้คุณ ดื่มสักหน่อยสิ”
เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “นั่นตักให้นายต่างหาก นายดื่มเองเถอะ”
“อย่าสิ เป็นที่แม่คุณตักให้คุณต่างหาก”
“ยังเป็นแม่ฉันอยู่เหรอ ฉันเห็นว่ากลายเป็นแม่นายแล้วเหอะ” เจียงมู่เฉินโกรธจนเจ็บท้อง
“แม่ผมก็แม่คุณ แม่คุณก็แม่ผม ต่างก็เป็นแม่กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ” ซือเหยี่ยนเริ่มควักพลังการแสดงของตัวเองออกมาบดขยี้อยู่ข้างหลังเจียงมู่เฉิน
“ไสหัวไป นายไม่ต้องมาพูดกับฉัน เมื่อกี้ให้ร้ายฉันยังไง ฉันยังจำได้นะ” เขาโกรธจนจะตายแล้วจริงๆ โดนเจ้าหมอนี่ให้ร้ายทุกวัน ยังจะมาเป็นคู่รักอะไร คู่รักกับน้องสาวนายสิ จะมาให้ร้ายเขาอะไรหนักหนา
ซือเหยี่ยนจะเลิกคิ้วก็ไม่เลิกคิ้ว “ไม่งั้นก็ให้คุณให้ร้ายผมคืน”
เจียงมู่เฉินมองบนใส่ “สำหรับฉัน นายไม่มีอะไรจะเชื่อถือได้อีกแล้ว”
ซือเหยี่ยนเห็นแบบนี้ เขาเล่นเกินขอบเขตไปแล้วจริงๆ ทำให้เจียงมู่เฉินโกรธแล้วจริงๆ เขาวางชามแกงลงที่โต๊ะข้างๆ แล้วส่งมือไปลากตัวเจียงมู่เฉินมา “อย่าโกรธเลยนะ พวกเราสร้างความเชื่อใจกันใหม่อีกครั้งไม่ได้เหรอ”
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ตอนนี้คิดจะมาสร้างใหม่อีกครั้งเหรอ สายไปแล้ว คุณชายไม่มีอารมณ์จะมาสร้างใหม่อีกครั้งกับนายหรอก”
ซือเหยี่ยนกะพริบตาปริบๆ เอ่ยเสียงต่ำ “งั้นผมนอนหงายเป็นไง”
ตอนที่ 189 ผู้ชายกากเดน
เจียงมู่เฉินตาลุกวาว “นายพูดจริงๆ เหรอ”
“จริงเป็นพิเศษ” ซือเหยี่ยนแสดงสีหน้าจริงใจ
“ได้ งั้นฉันจะสร้างกับนายใหม่อีกครั้งหนึ่งก็ได้ ถ้านายหลอกฉันอีก ฉันจะเด็ดหัวนาย”
“รับประกันว่าไม่หลอกคุณ”
เจียงมู่เฉินเห็นเขาพูดแบบนี้ถึงจะคลายอารมณ์โกรธลงไปบ้าง ซือเหยี่ยนรีบยกชามแกงมา “งั้นก็ดื่มน้ำแกงเลยไหม”
“เอามาเถอะ”
เจียงมู่เฉินนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ ซดน้ำแกงทีละคำๆ เจียงมู่เฉินมองเขาแวบหนึ่ง “พวกเราจะย้ายบ้านกันเมื่อไหร่”
“สัปดาห์หน้า?”
“สัปดาห์นี้เถอะ สัปดาห์หน้าฉันมีธุระ” จันทร์หน้าเขายังต้องออกไปกับซังจิ่งอยู่
“ได้ งั้นพรุ่งนี้แล้วกัน ตอนบ่ายคุณมาที่บริษัท พวกเราเข้าไปด้วยกัน”
เจียงมู่เฉินคำนวณเวลาดู แล้วพยักหน้า “ได้ งั้นพรุ่งนี้ตอนบ่าย ฉันจะไปหานาย”
รอเขาดื่มน้ำแกงจนหมด ซือเหยี่ยนถึงได้เอ่ยถาม “ไม่โกรธแล้วใช่ไหม”
“หึ” เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ เขาไม่พูดตัวเองก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เขาวางชามแกง แล้วลุกยืนขึ้น “ฉันยังมีธุระต่อ ขอตัวไปก่อนแล้ว”
‘ไม่โกรธ?’
‘เหอะๆ มีหรือจะง่ายขนาดนั้น เขาคุณชายน้อยตระกูลเจียงไม่ได้ง้อได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกนะ คิดจะเล่นแง่กับเขาก็ควรจะคิดถึงเรื่องนี้ด้วย’
เจียงมู่เฉินขับรถสปอร์ตคันฉูดฉาดผ่านประตูออกไป ซือเหยี่ยนมองตามรถสปอร์ตคันสีแดงที่ขับไปไกลลับตา ก็ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้
ดูท่าว่าต่อไปนี้จะเล่นแง่กันโต้งๆ ขนาดนี้ไม่ได้แล้ว คราวหน้าต้องจัดการเงียบๆ กว่านี้
……
เจียงมู่เฉินขับรถไปถึงบ้านของมั่วไป๋ราวกับหายวับไปกับตาได้ เขายืนอยู่หน้าห้องเคาะประตู ผ่านไปสองนาที มั่วไป๋ถึงได้มาเปิดประตู
เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยความแปลกใจ “ทำไมวันนี้ถึงลุกมาแต่เช้าจัง”
มั่วไป๋ยิ้มเยาะ ดึงประตูเปิดออก “นายเข้ามาดูเองเถอะ”
เจียงมู่เฉินทำหน้างงงวย เข้าประตูมาก็เห็นคอนโดมีเนียมที่ว่างเปล่าของมั่วไป๋ มีของกองหนึ่งวางอยู่ เขาเลิกคิ้วเงียบๆ “อะไรกัน นายเตรียมจะระเบิดบ้านหรือไง”
มั่วไป๋กุมขมับ “นายเดินเข้าไปข้างในอีกสิ”
เจียงมู่เฉินเดินเข้าไปข้างในถึงได้เห็นไป๋จิ่งที่เดินออกมาจากในครัว เขาหันมามองมั่วไป๋ทันที “ทำไมเจ้าหมอนั่นถึงอยู่ที่นี่ได้”
‘เหอะๆ เขาเองก็อยากรู้…’
พุ่งตัวเข้ามาตั้งแต่เช้า หิ้วถุงของมาเต็มมือ ไม่พูดพร่ำทำเพลงมุ่งตรงเข้าห้องครัว ไปตอกๆ ตีๆ ราวกับจะรื้อคอนโดมีเนียมเขาอย่างไรอย่างนั้น
“ผีรู้”
เจียงมู่เฉินมองดูไป๋จิ่งที่มีผ้ากันเปื้อนผูกอยู่ที่เอว “นายมาทำอะไรที่นี่”
ไป๋จิ่งเห็นเจียงมู่เฉินก็ชะงักงันไปพักหนึ่ง “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เจียงมู่เฉินบันเทิงแล้ว ตอนที่เขามาที่นี่ ไป๋จิ่งยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ตอนนี้กลับมาถามเขาว่าทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้?
“นายไม่รู้สึกเหรอว่าที่นายถามฉันมันออกจะตลกไปหน่อย มั่วไป๋เป็นเพื่อนสนิทของฉัน ฉันอยู่ที่นี่ไม่ถูกตรงไหนเหรอ”
ไป๋จิ่งรีบแย้งทันควัน “งั้นฉันอยู่ที่นี่มีอะไรไม่ถูกต้องเหรอ”
“เอ๊ะ ฉันว่านายนี่โง่จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่ นายมันคนแปลกหน้ามาปรากฏตัวอยู่ที่บ้านเพื่อนฉัน นายยังมีหน้ามาถามฉันได้เต็มปากเต็มคำว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง” เจียงมู่เฉินเอ่ยถากถาง “นายว่ามา ทำไมหน้านายถึงได้ใหญ่ถึงขนาดนี้”
ไป๋จิ่งวางจานในมือลง “ตอนนี้สถานะพวกเราคือคบหาศึกษาดูใจกันก่อน ดังนั้นการที่ฉันจะเข้ามาบ้านเขา จะไม่ถูกต้องได้ยังไงล่ะ”
ทันทีที่เจียงมู่เฉินได้ยินคำว่า ‘คบหาศึกษาดูใจ’ สองคำนี้ก็ระเบิดลงขึ้นมาในพริบตา “นายจะมาดูใจอะไรกับเขา เขาเป็นผู้ชายกากเดน นายคบกับเขาจะมีอะไรดี”
เขายังคิดว่าระหว่างพวกเขาเป็นแค่ผู้ใหญ่ที่เคยมาป๊าบๆๆๆ กันเฉยๆ ใครจะรู้ว่าตอนนี้จะมาทำเรื่องคบกันอะไรอีก
มั่วไป๋กุมขมับ เขาปวดหัวจริงๆ แล้วนะ เจ้าพวกสองคนนี้นี่
“นายอย่าเงียบสิ รีบบอกฉันมา” เจียงมู่เฉินจับตัวมั่วไป๋ไว้
ไป๋จิ่งเองก็เดือดแล้ว “เอ๊ะ ทำไมฉันถึงเป็นผู้ชายกากไปได้ พวกเราสองคนต่างก็โสดด้วยกันทั้งคู่ ทำไมจะจีบกันไม่ได้”