ตอนที่ 486 ฮันนีมูนฉบับซือเฉิน
ทั้งสองคนอยู่ในโรงแรมมาสองวัน ซือเหยี่ยนถึงได้ปล่อยคนออกมาได้ เจียงมู่เฉินรอจนราขึ้นมาตั้งนานแล้ว
พอออกข้างนอกได้ราวกับเพิ่งปล่อยออกมาจากกรงไม่มีผิด
ซือเหยี่ยนเดินตามอยู่ข้างหลังเห็นเจียงมู่เฉินเดินพล่านไปทั่ว มือก็อดจะยกขึ้นมากุมหัวตัวเองไม่ได้
กักตัวอยู่สองวันเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมา เจียงมู่เฉินเห็นอะไรก็ดูสดใหม่ไปหมด
มีศิลปินข้างถนนอยู่ไม่น้อย เจียงมู่เฉินเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เดี๋ยวไปดูโน่นที เดี๋ยวไปดูนั่นที
เขาวิ่งไปสักพักหนึ่ง ถึงเพิ่งมานึกถึงซือเหยี่ยนขึ้นมาได้ เมื่อหันกลับไปก็ไม่เห็นเงาของซือเหยี่ยนแล้ว
เจียงมู่เฉินถอนหายใจ เดินกลับไปทางเดิมตามหาซือเหยี่ยน ก็เห็นแค่เพียงซือเหยี่ยนถูกสาวน้อยคนหนึ่งดึงไว้ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่
เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง อยู่ในช่วงฮันนีมูนแท้ๆ ยังไปอ่อยคนอื่นอีกเหรอ
ด้วยเหตุนี้ในฐานะสามีตัวจริงเสียงจริงของคุณชายซือ เจียงมู่เฉินเตรียมจะไปดูอะไรสนุกๆ แล้วก็ถือโอกาสช่วยซือเหยี่ยนออกมาด้วย
เจียงมู่เฉินเดินไปอยู่ข้างกายซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนก็ยังถูกตื้อไม่เลิก เจียงมู่เฉินถอนหายใจ นิสัยเย็นชา รังสีที่แค่เอ่ยปากคนก็แข็งตายได้แล้วเมื่อก่อนหน้านี้ ทำไมถึงไม่ใช้กับสาวน้อยที่นี่
‘หรือว่าซือเหยี่ยนรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ดูน่าสงสารชัดเจน ตัดใจไม่ลงเหรอ’
คิดได้เช่นนี้ คุณชายเจียงก็รู้สึกถึงวิกฤตที่กำลังจะตามมาแล้ว
‘ฮันนีมูนกันอยู่ ซือเหยี่ยนก็เริ่มเป็นคนโลเลสองจิตสองใจแล้วใช่ไหม’
เจียงมู่เฉินเดินเข้าไป ยื่นมือไปจูงมือซือเหยี่ยนมา ยังเป็นแบบสอดประสานมือกับแน่นสนิทอีกด้วย
เขาพิงซบไหล่ซือเหยี่ยนอย่างตามใจ ทำทีสนิทสนมมองสาวน้อยคนนั้น “หาแฟนฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ใบหน้าของสาวน้อยค่อนข้างแดง เหมือนจะเขินอายอะไรอย่างนั้น
เธอมองดูเจียงมู่เฉินแล้วพูดไม่ออกสักคำ
เจียงมู่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำหน้าเขินอายแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน หรือว่าเมื่อกี้เขาไม่อยู่ ซือเหยี่ยนกับสาวน้อยคนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นแล้ว
เขาหันมามองซือเหยี่ยน เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ให้เขาอธิบายมาดีๆ
ซือเหยี่ยนมองเจียงมู่เฉิน แล้วถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้
เขาทำหน้าหึงแบบนี้ สิ้นเปลืองไปพอควรแล้วจริงๆ
ไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนั้นคิดถึงอะไรได้ เหมือนจะตัดสินใจเงยหน้ามองมาที่เจียงมู่เฉินกะทันหัน
เสียงเล็กของเธอเอ่ยขึ้น “ฉัน…ฉันชอบคุณมากเลยค่ะ”
เจียงมู่เฉิน “…” อะไรกัน
‘มาตื้อซือเหยี่ยนคุยนู่นนี่กันอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมมาพูดว่าชอบเขาอีกล่ะ’
“ฉัน…ฉันพักอยู่โรงแรมเดียวกันกับพวกคุณ ฉันชอบคุณมาก คิดไม่ถึงว่าเมื่อกี้จะบังเอิญเจอกันที่ถนน ก็อยากจะ…กับคุณ”
เธอกะพริบตาปริบๆ ด้วยความเขินอาย “แต่ว่าคุณคนนี้บอกว่าคุณแต่งงานกับเขาแล้ว”
เจียงมู่เฉินทำหน้างุนงง รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างเข้าใจยากและเหลือเชื่อจริง เขารู้ว่าตัวเองหล่อพอประมาณ แต่ว่าก็ไม่ถึงขั้นที่คนเห็นแล้วจะรักได้เลยนะ
เขาชี้ไปที่ซือเหยี่ยนอย่างคนที่เพิ่งเข้าใจอะไรทีหลัง “งั้นเธอไม่ได้มาวอแวแฟนฉันเหรอ”
ซือเหยี่ยนเมินหน้านี้อย่างเงียบๆ ไม่มีหน้ามาดูต่อแล้ว
สาวน้อยคนนั้นใบหน้าแดงไปหมด เหมือนจะรู้สึกเลิ่กลั่กมากอย่างไรอย่างนั้น “ไม่ใช่อยู่แล้วค่ะ”
ได้ยินคำตอบนี้ อารมณ์เจียงมู่เฉินก็เปลี่ยนไปดีขึ้นในพริบตา
จะชอบใครก็ได้ทั้งนั้น แต่จะชอบซือเหยี่ยนไม่ได้ แบบนี้ก็ดี
ซือเหยี่ยนเห็นใบหน้าเขาออกอาการ ก็รีบเอื้อมมือไปดึงเจียงมู่เฉินมา ก่อนจะเอ่ยกับสาวน้อยคนนั้นอย่างมีมารยาท “ขออภัย พวกเรายังมีธุระ ขอตัวก่อน”
เจียงมู่เฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็โดนซือเหยี่ยนลากออกไปแล้ว
ระหว่างทาง เจียงมู่เฉินก้มหน้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ซือเหยี่ยนหรี่ตาลง พลางเอ่ยถาม “ดีใจขนาดนี้เชียว”
เจียงมู่เฉินพยักหน้า “แน่นอนสิ”
แววตาซือเหยี่ยนมืดมัวลงไปบางส่วนแล้ว “ในเมื่อคุณดีใจขนาดนี้ อยากให้ผมไปตามคนกลับมาไหม”
เจียงมู่เฉินตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “ตามกลับมา? ตามอะไรกลับมา?”
ตอนที่ 487 ฮันนีมูนฉบับซือเฉินภาคสอง
เขาดีใจที่ซือเหยี่ยนไม่มีคนมาวอแว แล้วซือเหยี่ยนอยากจะหาอะไร
ซือเหยี่ยนเห็นเขาทำหน้างุนงง ก็ขบกรามเงียบๆ “มีคนมาสารภาพรักกับคุณ คุณเลยดีใจไม่ใช่หรือไง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะช่วยไปตามคนกลับมาไง”
เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองเห็นใบหน้าบูดบึ้งของเขา มุมปากก็อดจะกระตุกขึ้นมาไม่ได้
‘งั้นแปลว่าท่าทีแบบนี้ของซือเหยี่ยนคือหึงเขาแล้วเหรอ’
เจียงมู่เฉินรู้สึกแปลกใจ เมื่อก่อนเขายังไม่เคยเห็นซือเหยี่ยนหึงแบบนี้ ที่ผ่านมามีแต่เขาที่เป็นฝ่ายหึงซือเหยี่ยน
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ซือเหยี่ยนจะเป็นฝ่ายมาหึงเขาบ้าง คิดๆ ดูแล้ว รู้สึกชื่นใจอย่างเหลือเชื่อทีเดียว
คิดได้อย่างนี้ เจียงมู่เฉินอดจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้อยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยนไม่ได้ “นายหึงฉันแล้วใช่ไหมล่ะ”
ซือเหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง “น่าเบื่อ”
เจียงมู่เฉินกำมือเขาแน่น “พี่ชาย นายบอกมาตามตรงเถอะ เมื่อกี้นายหึงฉันแล้วใช่ไหม”
ซือเหยี่ยนทำหน้าบึ้งตึง ไม่อยากพูดกับเขา
เจียงมู่เฉินไม่ละความพยายาม เขารั้งซือเหยี่ยนไว้ ออดอ้อนเขาอยู่ข้างหลัง “พี่ชาย นายอย่าเขินสิ เมื่อกี้นายหึงจริงๆ ใช่ไหมล่ะ”
“ซือเหยี่ยน…”
“พี่ชาย…”
“พี่เหยี่ยน…”
เจียงมู่เฉินทำเสียงอู้อี้อยู่ข้างหลัง ซือเหยี่ยนได้ยินจนใบหูขึ้นสีแดงแล้ว
โชคดีที่พวกเขาสองคนอยู่ต่างประเทศกัน ไม่อย่างนั้นถ้าคนรอบข้างมาได้ยินคำพูดเสี่ยวๆ หยอดๆ ที่หน้าไม่อายของเจียงมู่เฉินเข้า ซือเหยี่ยนเกรงว่าจะไม่ใช่แค่หูแดงแล้ว
แต่จะแดงไปทั้งตัวมากกว่า
“พี่เหยี่ยน…นายพูดกับฉันหน่อยสิ หึงแล้วใช่ไหม”
ซือเหยี่ยนถูกเขาเอ่ยรียกจนในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว
เขาหยุดฝีเท้าลง ยื่นมือไปดึงเจียงมู่เฉินไว้ ตีหน้าขรึมเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “คุณเก็บอาการสักหน่อยจะได้ไหม”
เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “เก็บอาการ?”
‘เขาเจียงมู่เฉินอะไรก็ทำเป็น แต่เก็บอาการไม่เป็นไง’
“นายไม่ได้เพิ่งมารู้จักฉันวันแรกสักหน่อย นายเห็นฉันเหมือนคนเก็บอาการเป็นหรือไง”
เขาพูดไปก็ทำเสียงอู้อี้ไปด้วย “พี่เหยี่ยน นายบอกฉัน บอกฉันมาเถอะ ตกลงแล้วนายหึงแล้วใช่ไหม”
ซือเหยี่ยนกุมขมับ บังคับข่มอารมณ์ที่อยากจะอุ้มเจียงมู่เฉินพาดบ่าเดินออกไป
“อืม”
เขาเอ่ยคำนี้ด้วยเสียงจางๆ
เจียงมู่เฉินชะงักงัน เขาไม่ได้ยิน
เขารีบคว้าซือเหยี่ยนไว้ “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ”
ซือเหยี่ยนเอ่ยอย่างขึงขัง “เมื่อกี้ผมพูดไปแล้ว”
“แต่ฉันไม่ได้ยินไง” เจียงมู่เฉินโอดครวญ กว่าจะทำให้ซือเหยี่ยนพูดได้ไม่ใช่ง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังไม่ได้ยินอีก
ซือเหยี่ยนหันหน้ากลับไป เอ่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ถึงยังไงผมก็พูดไปแล้ว คุณไม่ได้ยิน ก็ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว”
เขาพูดจบก็เดินไปข้างหน้า เจียงมู่เฉินสีหน้าอมทุกข์โดนซือเหยี่ยนลากเดินไป คนรอบข้างเห็นท่าทางของทั้งสองคน ก็รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ อดจะมองตามไปอีกไม่ได้
เจียงมู่เฉินเห็นคนรอบข้างมองมา ตาก็ลุกวาวในทันใด จู่ๆ เขาก็เอื้อมมือไปกอดเอวซือเหยี่ยนไว้ ใช้ภาษาอังกฤษตะโกนออกมาเสียงดัง “ที่รัก อย่าไปนะ เมื่อก่อนนายพูดแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต…
…ทำไมนายถึงเปลี่ยนใจไปคบกับผู้หญิงคนอื่นได้”
เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนด้วยอารมณ์โศกเศร้า แสดงท่าทีว่าเจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว เฉินเฉินของเขาเล่นอะไรแผลงๆ อีกแล้วเหรอ
“นายบอกว่าฉันเป็นผู้ชาย ครอบครัวนายไม่ยอมรับ แต่เมื่อก่อนนายก็ไม่ได้พูดแบบนี้ นายบอกว่าฉันดี บอกว่านายชอบฉัน ต่อให้ฉันเป็นผู้ชายก็ไม่เป็นไร…
…ฉันรักนายขนาดนี้ นายจะทิ้งฉันแล้วเดินหนีไปได้ยังไง”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมาจากรอบข้าง ต่างก็พากันตำหนิติเตียนซือเหยี่ยนอย่างไม่ขาดสาย
นัยน์ตาเจียงมู่เฉินประกายรอยยิ้ม อดจะคิดไม่ได้ว่า ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่จะทำยังไง
ผลปรากฏว่าจู่ๆ ซือเหยี่ยนก็อุ้มเขาขึ้นบ่า “ภรรยาผมบอกแล้ว ว่าถ้าคุณต้องการจะมายุ่งกับผมให้ได้ ก็มีแค่เพียงผมหย่าแล้วเท่านั้น”
ขณะพูดก็อุ้มคนขึ้นบ่าแล้วเดินไปทันที เจียงมู่เฉินโดนอุ้มพาดบ่า ใบหน้าเขาแดงไปหมดแล้ว
“ซือเหยี่ยน นายรีบปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”
“คุณไม่อยากให้ผมทิ้งคุณไปไม่ใช่เหรอ”
เจียงมู่เฉินมองบนใส่ “งั้นนายก็ไม่ต้องแบกฉันขึ้นบ่าแล้ว ฉันใกล้จะอาเจียนใส่นายแล้วนะ”
ซือเหยี่ยนยักคิ้วด้วยท่าทีเรียบเฉย “ไม่เป็นไร ผมชอบให้คุณฟุบบนไหล่ผมแล้วอาเจียน”
เจียงมู่เฉิน “…”