(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ – ตอนที่ 270 เจอซังจิ่ง / ตอนที่ 271 ถือโอกาสเข้ามาในช่วงอ่อนแอ
ตอนที่ 270 เจอซังจิ่ง
เจียงมู่เฉินโดนเธอเอะอะโวยวายใส่จนเวียนหัว รีบสงบศึกก่อน “ได้ๆๆ เธอขับช้าๆ เลย ไม่รีบ”
รถความเร็วอย่างกับเต่าขับมุ่งหน้าไป ใช้เวลาช้ากว่าปกติไปครึ่งชั่วโมง กว่าจะมาถึงที่สนามบินได้
ตอนลงรถไป เจียงมู่เฉินถอนหายใจเงียบๆ “ฝีมืออย่างเธอ ยังจะซื้อรถสปอร์ตมาอีก ทำเสียของตามใจตัวเองชะมัด”
“พี่มีเงิน เต็มใจจะซื้อกลับมาดู ไม่ได้เหรอ”
เจียงมู่เฉินขำจนยกยิ้มมุมปากขึ้น “ได้อยู่แล้ว”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้วยกัน จี้ฉิงอยู่เป็นเพื่อนเจียงมู่เฉินจัดการเรื่องเช็คอินจนเสร็จ ทำท่าทางวางตัวเหมือนเป็นแฟนสาวของเขา
กระทั่งเมื่อเจียงมู่เฉินต้องเข้าผ่านจุดตรวจเช็คความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่อง จี้ฉิงก็กอดเจียงมู่เฉินไว้แนบกาย แสดงความรู้สึกไม่อยากจากกันอยู่อย่างนั้น
นักข่าวที่อยู่ด้านข้างรีบถ่ายภาพตรงหน้าทุกอย่างนี้ทันที
มีนักข่าวใจกล้าอยู่ไม่กี่คนทนไม่ได้พุ่งตัวเข้าไปถาม “คุณชายเจียง คุณจี้ พวกคุณสองคนกำลังคบกันจริงๆ หรือเปล่าครับ”
เจียงมู่เฉินมองดูพวกเขายกยิ้มมุมปากเบาๆ “ผมกับคุณจี้ต่างก็โสดกันทั้งคู่ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันบ้าง ก็ไม่ได้ทำร้ายใครอยู่แล้วครับ”
“ได้ยินมาว่าคุณกับคุณจี้กำลังจะมีข่าวดีกันเร็วๆ นี้ใช่ไหมครับ”
เจียงมู่เฉินเอียงหน้ามองจี้ฉิงแวบหนึ่ง สายตาทอประกายความอ่อนโยน “ถ้าโอกาสนั้นมาถึง ก็ควรจะเป็นแบบนี้ได้อยู่แล้วครับ”
นักข่าวกลุ่มนี้ยังอยากถามต่อ แต่จี้ฉิงกลับจูงมือเจียงมู่เฉินไว้ “ทุกคนคะ มู่เฉินยังมีธุระต่อ รบกวนทุกคนออกไปกันก่อน ให้เวลาพวกเราอยู่กันตามลำพังหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
พูดจบก็นำตัวคนมาส่งที่ห้องพักผู้โดยสาร จี้ฉิงกะพริบตามองเขาด้วยความสลดใจ “คุณมีเวลาได้อยู่อย่างปลอดภัยขึ้นมานิดนึงแล้วล่ะ เหลือแค่ฉันคนเดียวเผชิญหน้าเหตุการณ์อย่างนี้”
เจียงมู่เฉินหัวเราะ “ฉันกลับรู้สึกว่าเธอดูจะชอบเผชิญหน้าเหตุการณ์ทำนองนี้นะ”
“วางใจได้ ฉันรู้ว่าจะทำยังไง ไม่ทำเกินไปหรอก”
“ฉันรู้ ถ้าไม่ใช่แบบนี้ ฉันก็ไม่มีทางจะยอมตกลงเล่นละครฉากนี้กับเธอหรอก”
อย่างอื่นไม่พูดถึง แต่เขากลับชอบบุคลิกนิสัยของจี้ฉิงจริงๆ เป็นคนหยุมหยิมไปหน่อย แต่กลับไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร
ยังเป็นคนที่ใช้ได้จริงๆ
จี้ฉิงกอดเขาไว้แนบกายสักพัก “คุณไปแล้ว ช่วงเวลานี้อย่าคิดถึงฉันมากเกินไปเชียวล่ะ”
เจียงมู่เฉินหัวเราะเล็กน้อย “คุณจี้ คุณคิดมากเกินไปแล้วจริงๆ” เขาพูดจบก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดของจี้ฉิง
หลังจากจี้ฉิงออกไปแล้ว เจียงมู่เฉินก็นั่งพักบนเก้าอี้สักพัก อีกครู่เดียวก็จะต้องขึ้นเครื่องแล้ว
หลังจากขึ้นเครื่องมาแล้ว เจียงมู่เฉินเห็นคนที่กำลังนั่งลงข้างที่นั่งของตัวเองก็อดจะเลิกคิ้วไม่ได้
“ประธานซังช่วยชี้แจงสักหน่อยได้หรือเปล่า ว่าทำไมนายถึงมานั่งข้างฉันได้พอดิบพอดีเลย”
ซังจิ่งยิ้มหัวเราะนิดหน่อย “อาจจะเพราะผมกับคุณชายเจียงมีวาสนาต่อกันมากเกินไป”
เจียงมู่เฉินกวาดสายตาเย็นชามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะนั่งหลับตาเอนพิงด้านข้าง ซังจิ่งมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ต่อให้ซังจิ่งไม่พูดอะไร เจียงมู่เฉินก็พอเดาได้
เขาอาจจะไม่ใช่แค่บินไปทางเดียวกันกับตัวเองเท่านั้น
ไม่แน่ว่าช่วงเวลานี้ เขาก็ไปทางเดียวกันกับตัวเองตลอดทั้งทริปนี้
เจียงมู่เฉินใช้มือกดลงหว่างคิ้ว กว่าจะออกมาผ่อนคลายอารมณ์ได้ไม่ใช่ง่ายๆ ปรากฏว่าสุดท้ายข้างกายก็มีซังจิ่งออกมาจนได้
บินมาสิบกว่าชั่วโมง ซังจิ่งลงเครื่องไปกับเจียงมู่เฉิน จนออกจากสนามบินมาแล้ว ถึงพูดอย่างยิ้มๆ “คุณชายเจียงไปด้วยกันเถอะ ถึงยังไงจุดหมายปลายทางก็เหมือนกันอยู่ดี”
เจียงมู่เฉินรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว เป็นธรรมดาที่จะไม่มีอะไรน่าแปลกใจ
ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอหน้าซังจิ่ง เขาไม่มีอะไรน่ากลัวอยู่แล้ว
เจียงมู่เฉินส่งกระเป๋าเดินทางต่อให้คนขับรถที่อยู่ด้านข้าง แล้วเข้าไปนั่งในรถทันที
หลังจากซังจิ่งเห็นเจียงมู่เฉินเข้าไปนั่งในรถแล้ว ก็หัวเราะเบาๆ แล้วก็ตามเขาเข้าไปนั่งข้างเจียงมู่เฉิน
ระหว่างทางเจียงมู่เฉินมองไปยังนอกหน้าต่างรถไม่ได้พูดอะไร ซังจิ่งมองดูใบหน้ามุมข้างที่สมบูรณ์แบบของเขา ก็อดจะเอ่ยปากไม่ได้ “ช่วงนี้ที่ถานโจว ข่าวที่เกี่ยวกับคุณเป็นที่พูดถึงกันมากเลย”
ตอนที่ 271 ถือโอกาสเข้ามาในช่วงอ่อนแอ
“อืม นายอยากถามอะไร”
“เรื่องพวกนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า” ซังจิ่งรู้สึกแปลกๆ ไม่เบา เจียงมู่เฉินเลิกกับซือเหยี่ยนโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แล้วหันมาหาดาราสาวแทน ท่าทางยังดูรักกันมากอีก
เจียงมู่เฉินเอ่ยปากอย่างขำๆ “อะไรกัน ประธานซังเองก็เป็นพวกชอบเผือกขนาดนี้ด้วยเหรอ”
“ผมก็แค่ข้องใจ ทำไมจู่ๆ คุณถึงเลิกกับซือเหยี่ยนแล้ว”
เป็นอีกครั้งที่เอ่ยถึงซือเหยี่ยน ใบหน้าของเจียงมู่เฉินไม่สะทกไม่สะท้านอะไร เขายกมุมปากขึ้นเบาๆ “ที่บ้านไม่ยอมรับก็เลยเลิกกันไง”
ซังจิ่งหรี่ตาลง “คุณชายเจียง คุณเป็นคนที่ปล่อยมือง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
เจียงมู่เฉินนัยน์ตาทอประกายความเย้ยหยัน “มีคนอยากปล่อยมือ ก็ปล่อยเลยไง ทำไมจะต้องบังคับให้ลำบากใจกันด้วยล่ะ”
“ช่วงเวลานี้ประธานซือไม่ได้อยู่ที่ถานโจวเลย ไม่รู้ว่าคุณชายเจียงรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
มือที่เจียงมู่เฉินปล่อยลงสบายๆ อดจะกำมือเข้ามาไม่ได้ “อ้อ ใช่เหรอ ฉันเลิกกับเขาแล้ว จะไปสนอะไรเขามากมายไปทำไม”
ซังจิ่งหัวเราะเบาๆ “อ้อ งั้นก็เป็นผมที่คิดมากเอง ผมยังคิดว่าคุณชายเจียงจะรู้ว่าประธานซือเองก็อยู่ที่อเมริกาด้วย”
ความประหลาดใจฉายในแววตาเจียงมู่เฉิน คิดไม่ถึงซือเหยี่ยนเองก็อยู่ที่อเมริกาด้วยเหรอ
‘อเมริกา…ซูเตอร์…’
เจียงมู่เฉินหัวใจบีบรัด ซือเหยี่ยนคงจะไม่เลิกกับเขาแล้วไปอเมริกาด้วยกันกับซูเตอร์หรอกใช่ไหม ถึงได้ไม่มีข่าวคราวอะไรเลยหลังจากเลิกกันกับเขา
ซังจิ่งเอาแต่สังเกตมองดูเจียงมู่เฉิน เห็นสีหน้าอารมณ์เขาดูพะว้าพะวังถึงได้เข้าใจ ว่าเจียงมู่เฉินไม่รู้จริงๆ ว่าซือเหยี่ยนเองก็อยู่ที่อเมริกาด้วยเช่นกัน
ดูท่าว่าครั้งนี้ซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินจะบาดหมางใจกันถึงที่สุดแล้วจริงๆ
นัยน์ตาซังจิ่งทอประกายรอยยิ้ม แบบนี้ได้จังหวะทีเดียว เขาจะได้อาศัยช่วงเวลานี้ทำให้เจียงมู่เฉินตัดใจจากซือเหยี่ยนได้เสียที
‘เขาจะได้ถือโอกาสนี้เข้ามาในช่วงที่อ่อนแอพอดี’
รถได้ขับมาถึงคฤหาสน์แล้ว เจียงมู่เฉินเห็นว่าเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวอย่างชัดเจน ก็เลิกคิ้ว “ประธานซังไม่คิดจะอธิบายให้ฉันฟังสักหน่อยเหรอ”
“ผมมีคฤหาสน์พักตากอากาศอยู่ที่นี่พอดี อยู่สบายกว่าพักในโรงแรม จะให้คุณชายเจียงลำบากไปพักโรงแรม ผมทำใจไม่ได้”
“ในเมื่อประธานซังพูดมาแบบนี้ ฉันเองก็ไม่มีความเห็นอะไร งั้นก็รบกวนประธานซังด้วยแล้วกัน”
ซังจิ่งให้คนส่งกระเป๋าเดินทางของเจียงมู่เฉินเข้าไปข้างใน แล้วยังพาเจียงมู่เฉินเข้าห้องไปด้วย
“คืนนี้ผมจองร้านอาหารไว้ คุณพักสักหน่อย ถึงเวลาแล้วผมจะเรียกคุณ”
เจียงมู่เฉินพยักหน้ารับ แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้อง เขายื่นมือไปปิดประตูลงกลอน แล้วเอนพิงประตู หลับตาลงเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าซือเหยี่ยนจะตามซูเตอร์มาอเมริกาแล้ว
‘หลังจากจากเลิกกับตัวเอง เขาก็ไปเลยสินะ’
เจียงมู่เฉินอยากจะหัวเราะไม่เบา เสียแรงที่เขายังคิดมาเสมอ ว่าซือเหยี่ยนจะทนไม่ไหวแล้วเป็นฝ่ายมาหาเขาถึงที่เอง
เขารออย่างโง่ๆ อยู่หลายวัน ก็ไม่เห็นซือเหยี่ยนแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้มาคิดดู ซือเหยี่ยนกลับมีแฟนใหม่อีกคนไปแล้ว
เจียงมู่เฉินฝืนยิ้ม ดูท่าว่าในเกมรักครั้งนี้ คนที่ตกเข้าไปในหลุมพรางลึกมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
……
ณ แก๊งมังกรคราม ซูเตอร์เฝ้าอยู่หน้าเตียงของซือเหยี่ยน เขาเห็นซือเหยี่ยนที่ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาได้เสียที ก็เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “เหยี่ยน นายดีขึ้นบ้างไหม”
ซือเหยี่ยนลืมตาคู่นี้อย่างไร้เรี่ยวแรง มองพาดผ่านใบหน้าของซูเตอร์ “ผมหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว”
“หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว” ซูเตอร์ดวงตาแดงก่ำ “ยังดีที่นายตื่นแล้ว ไม่งั้นฉันก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว”
ซือเหยี่ยนหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันไม่เป็นไร”
“เพราะนายช่วยฉัน นายถึงได้เป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน นายก็คงจะไม่บาดเจ็บแบบนี้ได้”
“ในเมื่อรับปากว่าจะช่วยคุณแล้ว เรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว”
ซูเตอร์มองซือเหยี่ยน กระแสไออุ่นประดังประเดมาในแววตาไม่มีหยุด เขาคว้ามือซือเหยี่ยนเอาไว้ “เหยี่ยน ฉัน…”