ตอนที่ 26 มีแขกมาอีก
ฟางเจิ้งรีบเปิดดูการแชร์ของตัวเอง เขาลงรูปตอนเข้าเรียนไว้ไม่น้อยจริงๆ แต่ที่กังวลคือในนี้มีข้อมูลที่เขาไม่ได้ลงเองด้วย พออ่านความเห็นแล้วก็รู้ว่านี่เป็นฝีมือ หลวงจีนหนึ่งนิ้ว!
พอเห็นรูปสุดท้ายเขาหน้าเขียวปัด! นั่นคือ ตอนเขายังเป็นทารกขวบเต็มพอดี สวมกางเกงเปิดช่องที่เป้าสำหรับเด็ก! นี่ไม่เท่าไร ตอนนั้นอ้าขาออกเล็กน้อย กระบอกปืนเล็กโด่ขึ้นอย่างองอาจห้าวหาญ มีท่าทีแข็งแรงเหมือนกับเครื่องบินรบ! และที่เหนือกว่านั้นคือ เบาะรองข้างล่างเปียกชื้น ลายแผนที่ใหญ่ถูกร่างออกมา…
ตอนนี้ในที่สุดฟางเจิ้งก็เข้าใจแล้วว่าทำไมฟางอวิ๋นจิ้งถึงบอกว่าแบ๊ว นี่มันน่าขายหน้าชะมัด!
ฟางเจิ้งรีบซ่อนภาพนี้เอาไว้ให้ตนเห็นได้คนเดียวก่อนถอนหายใจโล่งอก คุยกับฟางอวิ๋นจิ้งอีกสองประโยค จนมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่เห็นภาพนี้แล้วก็โล่งใจ
ขณะเดียวกัน ภายในหอพักสตรีสาขาภาษาจีนของมหาวิทยาลัยจี๋หลิน หญิงหน้าตาดีสวมแว่นตา สวมชุดนอนนั่งอยู่บนเตียง เซฟรูปเด็กสวมกางเกงเป้าเปิดเข้าไปในฮาร์ดดิสก์เงียบๆ ก่อนยิ้มชั่วร้ายพลางพูดกับฟางเจิ้ง “ไต้ซือ ภาพที่หนูให้ถ่ายได้หรือยังคะ?”
ฟางเจิ้งส่งภาพให้ฟางอวิ๋นจิ้ง พอเธอเห็นภาพเหล่านี้แล้วก็อึ้งไป!
“พระเจ้า ไต้ซือใช้มือถืออะไรคะ? พิกเซลนี่…มันอะไรกันเนี่ย? ขยายใหญ่นิดเดียวก็เบลอแล้ว…” ฟางอวิ๋นจิ้งกุมขมับ มองภาพเหล่านี้อย่างหมดคำจะพูด เธอคุยโวว่าเก่งโปรแกรมตัดต่อPs[1] แต่พอเจอกับภาพน่าสงสารที่มีพิกเซลต่ำแบบนี้แล้วก็ยังมีสีหน้าจนปัญญา
หม่าเจวียนได้ยินจึงเข้ามาดูใกล้ๆ ก่อนหัวเราะ “อวิ๋นจิ้ง ไต้ซือเป็นคนถ่ายเหรอ? ฮ่าๆ…ไต้ซือมีความสามารถสูงไม่ใช่เหรอ? ถ่ายมาเหมือนภาพเป็นจุดๆ เลย ฮ่าๆ”
“เอาเถอะ เงียบไปเลย เธอก็เห็นแล้วนี่ ไต้ซือละทางโลกแล้ว คงไม่สนใจมือถืออะไรพวกนี้หรอก เลยเป็นแบบนี้ไง แต่จะทำยังไงดี ไม่มีรูปแล้วจะประกาศวัดเอกดรรชนียังไง?” ฟางอวิ๋นจิ้งกังวลแล้ว
หม่าเจวียนเลิกคิ้วขึ้น “ง่าย พวกเราก็ส่งมือถือไปให้ไต้ซือสิ? เดี๋ยวฉันส่งให้เอง!”
“เธอส่งเหรอ? คิกๆ เกือบลืมไป เธอเป็นคุณหนูนี่” ฟางอวิ๋นจิ้งหัวเราะ
ฟางอวิ๋นจิ้งกับหม่าเจวียนหารือกัน ทั้งยังพูดกับจ้าวต้าถงและหูหนาน สรุปสองคนนั้นคัดค้านร่วมกัน! เหตุผลคือ เรื่องตีสนิทกับไต้ซือจะต้องมีพวกเขาเกี่ยวด้วย!
ดังนั้นสี่คนจึงออกเงินคนละห้าร้อยหยวนเตรียมไปซื้อมือถือให้ฟางเจิ้ง
ราคาต้องจ่ายคือฟางอวิ๋นจิ้งซื้อขนมน้อยลงเล็กน้อย หม่าเจวียนมีชีวิตไม่ลำบากอยู่แล้ว ส่วนจ้าวต้าถงขายรองเท้าปีนเขาที่ซ่อนเอาไว้นานมากไป หูหนานซื้อมาม่ากลับมาลังหนึ่ง เอ่ยด้วยความขมขื่น “ต้าถง นี่คืออาหารเดือนหน้าของพวกเรา! นายมั่นใจนะว่า จะไม่กินศพ?”
จ้าวต้าถงโบกมือ “ตอนเรียนมัธยมปลายฉันกินมาไม่น้อย ไม่เป็นไร ถ้ากินเยอะก็ต้องเข้าห้องน้ำนาน ไม่เป็นไร ฉันยังมียาแก้ท้องอืดอีกสองกล่อง แบ่งให้นายกล่องนึง!”
หูหนาน “@#¥#@…”
ฟางเจิ้งไม่รู้ว่าภาพของเขาจะสร้างปัญหาให้กับเหล่านักศึกษาพวกนี้ขนาดไหน รออยู่นานก็ไม่เห็นฟางอวิ๋นจิ้งตอบกลับจึงออฟไลน์ โยนมือถือแล้วหลับไป!
วันที่สอง ฟ้าสว่างเล็กน้อย รถข้ามทุ่งสามคันเข้ามาจอดอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านเอกดรรชนี รถคาดิลแลค[2]ที่อยู่หน้าสุดลดกระจกลงถามกับอาที่กำลังกวาดลาน “คุณอา วัดเอกดรรชนีไปทางไหน?”
“พวกนายจะไปวัดเอกดรรชนีเหรอ?” คุณอาที่กำลังกวาดลานปีนกำแพงบ้านตัวเองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ได้ยินว่าวัดเอกดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ พวกเราเลยมาดู คุณอา วิวบนเขาเป็นยังไงบ้าง?” ผู้ชายถามขึ้น
“วิว? จะมีวิวยังไงได้อีก? พวกเราเห็นจนชินแล้ว นายจะไปวัดเอกดรรชนีต้องเลียบไปตามทาง เห็นทางเล็กนั่นไหม เลี้ยวเข้าไป แต่พวกรถพวกคุณคงไปไม่ได้หรอก ต้องเดินเอา” คุณอาตอบ
“อืม ขอบคุณครับ” ผู้ชายคนนั้นพูดจบก็เหยียบคันเร่งนำไป
รถข้ามทุ่งสามคันเข้าไปในหมู่บ้าน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก คุณอาที่กวาดลานคนนั้นรีบวิ่งไปแจ้งข่าวรอบๆ ข่าวจึงกระจายไปอย่างรวดเร็ว
“ได้ยินรึเปล่า? มีรถ suv สามคันเข้าไปในหมู่บ้าน เป็นรถหรูด้วย! ได้ยินว่าจะไป วัดเอกดรรชนี พวกแกว่าพวกเขาจะไปวัดเอกดรรชนีทำไมกัน? หรือจะขอลูก?”
“ช่างเขาเถอะ ใครจะไปขอลูกที่วัดร้างอย่างวัดเอกดรรชนีกัน? ฉันว่านะคงจะมาเที่ยวมากกว่า อย่าจริงจังเลย”
“บางทีเรื่องพวกหยางหวาอาจจะกระจายออกไป คนในเมืองเลยมาขอลูก”
“พวกหยางหวามีลูกได้ก็เพราะพยายามต่างหาก ไปหาหมอสามครั้งในสามเดือน จ่ายเงินไปเป็นหมื่น กินสมุนไพรมาหมดแล้ว คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเรารู้ คนอื่นไม่รู้ว่า ฟางเจิ้งนั่นมีความสามารถแค่ไหน แต่พวกเรารู้ดี บอกว่าเขาเป็นเจ้าอาวาสก็ต้องเป็น เจ้าอาวาส บอกว่าเขาเป็นไอ้ชั่ว ก็ต้องเป็นไอ้ชั่ว” คุณอาวัยกลางคนกล่าวด้วยท่าทางถมึงทึงเพราะคิดต่าง
“เฮ้ ฉันว่านะซ่งเอ้อโก่ว ว่ายังไงดีล่ะ? ฉันไม่อยากฟังแกพูดแล้ว ถ้าพูดให้ฉันได้ยินอีกที! เชื่อไหมว่าวันนี้ฉันจะปล่อยเลือดปลาในบ่อแก” ตอนนี้เองตู้เหมยผ่านทางมา พอได้ยินคำพูดซ่งเอ้อโก่วก็ไม่พอใจ
ซ่งเอ้อโก่วเห็นตู้เหมยก็เหมือนกับหนูเห็นแมว สะบัดแขนเสื้อ “ขี้เกียจจะสนใจเธอหรอก” จากนั้นก็เดินจากไป
ถึงคำพูดซ่งเอ้อโก่วจะไม่น่าฟัง แต่พวกชาวบ้านกลับรู้สึกว่ามีเหตุผลมาก ไม่มีใครคิดว่าวัดเอกดรรชนีศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
“เสียงดังอะไรกัน? มาทำเรื่องไร้สาระในตอนเช้าแบบนี้อยู่ได้ จะบอกให้นะ ตอนนี้วัดเอกดรรชนีเป็นสัญลักษณ์ค้ำจุนที่สำคัญในหมู่บ้าน จากนี้จะมีคนนอกเข้ามา จะต้องพูดแต่เรื่องดีๆ อย่าทำลายชื่อเสียง” ตอนนี้เองถานจวี่กั๋วเดินเข้ามาต่อว่า ทุกคนต่างเชื่อฟัง เพียงแต่จะเข้าหูหรือไม่นั้นค่อยว่าอีกที
ใต้ภูเขาเอกดรรชนี ชายหญิงวัยหนุ่มสาวห้าคนตาค้าง
“พระเจ้า เส้นทางพังแบบนี้…รู้อย่างนี้แต่แรกฉันคงไม่มาหรอก!” คนอ้วนสวมเสื้อขนสัตว์ คลุมด้วยแจ๊กเก็ตหนังมองเส้นทางแคบข้างหน้าพลางบ่น
“เอาเถอะ พั่งจื่อ นายพูดทุกวันว่าจะลดความอ้วนไม่ใช่เหรอ? โอกาสมาแล้ว ขึ้นไปกัน!” ชายผอมมากคนหนึ่งข้างๆ ไว้ผมทรงเกาหลี กระดูกโหนกแก้มสูง เด่นออกมาดูชัดมาก
“โหวจื่อ พวกเราไม่พูดถึงเรื่องลดน้ำหนักได้รึเปล่า? นายดูทางสิ…เกี่ยวกับ ลดน้ำหนักตรงไหน? นี่มันใช่ทางคนเดินเรอะ?” พั่งจื่อถาม
“เอาล่ะๆ วันนี้ทุกคนมาเที่ยวนะ พวกนายไม่อยากรู้เหรอว่าวัดเอกดรรชนีศักดิ์สิทธิ์จริงๆ รึเปล่า? ไหนๆ ก็มาแล้วไปเถอะ ขึ้นไปดูกัน” เด็กสาวที่ดูคึกคักกระโดดออกมา เด็ดหญ้าแห้งมาต้นหนึ่ง ยิ้มพลางเอ่ย ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือ เจียงถิงพยาบาลใหม่ ในโรงพยาบาล
[1] Ps คือโปรแกรมตัดต่อ photoshop
[2] รถคาดิลแลค เป็นชื่อบริษัทผลิตรถยนต์ระดับหรูของสหรัฐอเมริกา ในเครือเจเนรัลมอเตอร์