บทที่ 605 ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“จี๊ด จี๊ด!” ซอมบี้ทารกขัดขืน
หลิงม่อได้ใจ “โอ๊ะ แกยังไม่ยอมรับอีกหรอ? ไอ้ซอมบี้ตัวนั้นน่าจะถือว่าเป็นพ่อของแกสินะ? มันต้องตายก็เพราะแกไม่ใช่รึไงล่ะ?”
“จี๊ด~!” เดาว่าซอมบี้ทารกคงไม่เคยเจอมนุษย์ที่ไม่กลัวตายอย่างนี้ ถึงขนาดกล้าเล่นหน้าเล่นตาต่อหน้ามัน แล้วยังพูดพล่ามไร้สาระไม่ยอมหยุดอีก…
มันกรีดร้องเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหู พลางตวัดขาสั้นๆ ออกมาหมายจะเตะหลิงม่อ
แต่ซย่าน่าเพียงดึงมือถอยหลัง การโจมตีของซอมบี้ทารกตัวนี้ก็ล้มเหลวเสียแล้ว
ช่างเป็นรูปร่างที่สร้างปมด้อยอันน่าเจ็บปวด!
“จะใช้มันหายังไง?” ซย่าน่าเหลือบมองซอมบี้ตัวเล็กด้วยหางตา แล้วถามขึ้น
“พวกเธอดูนี่…” หลิงม่อไม่ได้ตอบตรงๆ แต่เขามองออกไปรอบๆ ตัว
ท่ามกลางความมืด ปรากฏจุดสีแดงเลือนรางขึ้นมาอีกมายหมาย ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าพวกนั้นล้วนเป็นซอมบี้
“ดูจากพฤติกรรมของซอมบี้ตัวเมื่อกี้ ฉันคิดว่ามันได้ตั้งใจโจมตีเธอ แต่มันต้องการจะแย่งเจ้าตัวเล็กนั่นกลับไป ยังจำซอมบี้ร่างทารกที่เราเคยเห็นที่เมือง A ได้ไหม?” หลิงม่อเดินเข้าไปใกล้พวกเย่เลี่ยนช้าๆ พลางพูดเสียงเบา
หลี่ย่าหลินพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “อื้ม!” เธอพูดอย่างคิดถึงสุดๆ “ลูกน้อยบินได้!”
“…จะว่างั้นก็ได้ ซอมบี้ทารกถูกพวกมันใช้เป็น ‘นักรบ’ แต่ขณะเดียวกันก็จะถูกพวกมันปกป้องด้วยชีวิตเหมือนกัน ถูกไหม?” หลิงม่อพูดต่อไปว่า “ทฤษฎีนี้ใช้ได้กับที่นี่เหมือนกัน ที่ซอมบี้ทารกนี้ออกมาล่าเหยื่อ ขณะเดียวกันก็จะได้รับการคุ้มครองจากซอมบี้ตัวอื่นๆ ที่อยู่ในนี้ เธอดูเสี่ยวป๋าย มันถูกโจมตี แต่มันได้ถูกโจมตีโดยซอมบี้ทารกเพียงตัวเดียว ซอมบี้ตัวใหญ่จะร่วมมือกับซอมบี้ทารกในการออกล่าเหยื่อ ก็เหมือนกับพวกสัตว์ป่าที่กระเตงลูกน้อยออกไปล่าเหยื่อด้วย”
“ตอนนี้มันถูกพวกเราจับตัวเป็นเชลย ก็เท่ากับพวกเราได้โคมไฟนำทางในที่แห่งนี้แล้ว” หลิงม่อพยายามอธิบายอย่างเข้าใจง่ายที่สุด
ซย่าน่าเข้าใจ แต่หลี่ย่าหลินกับเย่เลี่ยนไม่แน่ว่าจะเข้าใจ ดังนั้นหลิงม่อจึงเลือกใช้การยกตัวอย่างที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา
เรื่องจริงได้ยืนยันแล้วว่า เขาทำอย่างนี้ได้ผลกว่ามาก
“พี่หลิงกำลังจะบอกว่า จะมีซอมบี้เข้ามาโจมตีเรามากกว่านี้อีกหรอ?” ซย่าน่าถาม
“อื่ม ไม่ว่าอวี๋ซือหรานจะอยู่ที่ไหน การเคลื่อนไหวทางนี้จะต้องดึงดูดเธอมา” หลิงม่อยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ
เย่เลี่ยนเอียงคอ แล้วถามอย่างงุนงงว่า “ทำ…ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่า…” รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงม่อพลันเปลี่ยนเป็นกัดฟันกรอด แถมพวกเย่เลี่ยนยังสังเกตเห็นอีกด้วยว่า มนุษย์ผู้นี้กำลังหักข้อนิ้วตัวเองดัง “กร๊อบแกร๊บๆ” “เพราะเธอจะไม่มีทางพลาดเรื่องแบบนี้ ไม่แน่ว่าพวกเรากับซอมบี้พวกนี้อาจพ่ายแพ้ยับเยินทั้งสองฝ่ายก็ได้?”
“หึหึหึหึหึ…”
เย่เลี่ยนมองหลิงม่อด้วยสายตางงๆ จากนั้นก็ดึงชายเสื้อซย่าน่า “น่าน่า…”
“ฉันรู้” ซย่าน่าพยักหน้าอย่างขึงขัง “พี่เดาไม่ผิดหรอก นี่คือมนุษย์ประเภทพิเศษที่เราเห็นในหนังสือไง”
“ผู้ป่วยประสาท?” หลี่ย่าหลินแย่งตอบ
สาวๆ ซอมบี้มองตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมๆ กัน
“เอ๋ พวกเธอยิ้มอะไรกัน?” หลิงม่อที่ดึงสติกลับมาแล้วถามขึ้น
“ไม่มีอะไร…ก็แค่ ได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นน่ะ” ซย่าน่าตอบ
“อ้อ ดีนี่ ตั้งใจเรียนรู้ต่อไปล่ะ” หลิงม่อพูดอย่างไม่เอะใจ จากนั้นก็โบกมือ “ทางนี้ พวกเราเดินลงไปในห้างฯ ใต้ดินก่อนแล้วกัน ปล่อยให้ซอมบี้พวกนี้ตามมา ถึงแม้อวี๋ซือหรานจะสัมผัสไม่ได้ แต่เฮยซือจะต้องรู้สึกได้ถึงความผิดปกตินี้แน่นอน”
“ทำไมต้องไปห้างฯ ใต้ดิน? พวกเราไม่กลับไปรวมตัวกับมนุษย์พวกนั้นหรอ?” หลี่ย่าหลินถามอย่างสงสัย
“เรื่องนี้น่ะหรอ…ผมยังมีแผนอื่นอยู่…” หลิงม่อยิ้มเบาๆ
………..
ภายในห้างฯ ขายโทรศัพท์มือถือ เงาร่างที่กำลังสั่นอย่างรุนแรงยกปืนขึ้นเล็ง และค่อยๆ เดินอยู่ระหว่างชั้นวางของกับโปสเตอร์
“มู่เฉิน! ซย่าจื้อ! หลิงม่อ!” สวี่ซูหานตะโกนเรียกเบาๆ ด้วยเสียงสั่นๆ แต่กลับไม่ได้การตอบรับใดๆ
ด้านในห้างฯ ยังคงมืดสลัว มองไปทางไหนก็รู้สึกเหมือนมีคนยืนอยู่ตรงนั้น แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนไม่มีอะไรอยู่เลย
สวี่ซูหานข่มกลั้นความกลัวในใจอย่างสุดความสามารถ เธอหอบหายใจกระชั้นชิด “อย่ากลัวๆ… ฉันไม่ใช่คน ฉันไม่ใช่คน…”
“เคร้ง!”
“กรี๊ด!” จู่ๆ ส้นเท้าของเธอก็ไปเตะโดนเหล็กเส้นที่ไม่ได้ถูกติดตั้งให้ดี จนทำให้เกิดเสียงกระทบเบาๆ ขึ้น
แต่เพียงเสียงอันแผ่วเบาก็สามารถทำให้สวี่ซูหานในตอนนี้ตกใจจนแทบซ็อกตาย “คนอื่นๆ อยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย!”
ตอนนี้เธอได้ค้นหาไปจนถึงอีกฝั่งหนึ่งของห้างแล้ว
ด้านหลังประตูกระจกและโปสเตอร์ขนาดใหญ่ เธอมองเห็นซอมบี้พวกนั้นที่กำลังเดินวนเวียนไปมาอยู่ข้างนอก
พวกมันอยู่ไม่ไกลห้างฯ แต่ก็ไม่ได้ใกล้มาก จำนวนกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อกี้เล็กน้อย
เหล่าสัตว์ประหลาดที่ในเวลาปกติทั้งน่ากลัวและน่าเกลียดพวกนั้น กลับทำให้สวี่ซูหานรู้สึกอุ่นใจในเวลาอย่างนี้
แม้อยู่ในที่ที่ทั้งมืดและเงียบสงัดอย่างนี้ แต่ข้างนอกมีสัตว์ประหลาดพวกนั้นอยู่ อย่างน้อยก็แสดงว่าข้างในนี้จะไม่มีอะไรโผล่ออกมากะทันหัน…
“ว้าก!”
ทันใดนั้นเสียงร้องดังฟังชัดเสียงหนึ่งพลันดังมาจากด้านข้าง สวี่ซูหานตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว หัวใจแทบจะหล่นไปอยู่ตรงตาตุ่ม ปืนในมือยกขึ้นเล็งไปยังต้นตอของเสียงทันที
“กรี๊ดดด!”
“เฮ้ยย อย่าร้อง!”
เจ้าของเสียงร้องเองก็ตกใจจนกระโดดโหยงๆ เหมือนกัน ขณะเดียวกับที่คว้ากระบอกปืน ก็ใช้นิ้วมือซุกเข้าในไกปืนด้วย ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นปิดปากสวี่ซูหาน
สวี่ซูหานเบิกตากว้าง หลังเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็สงบสติอารมณ์ได้
“อื้อ อื้อ…?”
“ถูกต้อง ฉันเอง! เธอจะขี้กลับเกินไปแล้วนะ…” มู่เฉินทำหน้ายู่มองหน้าสวี่ซูหาน จากนั้นก็เดินผ่านตัวเธอไปเพื่อมองออกไปข้างนอก
โชคดี ระบบเก็บเสียงของที่นี่ยังถือว่าทำมาได้ดี ซอมบี้ที่อยู่ข้างนอกเลยไม่ได้ยินเสียงอะไร
“แต่ทำไมเธออยู่คนเดียวล่ะ? ซย่าจื้อล่ะ? แล้ว…ไอ้เบื๊อกกับเหล่าแฟนสาวล่ะ ไปไหนแล้ว?” มู่เฉินหันกลับมา แล้วถามสวี่ซูหานอย่างสงสัย
สวี่ซูหานยังคงเบิกตากว้าง ไม่ตอบคำถาม
“อ้อๆ…โทษที ฉันกลัวเธอจะเสียงดังจนซอมบี้พวกนั้นได้ยินน่ะ…” มู่เฉินรีบปล่อยมือออก แล้วพูดอย่างเก้อเขิน
แต่ในวินาทีต่อมา เหตุการณ์ที่กระอักกระอ่วนยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น…
สายตาของสวี่ซูหานยังคงนิ่ง หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงสองสามที ในขณะที่มู่เฉินฉายแววตาสงสัยเตรียมจะถาม อดีตผู้ประกาศข่าวหญิงคนนี้ก็อ้าปากกว้างทันที
“อ้วก~!”
น้ำใสๆ จำนวนหนึ่งถูกอาเจียนออกมา เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำหูน้ำตา พลางโบกมือไล่มู่เฉิน “นาย…อยู่ห่างๆ ฉันหน่อย…”
“…” มู่เฉินอึ้ง จากนั้นก็ทำหน้าเหมือนจะร่ำไห้
ก็แค่ใช้มือปิดปากเธอเท่านั้นเอง! ถึงขนาดต้องอ้วกออกมาเลยหรอ?!
สวี่ซูหานใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากและแก้ม แต่พอเห็นคราบสกปรกสีเขียวบนผ้าเช็ดหน้า เธอก็อ้วกออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่อีกครั้ง…
“เฮ้ย เธอพอได้แล้วมั้ง อ้วกอยู่ได้ ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้วนะ!” มู่เฉินโวยวายอย่างเจ็บปวด “ถ้าเป็นหลิงม่อเธอคงจะไม่อ้วกใช่ไหมล่ะ?”
“หลิม่อเขาตัวเหม็นเหมือนนายไหมล่ะ…”
“จุ๊จุ๊ มีใครกำลังแอบชอบคนอื่นอยู่สินะ!”
“แอบชอบบ้าบออะไร! อยู่ห่างๆ ฉันเลย!”
“หน้าแดงแล้วๆ!”
“ไปไกลๆ!”
สองคนนี้ คนหนึ่งยืนเท้ากำแพงพูดพล่ามไม่ยอมหยุด อีกคนยืนพิงชั้นวางสินค้าแล้วอ้วกครั้งแล้วครั่งเล่า ทั้งสองต่างไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มีเงาร่างหนึ่งกำลังค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้
“ครืด…ครืดด…”
เสียงเหมือนบางสิ่งถูกลากดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และในที่สุดเสียงนี้ก็ลอยเข้าสู่โสตประสาทของมู่เฉินและสวี่ซูหาน
“เสียงอะไรน่ะ!” สวี่ซูหานกลายเป็นคนขี้ระแวงไปแล้วในตอนนี้ เธอกระโดดโหยงยกปืนขึ้นเล็ง และแนบตัวชิดผนัง เธอทำทุกอย่างอย่างรวดเร็วไม่มีติดขัด
มู่เฉินเองก็รีบชักมีดออกมา แต่ในขณะนั้นเอง แผ่นหลังของใครคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากด้านหลังเสาปูนด้านนั้น
“ซย่าจื้อ?” มู่เฉินตาไวจำได้ทันที
ทว่าภาพที่เห็นตามมาติดๆ ทำให้เขาต้องอ้าปากกว้างอย่างตกตะลึง…
สิ่งที่โผล่อออกมาพร้อมกับซย่าจื้อ ก็คือศพที่ถูกเขาลากกลับหัวมาด้วย…
พอได้ยินเสียงตะโกนเรียก ซย่าจื้อก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็โบกมือมาทางมู่เฉินและสวี่ซูหาน
“…ฉันคิดไปเอง หรือว่าซย่าจื้อในตอนนี้เหมือนฆาตกรโรคจิตจริงๆ?” มู่เฉินเองก็ยกมือโบกกลับให้เขา แต่ปากกลับถามขึ้นอย่างนี้
สวี่ซูหานนิ่งไป จากนั้นก็พยักหน้า
พอศพถูกลากเข้ามาใกล้ๆ มู่เฉินก็สติกระเจิงไปทันที
“เฮ้ยยยย! นี่มันซอมบี้ที่ฉันไล่ตามไปนี่นา! ฉันก็ว่าอยู่แล้วเชียวว่าทำไมไม่เจอ ที่แท้นายก็ตามหาเจอแล้วนี่เอง!” มู่เฉินพูดอย่างแปลกใจ
ตอนนั้น หลังจากที่เขาเห็นเงาที่อยู่หลังป้ายโฆษณา เขาก็ตามไปด้วยตัวคนเดียว แต่เขากลับมองเห็นแต่เงาครั้งแล้วครั้งเล่า จนคลาดกันไปในที่สุด
ส่วนสถานการณ์ฝั่งซย่าจื้อนั้นหลังจากที่เขาโบกไม้โบกมือทำภาษามืออยู่ชุดใหญ่ ก็มีสวี่ซูหานเป็นผู้ “แปล” ว่า “เขาถูกโปสเตอร์ขยับได้ดึงดูดความสนใจ โปสเตอร์พวกนั้นขยับแผ่นแล้วแผ่นเล่า จากนั้นก็เขาก็เจอซอมบี้ตัวนี้อยู่ตรงทางหนีฉุกเฉิน…”
“น่าแปลลก ฉันนึกว่าซอมบี้ตัวนี้จะเข้ามาลอบโจมตีซะอีก ทำไมมันถึงได้วิ่งไปที่ทางหนีฉุกเฉินได้ล่ะ?” มู่เฉินจับคางพลางขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนคนคิดหนัก
ซย่าจื้อและสวี่ซูหานจ้องศพ แล้วก็พากันส่ายหน้าตาม
“ช่างเถอะ พวกหลิงม่อล่ะ?” มู่เฉินถามขึ้นอีกครั้ง
สวี่ซูหานส่ายหน้าช้าๆ เป็นการบอกว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“อะไรกัน พวกนั้นก็หายไปเหมือนกันหรอ?” มู่เฉินทำตาโต “รีบตามหาเถอะ ถ้าพวกนั้นหายตัวไป อ้ายเฟิงต้องเอาเรื่องฉันแน่ๆ!”
—————————————————————————–