บทที่ 606 อุณหภูมิของเลือด
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เร็วเข้าๆ!”
หลิงม่อเอ่ยปากเร่ง พลางผลักประตูสีดำทึบบานใหญ่ที่ขวางอยู่ด้านหน้าออก
แอ๊ด!
ทันทีที่ประตูเปิดออก อากาศเย็นๆ ก็หลั่งไหลเข้ามา
“ฟืดด!”
หลิงม่อสูดหายใจลึกๆ ทันที ทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นไม่น้อย ระบบระบายอากาศของที่นี่ไม่เลวเหมือนกัน อย่างน้อยก็ดีกว่าลานจอดรถเมื่อกี้หลายเท่า ถ้าหากต้องอยู่ในนั้นไปอีกซักนาทีเดียว หลิงม่อสงสัยว่าทางเดินหายใจของเขาจะเกิดปัญหาหรือเปล่า…
เขาใช้ไฟฉายส่องไปทั่วรอบหนึ่ง จากนั้นก็เลือกทางเดินเส้นหนึ่งจากทางเดินมากมายที่เชื่อมกันไปเชื่อมกันมาอยู่ตรงหน้า “ไปทางนี้กัน”
“ซอมบี้พวกนั้นใกล้จะตามมาทันแล้ว แถมยังมีจำนวนมากแล้วด้วย” ซย่าน่าเหลือบมองไปข้างหลังแวบหนึ่ง แล้วบอก
“ไม่เป็นไร ประสิทธิภาพในการสกัดกั้นพลังของที่นี่เริ่มอ่อนลงแล้ว ถึงแม้จะมีซอมบี้สมองดีอย่างนั้นโผล่มาอีก ก็จัดการได้สบายแล้ว” หลิงม่อเดินหน้าต่อไป พลางยกมือขึ้นดันราวแขวนเสื้อผ้าที่ขวางอยู่ให้พ้นทาง
แต่ราวแขวนเสื้อผ้านี้เก่ามากแล้ว แค่ผลักเบาๆ ข้อต่อส่วนล่างก็หลุดออกจากกันทันที “เคร้งคร้างๆ” มันล้มลงไปบนกองเสื้อผ้าที่เก่าเหมือนผ้าขี้ริ้วบนพื้นข้างๆ
วัตถุสีขาวด้านโผล่ออกมาจากกองเศษผ้ากองนั้น หลิงม่อส่องไฟฉายไป สายตาสบเข้ากับเบ้าตากลวงโบ๋คู่นั้นพอดี
“ที่นี่ก็มีศพเหมือนกัน…” หลิงม่อหนังศีรษะตึงชา
“สถานที่แบบนี้เมื่อก่อนคงจะคึกคักมาก มีศพก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่างพี่ก็เห็นมาไม่ใช่น้อยๆ แล้ว…” ซย่าน่าส่ายหัวไปมา เธอก้าวขากว้างๆ ข้ามไป พลางพูดขึ้น
หลิงม่อตั้งสติ และเดิมอ้อมตามไป ปากก็พูดไปว่า “ก็ฉันคิดว่าที่นี่ยังไม่เปิดทำการนี่ อีกอย่าง…ฉันเคยเห็นมามากก็จริง แต่ทุกครั้งที่เห็น ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่”
“ทำไมล่ะ?” หลี่ย่าหลินที่เดินตามอยู่ข้างหลังถาม
“เห็นพวกเดียวกันตายแล้วสะเทือนใจล่ะมั้ง ฉันมักจะคิดไปว่าญาติและเพื่อนๆ กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้วหรือเปล่า…” หลิงม่อพูดเสียงเบา
“แต่พี่ก็ฆ่าคนไม่ใช่หรอ? มนุษย์เมื่อเห็นศัตรูล้ม ก็คงรู้สึกดีเหมือนกันใช่หรือเปล่าล่ะ?” ซย่าน่าไล่จี้อย่างไม่ลดละ
หลิงม่อนิ่งไป จากนั้นก็หัวเราะหยันๆ “ใช่ เพราะฉะนั้นมนุษย์ถึงได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนไงล่ะ”
“มีทั้งด้านเห็นอกเห็นใจ และด้านเลือดเย็นหรอ? ซับซ้อนอย่างว่าจริงๆ นั่นแหละ” ซย่าน่าบอก
หลิงม่อไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไรดี นี่ก็คือมนุษย์ในสายตาของซอมบี้…
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ หลิงม่อก็รู้สึกเหมือนแขนเสื้อถูกกระตุกครั้งหนึ่ง
。
เขาหันกลับไปมอง ท่ามกลางความมืด ดวงตาของเย่เลี่ยนกำลังทอประกายสีแดงอ่อนๆ แต่มันไม่ได้แฝงแววกระหายเลือด กลับดูลึกลับน่าค้นหาเสียมากกว่า
เธอกระพริบตาปริบๆ ราวกับกำลังพิจารณาดูหลิงม่ออย่างละเอียด
“เป็นอะไรไป?” หลิงม่อถามเสียงอ่อนโยน
“ พี่หลิง พี่น่ะ…” เย่เลี่ยนยังคงพูดตะกุกตะกักอยู่ แต่แต่ละคำที่พูดออกมากลับชัดถ้อยชัดคำ “เป็นอย่างนี้…ก็ดีแล้ว”
“อืม” หลิงม่ออดยิ้มออกมาไม่ได้
คำพูดนี้ ทำไมฟังดูคุ้นๆ นะ?
“อ๊ะ ใช่แล้ว” จู่ๆ ซย่าน่าก้ช็หันกลับมา “ระวังอย่างเหยียบ…”
“แกร๊ก…”
หลิงม่อชะงักราวกับถูกคาถาสะกดนิ่งเข้า รวมทั้งสีหน้าก็ค้างเติ่งไปด้วย
“ศพ…” ซย่าน่าโบกมือไม้ไปมาเหมือนจะบอกว่าตัวเองไม่ผิด
“ขอบใจ…ที่บอก…” หลิงม่อเค้นคำพูดลอดไรฟัน
ซอมบี้ที่ตามพวกเขาออกมาจากลานจอดรถใต้ดินเมื่อกี้มีสิบกว่าตัว ซอมบี้กลายร่างมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะเอาไปทิ้งไว้ตรงไหนก็เป็นปัญหาทั้งนั้น
แต่โชคดีที่หลายตัวในกลุ่มพวกมันเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งออกมาจากเตาอบมาสดๆ ร้อนๆ พวกนั้นไม่เพียงไม่ชินดับร่างกายตัวเอง แต่ระดับวิวัฒนาการก็ยังไม่สูงด้วย
ซอมบี้พวกนี้คือจำนวนทั้งหมดที่เหลืออยู่ในโรงงานซอมบี้ ต้องขอบคุณซย่าน่า ที่ทำให้เจ้าซอมบี้ทารกในมือเธอกรีดร้องได้อย่างเต็มเสียง…
“อย่าเพิ่งรีบออกไป พาพวกมันเดินวนที่นี่รอบหนึ่ง อ้อ ใช่สิ รุ่นพี่รีบไปหาของพวกนั้นเร็วเข้า ของที่เมื่อกี้ผมเพิ่งบอกพี่ไปน่ะ”
“อื้ม!” หลี่ย่าหลินตอบรับอย่างแข็งขัน จากนั้นก็โฉบร่างหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
“พวกมันตามมาแล้ว!” ซย่าน่าร้องบอกเสียงเบา
เสียงกระแทกประตูใหญ่ดังมาจากด้านหลัง ขณะเดียวกันก็มีเสียงคำรามและเสียงร้องไม่เป็นภาษาของซอมบี้ดังขึ้นพร้อมกัน
“ไป!”
หลิงม่อดึงกระเป๋าสะพายบนแผ่นหลังให้กระชับ ยื่นมือออกไปจับมือเย่เลี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็เริ่มออกวิ่งท่ามกลางความมืดมิด
แสงเลือนรางของไฟฉายส่องออกไปข้างหน้าได้ไม่ไกลนัก หลิงม่อก็ไม่ได้วิ่งเร็วเท่าไหร่
เย่เลี่ยนที่ถูกลากให้วิ่งตามเงยหน้ามองหลิงม่อ จู่ๆ เธอก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
ถูกซอมบี้พวกนั้นไล่ล่า แต่ทำไมเขาถึงยิ้มมุมปากแปลกๆ อย่างนั้นล่ะ? มนุษย์กลัวอันตรายและความตายมากไม่ใช่หรอ?
จะว่าไปแล้ว น้อยครั้งมากที่จะเห็นเขาโกรธเพราะชีวิตที่ลำบาก แล้วก็ไม่เคยเห็นเขาบ่นอะไรเลยด้วย…
แม้แต่ตอนที่เขาด่าใคร ในแววตาก็มักแฝงไปด้วยรอยยิ้ม…
“มนุษย์…ช่างน่าแปลก” ในสมองของเย่เลี่ยนพลันมีคำนี้ผุดขึ้นมา
ทันใดนั้นภาพภาพหนึ่งก็แล่นผ่านสมองเธอรางๆ…
เหมือนกับว่า พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว?
ถึงแม้ตอนที่เธอนึกย้อนไปถึงความทรงจำเหล่านั้น เธอมักไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วคลื่นดวงจิตของเธอก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอชอบที่จะนึกถึงมันมาก
………..
ตอนนั้น คนคนนี้มักมีแต่หนวดเคราสั้นๆ เต็มหน้า ดวงตาแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือดอยู่เสมอ เมื่อไหร่ที่เปิดประตู จะต้องเห็นเขาคาบบุหรี่ไว้ในปากในสภาพอดโรยสุดขีดทุกครั้ง
แต่วินาทีที่เขาเห็นเธอ รอยยิ้มผ่อนคลายและโล่งใจจะปรากฏอยู่บนหน้าเขาทันที
“เอาของอร่อยอะไรมาให้ฉันกันล่ะ?” มือใหญ่ๆ ข้างนั้นมักยื่นออกมา และสัมผัสเส้นผมนุ่มลื่นเป็นระเบียบของเธอเบาๆ
“พี่กินบะหมี่สำเร็จรูปอีกแล้วหรอ? บอกกี่ครั้งแล้ว มันไม่ดีต่อกระเพาะนะ พี่ทำกับข้าวให้ตัวเองกินบ้างไม่ได้หรอ?” เธอปัดมือเขาออก แล้วเริ่มบ่น
“ฉันทำอร่อยสู้เธอไม่ได้นี่นา”
“ฉันก็ต้องเข้าเรียนนะ มาหาพี่ได้แค่วันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นแหละ!” เธอบ่นกระปอดกระแปด พลางเดินเข้าไปในห้อง
“ฉันทำแล้วนะ” เด็กหนุ่มเดินตามหลังเธอเข้าไปในห้อง ไม่ต้องดูเธอก็รู้ ว่าเขากำลังน้ำสายสอและจ้องกล่องข้าวในมือเธออยู่
“ทำอะไร?” เธอเก็บชุดน้ำชาที่วางระเกะระกะบนโต๊ะให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเอาผ้าคลุมโซฟาโยนเข้าไปในเครื่องซักผ้า
“ต้มหมี่…”
“ลวกหมี่เหอะ?”
“ใส่ผักเพิ่มด้วยนา”
เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปมองเขา บอกว่า “พี่เป็นแบบนี้ตลอด…”
“ยังไงก็มีเธอคอยดูแลอยู่นี่นา คุณป้าแม่บ้าน” เขาหัวเราะ
“ฉันแก่ขนาดนั้นที่ไหนกัน!” เธอทำทีเป็นโมโห “อีกอย่างฉันดูแลพี่ไปตลอดไม่ได้หรอกนะ!”
“อ้าวๆๆ ไม่ได้นะ เธอรับปากฉันแล้วว่าจะดูแลกันไปลอดชีวิตน่ะ” เขาพูดอย่างไม่อายปาก
“พี่นี่มัน…เจ้าเล่ห์นักนะ! ช่างเถอะ พี่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว อย่าดื้อไปมากกว่านี้ล่ะ…”
………..
ตอนนั้น เขาก็ดูเหมือนผ่อนคลายมาโดยตลอด…
เย่เลี่ยนนึกย้อนไปถึงความทรงจำอีกส่วนหนึ่ง ความทรงจำเหล่านี้เป็นส่วนที่เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ทีละเล็กละน้อยในช่วงที่ผ่านมา แต่เธอยังไม่เคยบอกใครซักคน
น่าจะเป็น…ความทรงจำตอนที่เธอเพิ่งจะเริ่มมีความสามารถในการจดจำ…
เธอรู้สึกว่าตัวเองสะลึมสะลือมาก บางครั้งก็เหมือนจำอะไรบางอย่างได้ แต่บางครั้งก็เหมือนไม่รับรู้อะไรเลย
แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามแต่ ขอเพียงเธอลืมตาขึ้น ด้านหลังม่านตาสีแดงเลือดของเธอ มักมีใบหน้าของเขาปรากฏอยู่เสมอ
อยากฉีกทึ้งและกัด อยากเห็นเลือดพุ่งออกมาจากลำคอของเขา อยากควักเครื่องในของเขาออกมา…
หิวเหลือเกิน…กระหายเหลือเกิน…
แต่…ทำไมถึงขยับไม่ได้ล่ะ?!
อยากขยับมือ แต่กลับควบคุมตัวเองไม่ได้…
ทรมานมาก!
“อื้อ อื้อ…” เธอพยายามขัดขืนสุดแรง จ้องมนุษย์ตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เย่เลี่ยน อย่าขยับนะ เดี๋ยวฉันเช็ดหน้าให้” มนุษย์คนนั้นค่อยๆ ขยับเข้ามาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าในมือ
“กรร!” ความรู้สึกกระวนกระวายอย่างรุนแรงทำให้เย่เลี่ยนคลั่งขึ้นมา แต่เธอทำได้เพียงมองดูอีกฝ่ายค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ตัวเอง
กลิ่นอายที่ทำให้เธอหิวกระหาย ลอยเข้ามาจมูกไม่หยุด กระทั่งลอยมากระทบดวงหน้า และลำคออันแห้งผากของเธอ
“เย่เลี่ยนของพี่สวยที่สุดจริงๆ แต่เปื้อนเลือดอย่างนี้ไม่ค่อยดีเลยนะ…อ๊ะๆ อย่าดิ้นสิ เธอทำอย่างนี้ฉันปวดหัวมากนะ…”
น่ารำคาญ…เสียงดังน่ารำคาญ…
แต่มือของเขาแผ่วเบามาก สายตาก็อ่อนโยนมากเหมือนกัน…
ทำไม? ทั้งๆ ที่เป็นเหยื่อ…
ฝ่ามือของเขาสัมผัสถูกใบหน้าของเธอเป้นครั้งคราว อุณหภูมิที่ทำให้เธอกระวนกระวายแล่นปราดผ่านสัมผัสนั้น…
………..
“ใช่แล้ว นี่คืออุณหภูมิของมนุษย์”
เย่เลี่ยนดึงสติกลับมายังห้างฯ ใต้ดินแห่งนี้ และในทางเดินเส้นนี้
เธอยังคงมองมือตัวเองที่ถูกหลิงม่อกุมไว้แน่น ในดวงตาเลื่อนลอยพลันฉายแววผิดปกติไปเล็กน้อย
“อุณหภูมิร่างกาย…” เธอขยับนิ้วเล็กน้อย แล้วพลิกมือกลับไปกุมมือหลิงม่อตอบอย่างช้าๆ และนุ่มนวล
ท่ามกลางแสงสว่างอันน้อยนิด หลิงม่อยังคงออกวิ่งต่อไป เขาไม่ทันสังเกตเห็นหรือรับรู้ถึงการกระทำเล็กๆ ของเย่เลี่ยน
ทว่าเขารู้สึกได้ว่ามือของตัวเองเย็นกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่ปล่อยมือ กลับจับแน่นยิ่งกว่าเดิม
“อุณหภูมิของมนุษย์…สบายจังเลย” เย่เลี่ยนขยับปากเบาๆ นับตั้งแต่กลายร่างเป็นซอมบี้ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธออยากจะลองยิ้มผ่อนคลายเลียนแบบมนุษย์คนนี้ดูสักครั้ง
ในความมืด รอยยิ้มของเธอดูไม่ค่อยเข้ากันนัก แต่สายตาของเธอกลับอ่อนโยนยิ่งกว่าเวลาไหนๆ…
จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่า สำหรับซอมบี้ผู้กระหายเลือดและเย็นชา บางทีอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์…ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใน หรืออุณหภูมิของเลือด อาจเป็นสิ่งที่ดึงดูดพวกเธอจริงๆ ก็ได้
ซอมบี้สูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป แต่กลับกำลังหันกลับมาไล่ตามสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง…
“พี่หลิง” เย่เลี่ยนเรียกเขา
“หื้ม?” เย่เลี่ยนถามโดยไม่หันมามอง
เหล่าซอมบี้กำลังวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ เสียง “โครมคราม” ดังไล่หลังมาเป็นระยะๆ
ทว่าในสภาพแวดล้อมอันซับซ้อนอย่างนี้ พวกมันไม่มีทางตามทันในเร็วๆ นี้แน่นอน
“ตอนนี้พี่…กำลังดูแล…ฉันใช่ไหม?” เย่เลี่ยนถามเสียงเบา
“ห๊ะ? ทำไมจู่ๆ ก็ถามอย่างนี้ล่ะ? ก็ไม่ถือว่าดูแลหรอกนะ…” หลิงม่อกระชับมือเย่เลี่ยน แล้วพาเธอวิ่งผ่านทางเลี้ยวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดอย่างเหนื่อยหอบเล็กน้อย “ไม่มีพวกเธอฉันก็คงไม่รอดมาจนถึงตอนนี้ อีกอย่าง พอวิวัฒนาการของพวกเธอสูงขึ้น พวกเธอก็คงไม่ต้องการให้ฉันดูแลแล้วมั้ง? ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าเองก็เป็นแล้ว โดยเฉพาะเสื้อชั้นในน่ะ!”
ประโยคสุดท้ายของเขาแฝงแววบ่นอย่างไม่พอใจชัดเจน…
“พวก…พวกฉัน…ดูแล…” เย่เลี่ยนพูดตะกุกตะกัก
ขณะที่เธอกำลังพูด เสียงโครมครามก็ดังขึ้นจากข้างหลังอีกครั้ง ไม่นานชั้นกระจกขนาดใหญ่ก็ล้มลงมาในจุดที่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงสิบเมตร
“เชี่ยย!”
หลิงม่อดึงตัวเย่เลี่ยนเข้ามาในอ้อมกอดโดยอัตโนมัติ ตาข่ายหนวดสัมผัสทางจิตพลันกางออกอย่างรวดเร็ว
เศษกระจกชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยมากระทบตาข่ายหนวดสัมผัส พร้อมกับถูกดีดลอยกลับไปอย่างต่อเนื่อง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลิงม่อหายใจแรงจนอกกว้างกระเพื่อมขึ้นลง เขาขมวดคิ้วถาม “อ้อ ใช่สิ เมื่อกี้เธอพูดว่าไงนะ?”
เย่เลี่ยนเงยหน้าขึ้นมาในอ้อมกอดของหลิงม่อ แล้วส่ายหน้าเบาๆ “เปล่า…ฉันบอกว่า พวกฉันดูแลพี่ได้นะ”
“เอ๋? เป็นเด็กดีแล้วสินะ ฮิฮิ แต่เชื่อฟังฉันก็เท่ากับเป็นการดูแลฉันแล้ว…” หลิงม่อยิ้มประหลาด
เสียงซย่าน่าดังมาจากข้างหน้า “พี่หลิง?”
“หื้ม?”
“พี่รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเศษกระจกไม่ระคายผิวพวกฉัน?”
“…ฮ่าฮ่าฮ่า ก็ฉันทำไปตามสัญชาตญาณนี่นา”
—————————————————————————–