ตอนที่ 358 ทำตามสัญญา
เทียบกับความตื่นตระหนกของซังจิ่งแล้ว พูดได้เลยว่าซือเหยี่ยนผ่อนคลายสบายอย่างถึงที่สุด
ดูไม่ออกว่าเขาจะตื่นตระหนกอะไรมากมายเลยสักนิด ไม่เพียงเท่านี้ เขากดหน้าต่ำลงมองฟู่เหยี่ยน เป็นท่าทีที่ไม่ได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
ฟู่เหยี่ยนถูกเหยียดหยามด้วยท่าทางแบบนั้นของเขา อารมณ์เดือดดาลปรากฏในแววตาที่มองมา
“ยังไงกัน หวาดกลัวแล้วเหรอ ถ้าหวาดกลัวแล้ว ตอนนี้ขอให้ยกโทษให้ได้นะ ไม่แน่ว่าผมอาจจะเห็นแก่หน้าเจียงมู่เฉินได้ แล้วจะให้คุณอยู่เกาะเล็กๆ เกาะนี้ต่ออีกสองวัน”
ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น “ขออภัย ในพจนานุกรมของผม ไม่มีคำว่า ‘หวาดกลัว’ สองคำนี้”
ยิ่งไปกว่านั้น ชกต่อยกันกับฟู่เหยี่ยน ไม่ได้แปลว่าเขาจะแพ้เสมอไป
ถึงเวลานั้น ถ้าหากว่าฟู่เหยี่ยนแพ้แล้ว จะได้ไม่เป็นการตบหน้าตัวเอง
“หึ” ฟู่เหยี่ยนทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “คิดไม่ถึงว่าคุณจะอวดดีเอาเรื่องขนาดนี้”
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “ไม่ต่างกันหรอก”
พูดถึงตรงนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าพูดอีกต่อไปแล้ว นัยน์ตาฟู่เหยี่ยนเปลี่ยนในพริบตา เขาพุ่งเข้าหาซือเหยี่ยนทันที
ซือเหยี่ยนเบี่ยงข้าง หลบมือของฟู่เหยี่ยนได้พอดี
เขาฉวยโอกาสพลิกกลับมาล็อคมือของฟู่เหยี่ยนไว้ ขณะนั้นฟู่เหยี่ยนไม่ทันได้เตรียมระวัง อีกนิดจะถูกเขาล็อคมือไว้
ฟู่เหยี่ยนสีหน้าบึ้งตึง ดูท่าว่าซือเหยี่ยนจะรับมือยากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ดึงเอาพลังจิตวิญญาณทั้งหมดมารับมือซือเหยี่ยน
ทุกกระบวนท่าของซือเหยี่ยนคมชัดและคล่องแคล่ว ราวกับเคยได้รับการฝึกฝนบางอย่างเฉพาะทางมา ฝีมือยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
ซังจิ่งที่ดูอยู่ข้างๆ นัยน์ตาฉายแววสับสน
ซือเหยี่ยนคนนี้ตกลงแล้วมีฐานะเป็นอะไรกันแน่ ไม่ใช่แค่รู้จักซูเตอร์ได้ ยังต่อสู้เป็นขนาดนี้อีก
นี่ไม่ใช่ว่าฝึกฝนในเวลาสั้นๆ แล้วจะฝึกฝนออกมาได้
หรือว่าซือเหยี่ยนคนนี้จะไม่ได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก
หรือว่าเขาจะมีฐานะอะไรอย่างอื่นอีก
เหมือนตอนนั้นที่เขาใช้ฐานะของนักธุรกิจปกปิดฐานะที่แท้จริง หรือว่าซือเหยี่ยนเองก็จะเป็นเหมือนกัน
แต่ตอนที่เขาสืบข้อมูลของเจียงมู่เฉิน ก็ไม่ได้พบว่าซือเหยี่ยนมีความผิดปกติใดใด
ถ้าว่าซือเหยี่ยนคนนี้ไม่ได้เป็นเหมือนกับที่แสดงออกภายนอกจริงๆ งานรักษาความลับนี้ทำได้ดีสุดๆ แล้วจริงๆ
แม้แต่เขาก็มองพิรุธอะไรไม่ออก
สายตาซือเหยี่ยนค่อนข้างเฉียบคม ทุกกระบวนท่าของฟู่เหยี่ยนทั้งหมดตกสู่ในกำมือของซือเหยี่ยน
ฝีมือศิลปะการต่อสู้ประชิดตัวท่วงท่าเหล่านั้นของเขา ต่อหน้าซือเหยี่ยนแล้ว ใช้การไม่ได้เลยสักนิด
ไม่เพียงเท่านี้ เวลาซือเหยี่ยนเผชิญหน้ากับเขา ไม่ได้ยากลำบากเลยด้วยซ้ำ
ในใจฟู่เหยี่ยนไม่ยินดี หลายปีมานี้ยังไม่เคยมีใครล้มเขาได้
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะมาพ่ายแพ้ให้ซือเหยี่ยนแบบนี้
เขาใส่เต็มแรงไม่มียั้ง ออกกระบวนท่าใส่ซือเหยี่ยนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว
ซือเหยี่ยนหรี่ตาลง ยื่นมือไปล็อคคอเขาไว้ ฟู่เหยี่ยนหยุดลงทันที บรรยากาศเปลี่ยนไปเงียบสงบในพริบตา
ซือเหยี่ยนปล่อยมือ พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ผมชนะแล้ว หวังว่าคุณฟู่จะรักษาสัญญา”
เขาพูดจบก็เดินเข้าไปข้างในทันที ทิ้งให้ฟู่เหยี่ยนโมโหกระหืดกระหอบ
ฟู่เหยี่ยนมองซือเหยี่ยนอย่างไม่กล้าจะเชื่อได้ จะเป็นไปได้ยังไง ตัวเองพ่ายแพ้อยู่ในกำมือของซือเหยี่ยนได้ยังไง
พ่อบ้านหลินดูสถานการณ์แล้วก็ยืนขึ้นทันที ยืนเคารพนบนอบอยู่ข้างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ฟู่เหยี่ยน
ซังจิ่งเองก็ยืนขึ้นเดินตามซือเหยี่ยนไป
เขาเต็มไปด้วยคำถามที่อยากจะถามซือเหยี่ยน เขามองซือเหยี่ยนอย่างลังเลอยู่สักพัก แต่ซือเหยี่ยนกลับเป็นฝ่ายพูดก่อน
“คุณอยากถามว่าทำไมผมถึงเอาชนะฟู่เหยี่ยนได้ใช่ไหม”
ซังจิ่งพยักหน้า “ตกลงแล้วคุณมีฐานะเป็นอะไรกันแน่”
ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง “ประธานซังถามคำถามนี้กับคนอื่นได้ ผมคิดว่าคุณเองก็ควรจะพอรู้ดีแก่ใจบ้างใช่ไหมล่ะ”
ประโยคนี้ของเขาก็เท่ากับเป็นยอมรับอ้อมๆ ถึงบางสิ่งบางอย่าง
ซังจิ่งเป็นคนฉลาด ไม่ต้องตามถามต่อ ก็รู้ถึงความหมายของซือเหยี่ยนได้ นัยน์ตาเจือความสับสนซับซ้อน
“คุณคอยปกป้องอยู่ข้างกายเจียงมู่เฉินแบบนี้ ตกลงแล้วคิดอะไรอยู่กันแน่”
ตอนที่ 359 ไม่ต้องกลัวนะ
ซือเหยี่ยนหัวเราะสักพัก “คำพูดนี้ควรจะเป็นที่ถามประธานซังถึงจะถูกต้องนะ คุณอยู่ถานโจวด้วยความคิดอะไรที่ไปเข้าใกล้เจียงมู่เฉิน ควรจะไม่ต้องให้ผมเตือนคุณหรอกใช่ไหม…
…การเดินทางนี้ คุณจงใจพาเจียงมู่เฉินมาเจอฟู่เหยี่ยน ความหมายแฝงในนั้น ก็ควรจะไม่ต้องให้ผมพูดเหมือนกัน”
แววตาซังจิ่งฉายสะท้อน ไม่กล้าจะเชื่อได้เลยทีเดียว
ตั้งแต่ที่ซือเหยี่ยนรู้ว่าเขาคือวี ซังจิ่งก็สงสัยอยู่พอควรแล้ว
จนกระทั่งต่อมา คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักเกาะเล็กๆ ที่ฟู่เหยี่ยนซ่อนไว้ได้
ถ้าฟู่เหยี่ยนกระทำการปิดบังอำพรางแล้ว สถานการณ์โดยปกติไม่มีทางที่จะให้คนอื่นหาร่องรอยของเขาเจอได้
แต่ซือเหยี่ยนกลับหาตำแหน่งที่อยู่ของฟู่เหยี่ยนเจอได้เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
“คุณกับเจียงมู่เฉินเป็นความสัมพันธ์อะไรกัน” ซังจิ่งเอ่ยเสียงต่ำถามอีกครั้ง
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “เรื่องระหว่างผมกับเจียงมู่เฉิน ไม่ถึงตาคุณได้ถามหรอก”
“ระหว่างคุณกับเจียงมู่เฉินคงจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เป็นคู่รักกันธรรมดาเรียบง่ายขนาดนี้หรอกใช่ไหม” ซังจิ่งอดจะคาดเดาไม่ได้
“ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเจียงมู่เฉิน คุณจะไม่อยากรู้หรอก แต่ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ ก็ไปสืบเองได้ ถึงยังไงนี่ก็เป็นงานถนัดของประธานซังไม่ใช่เหรอ”
ซังจิ่งโดนเขาประชด ก็โต้แย้งกลับไปไม่ได้ในทันที
ซือเหยี่ยนเห็นเขาไม่เอ่ยปาก จึงเดินอ้อมเขาขึ้นชั้นบนไป
เจียงมู่เฉินยังนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง ซือเหยี่ยนก็ขึ้นไปเฝ้าอยู่ข้างกายของเจียงมู่เฉิน
เขาก้มหน้ามองดูใบหน้าอันซูบเซียวของเจียงมู่เฉิน ในใจก็เจ็บปวด
หลายวันมานี้ ไม่รู้ว่าเขาผ่านมันไปอย่างไร
แต่ก็ยังดี เรื่องราวดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้ อย่างน้อยฟู่เหยี่ยนก็ไม่ได้ลงมือกับเจียงมู่เฉิน
อย่างน้อยครั้งนี้เขาก็ยังมาทัน
ซือเหยี่ยนก้มหน้ามองดูใบหน้าของเจียงมู่เฉิน อดที่จะยื่นมือไปลูบไม่ได้
เพียงเสี้ยวเวลานั้นที่ปลายนิ้วสัมผัสโดนผิวกายอุ่นร้อน ซือเหยี่ยนก็สั่นเทา เกือบจะทำให้เจียงมู่เฉินตื่น
ซือเหยี่ยนรีบกำมือ เตรียมจะชักมือออก
กลัวจะไม่ระวังทำให้เจียงมู่เฉินที่กำลังหลับสนิทตกใจตื่น
เขากำลังเป็นไข้อยู่ ซือเหยี่ยนแข็งใจเรียกปลุกเขาไม่ลงคอ
จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็ยื่นมือไปคว้ามือซือเหยี่ยนเอาไว้อย่างแน่นสนิท เขาขมวดคิ้ว กระสับกระส่ายอย่างยิ่ง
“อย่า…อย่านะ…” เจียงมู่เฉินที่กำลังเป็นไข้ดึงมือซือเหยี่ยนไป เอ่ยพึมพำไม่หยุด
เสียงเขาเบามาก ฟังได้ไม่ชัดเจน
ซือเหยี่ยนห้ามใจโน้มตัวเข้าไปใกล้เจียงมู่เฉินไม่ได้ เขาเอ่ยถามเสียงต่ำ “เฉินเฉิน…คุณเป็นอะไรไป”
เจียงมู่เฉินหลับตาแน่นสนิท เขายื่นมือไปลูบหน้าผากของเจียงมู่เฉิน ก็เห็นเพียงแค่เหงื่อผุดขึ้นมา
ภายใต้ฝ่ามือนั้นคืออุณหภูมิอันร้อนผ่าวบนหน้าผากของเจียงมู่เฉิน
ซือเหยี่ยนหัวใจบีบคั้น เจ็บปวดจนไม่ไหว
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ประทับรอยจูบบนหน้าผากของเจียงมู่เฉิน “ไม่ต้องกลัวนะ”
ขณะที่เจียงมู่เฉินกระวนกระวายใจ ก็ยื่นมือไปโอบรอบคอซือเหยี่ยนเอาไว้
ซือเหยี่ยนที่ไม่ได้ยืนทรงตัวดีๆ ก็ถลาล้มลงทับเจียงมู่เฉิน เขาเห็นเจียงมู่เฉินในระยะประชิดต่อหน้าต่อตา ก็กลืนน้ำลายโดยไม่ตั้งใจ
เขาก้มหัวลงอีกนิด ก็คือริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเจียงมู่เฉิน
ซือเหยี่ยนยังไม่ทันทำอะไร แพรขนตายาวของเจียงมู่เฉินก็สั่นระริก เขาลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย สบประสานเข้าไปในดวงตาของซือเหยี่ยน
ซือเหยี่ยนตะลึงงัน เตรียมจะยันตัวเองออกห่าง
เขากลัวเจียงมู่เฉินโกรธ ดังนั้นก่อนที่คนตรงหน้าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงอยากจะเป็นฝ่ายถอยห่างเอง
จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็เกี่ยวล็อคคอซือเหยี่ยนไว้อย่างแน่นหนา ตั้งใจแน่วแน่ไม่ให้ซือเหยี่ยนถอยออกไป
ซือเหยี่ยนเชิดมุมปากอย่างพะเน้าพะนอเอาใจ พลางเอ่ยเสียงต่ำ “เด็กดี ผมจะรอคุณอยู่ข้างๆ นะ”
เจียงมู่เฉินไม่ทำอะไร ก็มองซือเหยี่ยนอยู่อย่างนี้ ซือเหยี่ยนคิดว่าเขาเห็นชอบด้วยแล้ว จึงเอามือไปดึงมือเจียงมู่เฉิน
มือยังไม่ทันสัมผัสโดนเจียงมู่เฉิน ก็ถูกเจียงมู่เฉินดึงลงมาด้วยแรงมหาศาล
ซือเหยี่ยนที่ยังยืนทรงตัวไม่นิ่ง ล้มลงไปเสียเดี๋ยวนั้น เจียงมู่เฉินมองดูใบหน้าของซือเหยี่ยน หลับตาลงแล้วโน้มเขาไปประกบจูบซือเหยี่ยนไว้
ซือเหยี่ยนตะลึงงัน ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ ปล่อยให้เจียงมู่เฉินเป็นฝ่ายบรรเลงจูบ
อุณหภูมิอุ่นร้อนบนริมฝีปากทำให้ซือเหยี่ยนล่องลอย คิดไม่ถึงว่าเจียงมู่เฉินจะจูบเขาได้
มือที่โอบกอดเจียงมู่เฉินไว้ สั่นระรัวขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
เจียงมู่เฉินเหมือนจะไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด โอบกอดซือเหยี่ยนไว้แนบแน่น ขณะที่จูบ ก็เอ่ยพึมพำไปด้วย
“อย่าไปนะ…คนระยำ…อย่าจากฉันไป…”
คำพูดคลุมเครือไม่กี่ประโยคของเขานี้ ทำให้หัวใจซือเหยี่ยนบีบรัดตัวอย่างรุนแรง
ขอบตาซือเหยี่ยนร้อนผ่าว แดงขึ้นเล็กน้อย ในที่ที่เขามองไม่เห็น ที่แท้เจียงมู่เฉินก็เปราะบางอ่อนไหวเช่นนี้เอง