ตอนที่ 580 นายอธิบายได้แล้ว
พูดจบก็เดินออกจากห้องอาหารไปขึ้นชั้นบนทันที
มั่วไป๋มองตามแผ่นหลังของไป๋จิ่ง เขากำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เสียงต่ำเอ่ยถาม “นายคิดจะทำอะไรกันแน่”
ไป๋จิ่งชะงักฝีเท้าเล็กน้อย “กินเสร็จค่อยคุยกัน”
พูดจบก็เดินจากไปทันที
มั่วไป๋ขบกราม ไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไร สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จำใจต้องเดินกลับไปยังโต๊ะอาหาร มองดูชามเกี๊ยวชามนั้น
เกี๊ยวน้ำที่ไป๋จิ่งทำ เขาต้องรู้เป็นธรรมดา
รสชาตินั้นที่ยังสลักอยู่ในใจ ฝังอยู่ในกระดูก
มั่วไป๋ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งลง เขาหยิบช้อนที่อยู่ในชามขึ้นมา มั่วไป๋มองดูเกี๊ยวน้ำนั้น ในใจก็มีความรู้สึกบางอย่างที่พูดไม่ออก
เขาคิดว่าตัวเขาเองกับไป๋จิ่งควรจะไม่มาข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว ใครจะรู้ว่าจะมาอีกครั้ง
อีกอย่างไป๋จิ่งยังทำเกี๊ยวน้ำมาอีกด้วย
มั่วไป๋ถอนหายใจอย่างจนใจ เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้ไป๋จิ่งคิดจะทำอะไรอีก เพียงแต่ว่าไป๋จิ่งคิดจะทำอะไร เขาก็ไม่กลัวทั้งนั้น
เขาค่อยๆ กินเกี๊ยวน้ำในชามทั้งหมดทีละนิดๆ รสชาติที่คุ้นเคยอบอวลอยู่ในลำคอ มั่วไป๋คิดไม่ถึงว่าจะกินไม่ค่อยลง รู้สึกว่าสะอึกกลืนลงคอยาก
มั่วไป๋กำช้อนไว้แน่น ค่อยๆ กินเกี๊ยวน้ำให้เสร็จทีละนิดๆ
ทันทีหลังจากนั้นเขาก็เอากระดาษทิชชูเช็ดริมฝีปากแล้วนั่งรออยู่ที่เดิม
เขารู้ว่าไป๋จิ่งจะเป็นฝ่ายลงมาเอง
เป็นอย่างที่คิดไว้เพียงไม่นาน ไป๋จิ่งก็เดินลงมา ในมือยังถือกล่องกล่องหนึ่งลงมาด้วย
มั่วไป๋เห็นกล่องใบนั้น รูม่านตาก็หดลงเล็กน้อย
‘นี่ไม่ใช่…’
ไป๋จิ่งวางกล่องลงบนโต๊ะ เขามองมั่วไป๋ “นี่คือสิ่งที่คุณส่งให้ผมเมื่อครั้งก่อน”
มั่วไป๋ต้องรู้อยู่แล้ว เขามองไป๋จิ่ง “ให้นายไปแล้ว ก็ต้องเป็นของนายเป็นธรรมดา”
ไป๋จิ่งยิ้มหัวเราะ “ของที่ผมส่งไป ไม่มีหลักการที่ให้รับกลับเข้ามา”
ในใจมั่วไป๋เกิดความรู้สึกหงุดหงิดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่ที่เจอหน้าไป๋จิ่งอีกครั้ง ในใจเขาก็สงบไม่ลงอีกต่อไป
การปรากฏตัวของไป๋จิ่งปั่นป่วนหัวใจที่ใกล้ขีดอันตรายของเขาทีละนิดๆ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ฉันไม่ต้องการของพวกนี้” มั่วไป๋พูดอีกครั้ง
ไป๋จิ่งยิ้มหัวเราะ “งั้นคุณก็ทิ้งไปเลย ผมให้คุณแล้ว มันเป็นของคุณ ผมจะต้องการอีกไม่ได้”
“นายจะเอาแบบนี้ให้ได้เลยใช่ไหม”
ไป๋จิ่งมองมั่วไป๋ทันที “คนที่จะเอาแบบนี้ให้ได้คือคุณนะ”
มั่วไป๋ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับไป๋จิ่งอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขากดเก็บความโมโหในใจไว้ “ได้ ฉันจะเก็บไว้เอง”
“นายอธิบายได้แล้ว”
ไป๋จิ่งเห็นท่าทางเย็นชาของเขาแล้วยิ้มหัวเราะ เขาพยักหน้ารับ “คุณอยากรู้อะไร”
มั่วไป๋ถามไปตรงๆ “ทำไมนายต้องพาตัวฉันมาที่นี่ด้วย”
ไป๋จิ่งเชิดตาขึ้นมองมั่วไป๋ “คุณเดาไม่ได้เหรอ”
รูม่านตามั่วไป๋หดตัวลงเล็กน้อย รีบเบนสายตาหนี เขาไม่กล้าสบตากับไป๋จิ่ง บางอย่างที่อยู่ในแววตาของไป๋จิ่ง เขาไม่กล้ามอง
ท่าทางหลบหลีกที่ชัดเจนของเขาทำให้ไป๋จิ่งยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ที่จริงมั่วไป๋ลืมเขาไม่ลงมาตั้งแต่แรกแล้ว
ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร เขาก็ลืมไม่ลง
“ทำไมฉันต้องเดา เมื่อกี้นายพูดว่าขอเพียงแต่ฉันกินเสร็จ นายก็จะบอกความจริงกับฉัน”
ไป๋จิ่งพยักหน้า “ที่นี่เป็นบ้านของพวกเราสองคน คุณต้องมาอยู่แล้ว”
มั่วไป๋สมองโตแล้ว ทำไมเขาถึงพูดกับไป๋จิ่งไม่รู้เรื่องนะ
“ฉันกับนายไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน บ้านของนายก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” มั่วไป๋เอ่ยซ้ำอีกครั้ง
แต่ไป๋จิ่งกลับยิ้มอย่างไม่สนใจอะไร “ไม่เป็นไร ถึงยังไงไม่ว่าจะเป็นผมหรือว่าบ้าน ไม่ช้าก็เร็วล้วนเกี่ยวข้องกับคุณทั้งหมด”
มั่วไป๋เลือดขึ้นหน้า เห็นท่าทางของไป๋จิ่ง เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จู่ๆ เขาก็ยื่นมือไปกดไหล่ไป๋จิ่งไว้ คนทั้งคนถูกกดไว้บนตู้ที่อยู่ด้านข้าง “นายแม่งเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม”
ตอนที่ 581 อยากให้เขาปล่อยมือ
เหมือนไป๋จิ่งจะเทหมดหน้าตักแล้ว เขามองมั่วไป๋ “ถ้าคุณคือความบ้า ผมก็มีความบ้า”
เส้นเลือดบนขมับกระตุกแล้วกระตุกอีก มั่วไป๋สะบัดเสื้อของไป๋จิ่งออก เขาคงจะบ้าไปแล้วถึงได้พูดจาไร้สาระแบบนี้กับไป๋จิ่งได้
เขายิ้มประชดประชัน หันหลังเตรียมจะเดินออกไป
เขาจะเปลืองน้ำลายกับไป๋จิ่งมากมายขนาดนั้นไปเพื่ออะไร เดินออกไปเสียเลยยังจะดีกว่า
เขามุ่งหน้าไปทางประตูบานใหญ่ เอื้อมมือไปเปิดประตูออก
ข้างนอกเป็นภูเขาสูงใหญ่ มือมั่วไป๋ที่ผลักเปิดประตูออกไปชะงักงัน ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเท่าไหร่นัก เขาเดินออกไปอย่างไม่กล้าจะเชื่อได้ คิดไม่ถึงว่าจะพบว่าตัวเองอยู่กลางภูเขา ทั้งสี่ด้านรายล้อมไปด้วยภูเขา เขาออกไปจากที่นี่ไม่ได้มาตั้งแต่แรกแล้ว
ไป๋จิ่งเองก็เดินตามเข้ามา มั่วไป๋หันหน้ากลับไปมองไป๋จิ่ง มิน่าล่ะไป๋จิ่งถึงไม่กังวลใจเลยสักนิดว่าตัวเองจะออกไป
ที่นี่มีภูเขาราบล้อมไปหมด ต่อให้เขาใช้เวลาเดินหลายวันก็ออกไปไม่ได้
ดังนั้นไป๋จิ่งจึงจงใจพาตัวเข้ามาที่นี่ ก็เพื่อที่จะกักตัวเขาไว้ให้ถึงที่สุด
ความเดือดดาลในใจของมั่วไป๋ลุกโชนขึ้นมาในทันใด
เขาหันไปถลึงตาใส่ไป๋จิ่งด้วยท่าทีดุดัน “โรคจิต”
พูดจบเขาก็ผลักไป๋จิ่งให้พ้นทาง หันหลังเดินขึ้นชั้นบนไป กลับไปยังห้องเดิมที่ตัวเองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
ไป๋จิ่งยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ว่าการกระทำของเขาไม่ดี
แต่ว่าเขาไม่มีวิธีอื่นแล้ว เขาก็เพียงแค่อยากจะเริ่มต้นใหม่กับมั่วไป๋
ถ้าไม่กักตัวมั่วไป๋ไว้ เขาก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ
ไป๋จิ่งพิงประตู นึกถึงประโยคหนึ่งที่ไม่รู้ว่าไปเห็นที่ไหนมาเมื่อนานมาแล้ว
“ระหว่างพวกเราไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นฉันที่ไม่ยอมตายใจ”
ระหว่างเขากับมั่วไป๋ เมื่อก่อนมั่วไป๋ไม่ยอมตายใจ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเขาที่ไม่ยอมตายใจเองก็ได้แล้ว
ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่ปล่อยมือมั่วไป๋ไป
….
มั่วไป๋กลับมาอยู่ในห้อง เขาถึงค่อยๆ ได้ใจเย็นลง
เขาเดินไปยังหน้าหน้าต่าง มองดูทิวทัศน์ที่อยู่ข้างนอก พลางถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าไป๋จิ่งจะทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้
พาตัวเข้ามาถึงที่นี่ ยังทำเกี๊ยวน้ำให้เขากินอีก
ความรู้สึกในใจของไป๋จิ่ง มั่วไป๋เข้าใจชัดเจนมาก
เพียงแต่ว่าระหว่างพวกเขา จะฝืนใจกันก็ฝืนใจไม่ไหวหรอก
เขากุมขมับแล้วกุมขมับอีก ขอเพียงแต่หวังว่าไป๋จิ่งจะคิดให้ตกได้ในเร็ววัน ปล่อยให้ต่างคนต่างหลุดพ้น
……
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างช้าๆ โดยไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว อยู่กลางภูเขาที่นี่ ไม่มีอะไรสักอย่าง เหลือเพียงแต่เวลาที่ยาวไกล
มั่วไป๋นั่งอยู่บนเตียง ครุ่นคิดอย่างเงียบงัน สุดท้ายต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้ไป๋จิ่งปล่อยมือไปได้
เพียงแต่น่าเสียดาย จนกระทั่งฟ้ามืดแล้ว เขาก็คิดหาวิธีอะไรดีๆ ไม่ออกทั้งสิ้น
เขาถอนหายใจช้าๆ ดูท่าว่าจะทำได้เพียงปล่อยให้ไปตามธรรมชาติแล้ว
เขาไม่มีมือถือ ไม่มีคอมพิวเตอร์ แม้แต่เครื่องมือติดต่อกับโลกภายนอกเพียงสักชิ้นก็ไม่มีทั้งนั้น
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่ไม่มี ไป๋จิ่งเองก็ไม่มีเช่นกัน
ในคฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้ นอกจากในห้องรับแขกชั้นล่างมีทีวีเครื่องหนึ่ง อะไรอย่างอื่นก็ไม่มีสักอย่าง
ช่วงเวลานั้นที่มั่วไป๋อยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าไป๋จิ่งกำลังทำอะไรอยู่
มีคนเคาะประตูจากด้านนอก คนที่เคาะประตูอยู่ที่นี่ได้ นอกจากไป๋จิ่งแล้วก็ไม่มีใครคนอื่นแล้ว
มั่วไป๋ไม่ได้เอ่ยปาก ถึงอย่างไรเขาไม่พูด ไป๋จิ่งเองเข้ามาได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะพูดไปทำไม
เป็นอย่างที่คิดไว้ เคาะประตูไปไม่กี่ครั้ง ไป๋จิ่งบิดลูกบิดประตู
“มั่วไป๋ ลงมากินข้าวเถอะ”
ไป๋จิ่งเอ่ยเรียกเสียงต่ำยืนอยู่นอกประตู
มั่วไป๋ไม่ได้ปฏิเสธ เขาลุกยืนขึ้น เดินตามไป๋จิ่งลงมา ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด มาสู้รบปรบมือกับไป๋จิ่งก็ไม่มีความหมายอะไร
อีกอย่างเขาจะไม่กินไม่ดื่มไปตลอดไม่ได้
ในเมื่อเช้าเย็นก็ต้องกินต้องดื่ม ทำไมเขาจะต้องมาเริ่มดื้อดึงเอาป่านนี้ด้วย
จุดนี้มั่วไป๋มองได้อย่างทะลุปรุโปร่งเป็นพิเศษ
ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าห้องอาหาร ที่นี่ไม่มีคนอื่น อาหารพวกนี้เป็นฝีมือไป๋จิ่งทำเองทั้งหมด
มั่วไป๋เห็นอาหารพวกนั้นก็รู้สึกน่าขบขันไม่เบา พูดมาแล้วก็เป็นการเสียดสีเหมือนกัน
ตอนนั้นตอนที่เขาชื่นชอบในตัวไป๋จิ่ง เขาก็เป็นเช่นนี้ ทำอาหารให้ไป๋จิ่งทุกวัน เพียงแต่น่าเสียดายไป๋จิ่งน้อยมากที่จะชายตามองมัน
ปัจจุบันทั้งสองคนกลับสลับตำแหน่งกันแล้ว