ตอนที่ 348 ออกไปต้อนรับแขก
คืนเดียวกันนั้นซือเหยี่ยนกับซังจิ่งได้พากันออกไปตามหาเจียงมู่เฉิน
เครื่องบินลงจอดบนเกาะเล็กๆ อย่างช้าๆ ในขณะที่ฟู่เหยี่ยนกำลังเล่นเกมฝึกฝนอยู่ พ่อบ้านหลินได้รับทราบถึงความผิดปกติ ก็รีบไปรายงานฟู่เหยี่ยนทันที
ฟู่เหยี่ยนกำลังศึกษาได้เพียงครึ่งเดียว จู่ๆ ก็มีคนมาเคาะประตู
“เข้ามา”
พ่อบ้านหลินยืนอยู่หน้าทางเข้า “คุณชายครับ มีคนขึ้นเกาะมาครับ”
ฟู่เหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย คนที่มาเกาะตอนนี้ได้? เขาแปลกใจอยู่ไม่เบาจริงๆ จะมีใครกล้าขึ้นมาในอาณาบริเวณของเขาได้
“ใคร”
“ซังจิ่ง…”
ฟู่เหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ซังจิ่งหาที่นี่เจอได้เหรอ ช่างเหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ
“มีเขาแค่คนเดียวเหรอ”
“ยังมีซือเหยี่ยนอีกครับ”
ฟู่เหยี่ยนหัวเราะเยาะ “ฉันรู้อยู่แล้ว ระดับอย่างซังจิ่งไม่มีทางหาที่นี่เจอแน่นอน”
“ตอนนี้ตัวคนอยู่ที่ไหน”
พ่อบ้านหลินเอ่ยเสียงต่ำ “พวกเขาเพิ่งจะถึงบนเกาะเมื่อครู่นี้เองครับ ตอนนี้น่าจะกำลังเดินทางมา”
“ไปกันเถอะ ออกไปต้อนรับแขกกัน อย่าให้แขกวีไอพีรอเลย” วางเครื่องเล่นเกมลง แล้วลุกขึ้นยืน
พ่อบ้านหลินมองเขาด้วยความแปลกใจ “ต้อนรับเหรอครับ”
“ก็มาเป็นแขกนี่ ในเมื่อคนก็มาแล้ว ต้องต้อนรับเป็นธรรมดา ไม่อย่างนั้นถึงเวลาแพร่งพรายออกไป จะว่าฉันฟู่เหยี่ยนไม่รู้จักดูแลแขกได้ไม่ใช่เหรอ”
พ่อบ้านหลินเห็นท่าทีเขาเช่นนั้น ก็เข้าใจได้ในเวลาอันสั้น
เขาอยู่ข้างกายฟู่เหยี่ยนออกมาจากห้อง แล้วตรงลงไปชั้นหนึ่งด้วยกัน
ฟู่เหยี่ยนนั่งเอ้อระเหยอยู่บนโซฟา เขาเชิดคางขึ้น “ไปเปิดประตูรับแขกเถอะ”
พ่อบ้านหลินพยักหน้ารับ ก่อนเดินเข้าไปเปิดประตู
ประตูเปิดยังไม่ถึงห้านาที ซังจิ่งกับซือเหยี่ยนก็เดินเข้ามา
ฟู่เหยี่ยนมองพวกเขาด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ “แขกวีไอพีมาเยือนดึกๆ ดื่นๆ ทำไมไม่บอกล่วงหน้ากันสักหน่อยล่ะ แบบนี้ผมจะได้ส่งคนไปต้อนรับพวกคุณมา”
ซังจิ่งทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ เขามองฟู่เหยี่ยน “เจียงมู่เฉินล่ะ”
ฟู่เหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่งอย่างน่าขัน “คุณกำลังใช้ฐานะอะไรถามผมเหรอ วี”
เขาครุ่นคิดสักพักก่อนเอ่ย “ถ้าผมจำไม่ผิด คุณเสร็จภารกิจของคุณเรียบร้อย ตอนนี้ที่นี่ก็ไม่มีงานของคุณแล้ว”
ซังจิ่งสีหน้าชะงักค้าง ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตอนแรกเขารับภารกิจนี้จริงๆ แล้วเจียงมู่เฉินก็เป็นเป้าหมายในภารกิจของเขา
“เงินผมคืนให้คุณ ตามข้อกำหนดของสัญญา จะชดเชยเงินให้ทั้งหมด ภารกิจถือเป็นโมฆะ” ซังจิ่งเอ่ยไปตามตรง
ฟู่เหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “ซังจิ่ง คุณว่าคุณทำอาชีพนี้มาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะมากจะน้อยก็ควรจะมีจิตวิญญาณในอาชีพบ้างเถอะ ต่อให้คุณไม่มีจรรยาบรรณในอาชีพ คุณก็ควรจะมีสามัญสำนึกสักหน่อยไม่ใช่เหรอ…
…คนก็อยู่ในกำมือผมแล้ว ผมจะคุณได้โดยเปล่าประโยชน์” ฟู่เหยี่ยนหลุดขำ “เงิน? ผมฟู่เหยี่ยนยังขาดเงินอีกเหรอ”
ตระกูลฟู่ร่ำรวยล้นฟ้า ไม่ใส่ใจเรื่องเงินอะไรพวกนี้โดยสิ้นเชิง
สำหรับฟู่เหยี่ยนแล้ว เงินก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเศษกระดาษ ไม่มีความหมายอะไรทั้งสิ้น
“งั้นคุณจะเอายังไง!” ซังจิ่งชักจะโมโหแล้ว
เขารู้ว่าคนอยู่ในกำมือของฟู่เหยี่ยน ยากมากที่จะเอาตัวกลับมาได้ แต่คิดไม่ถึงว่าทัศนคติของฟู่เหยี่ยนจะเถรตรงขนาดนี้
ฟู่เหยี่ยนมองซือเหยี่ยนแวบหนึ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย เอ่ยอย่างขำๆ “คนต้นเรื่องยังไม่ได้พูดอะไรเลย คุณมีอะไรให้พูดได้เหรอ”
ซังจิ่งมองซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง ความเดือดดาลบนใบหน้าโดนกดลงไปเล็กน้อย
ถึงอย่างไรที่ฟู่เหยี่ยนพูดมาก็เป็นจุดอ่อนของเขาพอดี เขากับเจียงมู่เฉินไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่ถือว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
แล้วก็เป็นเพื่อนคนนี้ที่ยังหักหลังเจียงมู่เฉินอยู่เบื้องหลังอีก
เขาไม่มีสิทธิจะพูดอะไรออกมาจริงๆ
ซือเหยี่ยนที่ถูกฟู่เหยี่ยนเอ่ยถึงก็ขยับตัว ความดุดันทะลุผ่านดวงตาสีดำขลับ
เขาพินิจมองสังเกตด้านข้างสักพัก ทันทีหลังจากนั้นถึงได้พาดวงตามาจับจ้องที่ฟู่เหยี่ยน
“ตัวเขาล่ะ”
ฟู่เหยี่ยนยืดเหยียดขา มองเขาอย่างไม่รีบร้อน “ประธานซือ คุณถามหาใครล่ะ ที่นี่ของผมมีคนอยู่ค่อนข้างเยอะ ไม่ทราบว่าคุณหาคนไหนเหรอ”
ตอนที่ 349 เป็นแฟนเก่า
ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง กดเสียงเอ่ย “เจียงมู่เฉินล่ะ”
“เขาเหรอ อยู่บนเตียงผม” ฟู่เหยี่ยนหัวเราะเบาๆ “วันนี้อยู่ด้วยกันกับผม เหนื่อยจนสลบไปเลย ยังกำลังพักผ่อนอยู่”
ความเดือดดาลฉายสะท้อนในแววตาของซือเหยี่ยน
“ผมจะถามคุณอีกครั้ง เขาอยู่ที่ไหน”
ฟู่เหยี่ยนเห็นสภาพการณ์แล้ว ในที่สุดก็เก็บรอยยิ้มอันฉาบฉวยของเขาไป เขาลุกยืนขึ้นจากโซฟา เดินมาอยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยน
เขายกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็นเจือความหัวเราะเยาะ “อะไรกัน ผมว่าซังจิ่งไม่มีคุณสมบัติแล้วนะ คุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติเหรอ”
“ผมเป็นแฟนของเขา จะไม่มีคุณสมบัติได้ยังไง”
‘แฟนของเขา’ สามคำนี้ ทำให้ฟู่เหยี่ยนขำขันอยู่ไม่น้อย “ประธานซือ ความจำของคุณชักจะเสื่อมถอยลงบ้างแล้วใช่ไหม ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนนี้คุณไม่ใช่แฟนของเฉินเฉินแล้วนะ”
เขาจงใจเรียกชื่อเล่นของเจียงมู่เฉินอย่างสนิทสนม
ซือเหยี่ยนกดตัวฟู่เหยี่ยนไปกับตู้ที่อยู่ด้านข้าง “ส่งตัวคนมา ไม่อย่างนั้น ผมจะไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ แน่”
ฟู่เหยี่ยนโดนเขาจับคอไว้ก็ไม่กลัว ยังคงมองเขาด้วยท่าทางเฉยเมยเหมือนเดิม “เขาควรจะอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าตอนนั้นคุณไม่เอาคานเข้ามาสอด ผมจะต้องถึงขนาดเสียแรงใจทุ่มเทพยายามมาหลายปีขนาดนี้เหรอ”
ดวงตาซือเหยี่ยนแดงก่ำ ไม่ได้ลังเลกับการกระทำในมือเลยสักนิด
“คุณกับเขา เหอะ มันเป็นไปไม่ได้มาตั้งแต่แรกแล้ว” นัยน์ตาประกายความเหยียดหยาม “ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ เขาก็ชอบคุณไม่ได้หรอก”
สีหน้าฟู่เหยี่ยนค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็น เขาได้ยินความเคลื่อนไหวจากชั้นบน ก็พูดโต้ตอบกลับไป “แล้วคุณล่ะ คนที่หักหลังเขา คุณคิดว่าเขาจะยังรักคุณได้เหรอ…
…ประธานซือ ถ้าผมเป็นคุณ จะกลับไปหาคุณชายซู ถึงยังไงความรักความผูกพันของพวกคุณมีมาหลายปีขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าพูดตัดขาดก็จะตัดขาดได้เลย”
เจียงมู่เฉินได้ยินความเคลื่อนไหว เพิ่งจะออกมาก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้ต่อหน้าพอดี
เขาชะงักไป ประธานซือ…
‘นั่นไม่ใช่ซือเหยี่ยนเหรอ’
เขายืนอยู่ริมราวจับมองลงมา เป็นซือเหยี่ยนกับฟู่เหยี่ยน แล้วก็ซังจิ่งจริงๆ
เจียงมู่เฉินหัวใจบีบคั้น ค่อยๆ เดินตามบันไดลงมา
เขากลับอยากรู้เสียแล้ว ว่าสามคนนี้เกิดอะไรกันขึ้น
“เรื่องของผมกับซูเตอร์ ไม่ต้องให้คุณมาเป็นห่วง” ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงเย็น
“ไม่ต้องให้ฉันไปยุ่งจริงๆ” ฟู่เหยี่ยนมองเขาอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ “เหมือนกัน เรื่องของผมกับเฉินเฉิน ก็ไม่ต้องให้คุณมาเป็นห่วงเหมือนกัน”
“ผมเป็นแฟนของเขา ผมเป็นห่วงได้”
ฟู่เหยี่ยนยิ้มเยาะ กำลังจะเตรียมถากถางกลับ ก็ได้ยินเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“เป็นแฟนเก่า” เจียงมู่เฉินเดินถึงหน้าบันไดพอดี เขาพิงอยู่ข้างๆ แถวนั้นอย่างตามใจ มองดูละครตลกข้างล่าง
พอซังจิ่งเห็นเจียงมู่เฉินก็รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที แต่กลับถูกพ่อบ้านหลินขวางเอาไว้เฉยเลย
เขาร้อนใจ “เจียงมู่เฉิน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ทุกวันมีคนคอยคุยด้วยกินด้วยเล่นด้วย เกรงว่าคงจะไม่มีใครได้สิ่งดีๆ ไปกว่าฉันแล้ว”
อารมณ์ซือเหยี่ยนที่นิ่งเฉยมาตลอด ค่อยๆ ร้าวทีละนิดๆ ตั้งแต่นาทีนั้นที่เจียงมู่เฉินปรากฏตัวออกมา
ดวงตาสีดำคู่นี้ของเขาจับจ้องมาที่เจียงมู่เฉินโดยไม่ละไปไหนอย่างเด็ดขาด
ซือเหยี่ยนมองเจียงมู่เฉิน แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “เฉินเฉิน….”
เสียงเพรียกหานี้นุ่มนวลอ่อนโยนถึงที่สุด แฝงความรู้สึกอันลึกซึ้งของซือเหยี่ยนที่เก็บไว้ในส่วนลึก
แต่เป็นเจียงมู่เฉินเมื่อก่อนต้องใจเต้นจนไม่ไหว
แต่เจียงมู่เฉินในตอนนี้ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลยแม้แต่น้อย เขายกมุมปากอย่างเย็นชา มองเขาหัวเราะเล่นๆ ใส่เขา “คุณคนนี้ นายเป็นใครเหรอ”
ฟู่เหยี่ยนรู้ว่าตามนิสัยของเจียงมู่เฉินแล้ว จะไม่ทำหน้าไม่รับแขกซือเหยี่ยนขนาดไหน
แต่ก็นึกไม่ถึง ว่าเจียงมู่เฉินจะไม่ไว้หน้าซือเหยี่ยนขนาดนี้
ประโยคนี้ฟังแล้วเขารู้สึกสบายสดชื่นเป็นบ้า
ในหัวใจซือเหยี่ยนเจ็บปวดอย่างรุนแรง แววตาที่มองเจียงมู่เฉินฉายสะท้อนความเจ็บปวดทรมาน
มือที่จับฟู่เหยี่ยนไว้ผ่อนแรงลงโดยไม่รู้ตัว