เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 123

ตอนที่ 123

[เอาน่า การเป็นคนซื่อบื้อไม่ใช่เรื่องผิดอะไรสักหน่อย แค่เป็นตัวเธอเองก็พอแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเองกับใครหรอกนะ อย่าเอาข้อเสียของตัวเองไปเทียบกับข้อดีของคนอื่นสิ เธอเป็นนักแสดง ไม่ได้อยากเป็นดาราตลกด้วยสักหน่อย จริงมั้ย เธออยากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกการแสดง เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องเอาทักษะการแสดงของเธอไปเทียบกับเขาสิ จะมาสนใจทำไมว่าใครตลกกว่ากัน]

นั่นก็ฟังดูเข้าทีดีอยู่นะ

หลินเช่อเล่าต่อว่า “ฉันคิดว่าทุกคนเก่งๆ กันทั้งนั้นเลยน่ะค่ะ”

กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า [เธอเองก็เก่งเรื่องอื่นไงล่ะ]

“จริงเหรอคะ”

แต่หลินเช่อก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเธอก็ดูเป็นคนไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาอยู่ดี

ชายหนุ่มพูดต่อไปอีกว่า [จริงสิ เธอต้องเชื่อในสายตาของฉันสิ ที่ฉันยอมให้เธอมาเป็นภรรยาของฉันแบบนี้ นั่นหมายความว่าเธอเองก็ต้องมีข้อดีของเธอเหมือนกัน]

“…” สรุปว่าเขากำลังชมตัวเองใช่ไหม

“นี่ ผู้ชายอย่างคุณจะไม่หลงตัวเองบ้างเป็นมั้ยคะเนี่ย”

[มันเป็นเรื่องธรรมชาตินี่ เธอต้องรักตัวเองก่อน ไม่อย่างนั้นจะคาดหวังให้คนอื่นมามองเห็นเธอได้ยังไงกัน]

“ไปให้พ้นเลยนะ ตกลงยังไงคะ คุณจะพูดอะไรกันแน่เนี่ย”

[เธออยากให้ฉันพูดตรงๆ หรือจะให้ฉันโกหกล่ะ]

“ช่างเถอะ…งั้นฉันจะวางสายละนะ”

[เอ้า อย่าเพิ่งสิ ให้ฉันคิดก่อน] กู้จิ้งเจ๋อว่า [เธอ…เธอจูบเก่งมาก]

“…” คราวนี้หลินเช่อโกรธจริงๆ และกำลังจะวางสาย “กู้จิ้งเจ๋อ!”

[ก็ได้ๆ อย่าตะโกนสิ ถึงแม้ว่าเธอออกจะซื่อบื้อไปนิด โง่เง่าไปหน่อย แถมยังไร้กิริยามารยาท…]

“นี่ตกลงคุณจะชมฉันหรือจะด่าฉันกันแน่คะ!” หลินเช่อเริ่มทนไม่ไหว ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเป็นแบบนี้นะ

[ถึงเธอจะมารยาทแย่ แต่ข้อดีของเธอก็คือ เธอรูปร่างดีมาก น่าสัมผัสแตะต้อง]

“…” หลินเช่อหน้าแดง “กู้จิ้งเจ๋อ คนโรคจิต! นี่คุณเห็นฉันเป็นพวกดอกไม้ริมทางงั้นเหรอ”

ชายหนุ่มตอบ [เป็นดอกไม้ริมทางก็มีประโยชน์อยู่นะ ใช่ว่าใครอยากเป็นก็ได้เป็นเสียเมื่อไหร่ล่ะ]

“ตกลงนี่คุณยังจะเรียกฉันว่าเป็นดอกไม้ริมทางอยู่ใช่มั้ย!”

กู้จิ้งเจ๋อเงียบ เขากำลังชมว่าเธอสวยอยู่ชัดๆ

แต่ยัยผู้หญิงคนนี้กลับเลือกที่จะได้ยินแค่บางคำ

ช่างเถอะ

ทั้งสองคุยกันต่อ จนบทสนทนานั้นก็ยืดยาวออกไปโดยไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มมองเวลาแล้วบอกกับหลินเช่อว่า [พรุ่งนี้เธอต้องตื่นเช้านี่ นี่ก็เลยเที่ยงคืนแล้ว ไปนอนเร็ว!]

“อ๊ะ เลยเที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย ความผิดคุณนั่นแหละที่มัวแต่เถียงกับฉันเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้!”

หลินเช่อพูดเสร็จก็รีบวางสายโดยเร็ว

[นี่ อย่าเพิ่งวาง] เขาพยายามร้องเรียกเธอ

หญิงสาวชะงัก “มีอะไรเหรอคะ”

[เธอจะกลับมามะรืนนี้เป็นอย่างช้าที่สุดใช่มั้ย] เขาถาม

เธอตอบ “อืม ใช่ค่ะ”

[โอเค อย่าช้าไปกว่านี้ล่ะ] น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำกว่าปกติเมื่อดังผ่านสายโทรศัพท์เข้ามา ทำให้หัวใจของเธออ่อนยวบลงเล็กน้อย

“อย่าบอกนะว่าคิดถึงฉันแล้วน่ะ” เธอทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะหัวเราะคิกคัก

แต่กู้จิ้งเจ๋อกลับตอบมาตามสายด้วยเสียงเรียบๆ ว่า [ใช่]

“อะไรนะ”

หลินเช่อกระเด้งตัวขึ้นนั่งทันที แต่อีกฝ่ายกลับวางสายไปเสียแล้ว

เยส…เยส…

ทั้งที่ยังคงถือโทรศัพท์ หัวใจเธอเริ่มรู้สึกได้ถึงความอ่อนหวานอันล้นเหลือ หัวใจของเธอปั่นป่วนรัญจวนไปแสนไกล คงเป็นเพราะได้คุยสารพัดอย่างกับเขาทางโทรศัพท์อยู่นานนั่นล่ะที่ทำให้ความวิตกกังวลก่อนหน้านี้กลับจางหายไปจนหมดสิ้น เธอเหยียดกาย รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม ในห้วงคิดมีแต่ภาพเงาของเขาล่องลอยอยู่ทั่วจนเธอลืมทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง

เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะสนทนาทางโทรศัพท์กับกู้จิ้งเจ๋อได้นานขนาดนี้ เธอกับเขาสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องในโลกนี้

แต่ก็คงเป็นเพราะความไม่เขินอายของเธอด้วยนั่นแหละ มีหลายอย่างที่หลินเช่อไม่เข้าใจ แต่เธอก็กล้าถามเขาอย่างไม่กระมิดกระเมี้ยน

เขาเองก็มีความอดทนมากพอที่จะช่วยอธิบายทุกอย่างให้เธอฟัง

และเธอเองก็คิดว่าเขาเป็นคนที่มีความรู้มากมายเหลือเกิน ราวกับว่าเขามีเรื่องให้หยิบยกขึ้นมาพูดคุยได้ไม่รู้จบ

และในไม่ช้าหลินเช่อก็ผล็อยหลับไป

วันต่อมา เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนบุกเข้ามาถึงในห้องตั้งแต่เช้าตรู่

โชคดีที่อวี๋หมินหมิ่นเตือนเอาไว้แล้วว่าให้เธอสวมเสื้อผ้าดีๆ เข้านอนเพื่อให้ปลอดภัยต่อการถูกแอบถ่ายและป้องกันไม่ให้เกิดอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมาด้วย เมื่อหลินเช่อตื่นขึ้น เธอก็กำลังอยู่ในสภาพยับเยินตั้งแต่หัวจดเท้า หน้าตาไม่ได้แต่ง ใต้ตายังบวมเป่งและเพราะว่ามัวแต่คุยโทรศัพท์กับกู้จิ้งเจ๋อจนดึกดื่น แถมยังดื่มน้ำมากเกินไป ตอนนี้ใบหน้าเธอก็เลยบวมเป่งทีเดียว ด้วยเหตุนี้เมื่อหันไปเห็นกล้อง หลินเช่อก็แทบจะสติแตก

ทุกคนพากันหัวเราะขณะกำลังถ่ายภาพเธอในสภาพงัวเงียสะลึมสะลือ หญิงสาวไม่อาจพูดอะไรได้นอกจากยกมือขยี้ตาและพูดกับทุกคนว่า “เดี๋ยวก่อนนะทุกคน นี่ฉันเป็นไอดอลนะ ฉันจะรอดชีวิตในวงการต่อไปได้ยังไงถ้าขืนพวกคุณมาแอบถ่ายฉันในสภาพแบบนี้น่ะ พวกคุณต้องชดใช้ที่ฉันต้องสูญเสียบรรดาแฟนคลับไปนะ”

ทุกคนพากันหัวเราะเสียงดังสนั่น

หลินเช่อคิดว่า ไหนๆ สภาพที่ย่ำแย่ที่สุดของเธอก็ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว ก็คงไม่มีอะไรที่เธอต้องแคร์อีกต่อไป เมื่อจะก้าวออกจากห้อง หญิงสาวจึงไม่ใส่ใจที่จะแต่งหน้า แถมยังอ้าปากหาวหวอดๆ ต่อหน้าทุกคนที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ อีกทั้งยังเกาหัวแกรกๆ อีกด้วย

ฉินหวานหว่านและหวังฉิงฉู่เองก็ดูจะโดนเซอร์ไพรส์แบบเดียวกัน แต่หวังฉิงฉู่นั้นยังคงดูสวยปิ๊งไม่ขาดตกบกพร่อง ซ้ำเธอยังพูดกับทุกคนอีกด้วยว่า “ทำไมถึงไม่บอกก่อนละคะว่าจะมากันเนี่ย ฉันเลยยังไม่ได้แต่งหน้าแต่งตา”

ฉินหวานหว่านพ่นลมพรืดก่อนจะกระซิบกับหลินเช่อ “โกหกชัดๆ ผู้จัดการหล่อนน่ะบอกล่วงหน้ามาตั้งนานแล้วละ ไม่ได้แต่งหน้างั้นเหรอ แต่งแบบลุคธรรมชาติสิไม่ว่า หล่อนใส่กระทั่งคอนแทคเลนส์ด้วยซ้ำนะนั่น”

“ไม่จริง นี่พวกผู้จัดการรู้กันด้วยเหรอ”

“ก็แน่สิจ๊ะ ผู้จัดการของเธอไม่ได้บอกเธอหรอกเหรอ นี่ฉันอุตส่าห์ใส่ชุดนอนตัวที่ดีที่สุดเลยนะ”

“เขาไม่ได้บอกอะไรฉันเลยซักอย่าง!” หลินเช่ออยากจะตีอวี๋หมินหมิ่นให้ตายคามือนักเชียว

หรืออวี๋หมินหมิ่นจะคิดว่าการแสดงของหลินเช่อนั้นแย่มากเสียจนแม้ว่าจะบอกอะไรไปก็คงไม่สามารถช่วยได้งั้นหรือ

หลินเช่อตามหาอวี๋หมินหมิ่นจนเจอและรีบต่อว่า “ฉันจะฆ่าพี่ พี่อวี๋คะ ทำไมพี่ถึงไม่บอกละคะว่าทีมงานจะโผล่เข้ามาในห้องเช้านี้น่ะ”

อวี๋หมินหมิ่นมองดูหลินเช่อที่อยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงก่อนจะหัวเราะคิกคัก “บอกเธอแล้วมีประโยชน์อะไรล่ะในเมื่อเธอเสแสร้งไม่เป็น ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติไม่ดีกว่ารึ เห็นมั้ย ดูเธอตอนนี้ก็ไม่ได้ดูแย่อะไรสักหน่อยนี่นา”

หลินเช่อพูดไม่ออก แต่เมื่อลองคิดๆ ดูแล้ว จะว่าไปเธอก็เป็นคนไม่มีจริตจะก้านแบบหวังฉิงฉู่ที่จะสามารถเสแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้ได้จริงๆ นั่นแหละ

“แต่ให้ตายเถอะ อย่างน้อยพี่ก็น่าจะบอกใบ้กันมั่งนี่นา”

“ฉันก็บอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้แต่งตัวดีๆ แล้วก็อย่าเผลอถอดเสื้อผ้าจนโป๊ แต่เธอเองก็ไม่ได้มีนิสัยถอดเสื้อผ้านอนนี่นา”

หลินเช่อว่า “แล้วนี่พี่ไม่กลัวว่าฉันจะเอาผู้ชายเข้ามาที่ห้องบ้างเหรอคะ ถ้าเกิดฉันโดนจับได้ขึ้นมาจะว่ายังไง”

“เป็นไปไม่ได้หรอก” อวี๋หมินหมิ่นลูบคาง “แต่ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ว่าถ้าหากกู้จิ้งเจ๋อถูกถ่ายภาพได้ตอนที่กำลังอยู่กับเธอละก็ คงจะได้กลายเป็นข่าวใหญ่ระเบิดระเบ้อไปเลยแน่ๆ”

หลินเช่อทำตาเขียวใส่ยัยผู้จัดการจอมเจ้าเล่ห์ของตัวเอง

แต่ยังไงซะ สิ่งที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นไปแล้ว เธอควรที่จะเดินหน้าต่อแทนที่จะมานั่งคิดมาก

ดังนั้นเมื่อเธอเดินกลับออกมา ทุกคนก็ยังคงส่งยิ้มให้เธออยู่อย่างขบขัน “ท่าทางร่าเริงจังเลยนะ นี่เธอไม่ได้แต่งหน้าด้วยซ้ำเหรอเนี่ย”

“ด้วยความยินดีค่ะๆ แหม ก็จะให้ฉันแต่งหน้านอนไปทำไมละคะ เว้นเสียแต่ว่าจะมีเดตกับผีน่ะ” หลินเช่อพูดพลางโบกไม้โบกมือ

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

Status: Ongoing

   หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน!

ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท