บทที่ 672 แข่งฝีปากกับมนุษย์ ไม่เท่ากับรนหาที่?
โดย
Ink Stone_Fantasy
แค่เห็นดวงตาคู่นั้น ก็สามารถมั่นใจได้แล้วว่าสิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาในตอนนี้ ก็คือสัตว์ประหลาดในร่างคนที่ถูกกองทัพอากาศบันทึกไว้ในเอกสาร โดยถูกตั้งชื่อชั่วคราวว่า “ซอมบี้ระดับความแกร่งสูงสุด” นั่นเอง
เวลานี้พอมองผ่านกระจก สิ่งที่หลิงม่อเห็นมีเพียงดวงตาคู่เดียว
และเงาร่างที่ดูเหมือนไม่ได้สูงมากนักก็กำลังหันหลังให้กับแสง ทำให้ร่างกายถูกปกคลุมอยู่ในความมืด
ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยนะ?
หลายชั่วโมงก่อนหน้านั้นพวกเขาเอะอะโวยวายใหญ่โต ก็ไม่เห็นว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะถูกดึงดูดมา แต่ตอนนี้กลับวิ่งมาถึงนี้อย่างเหนือความคาดหมาย…
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพลัง แค่ความสามารถที่หลบเลี่ยงพลังจิตสำรวจของหลิงม่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็มากพอที่จะทำให้หลิงม่อระแวดระวังหมื่นส่วนแล้ว
สัตว์ประหลาดนั่นแค่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่กลับสามารถไร้ตัวตนได้เหมือนตอนที่ซอมบี้ตัวอื่นใช้พลังอำพรางกายอย่างไรอย่างนั้น
และสถานการณ์อย่างนี้ หลิงม่อเพิ่งเคยเจอครั้งแรก
“ไปสิ!”
หลิงม่อพยายามส่งสายตาให้เย่เลี่ยน
ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุด ก็คือให้เขาเป็นคนถ่วงเวลา และให้เย่เลี่ยนพาพวกซย่าน่าหนีไป
สู้ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที แต่ความมั่นใจในการเอาชีวิตรอดหลิงม่อยังพอมีอยู่
หากเป็นเมื่อก่อน เย่เลี่ยนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในเวลาแบบนี้
แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ได้สร้างแรงกดดันให้เธออย่างใหญ่หลวงเหมือนกัน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงลังเล
ในระหว่างนี้ สัตว์ประหลาดตัวนั้นยังคงจ้องมองมายังหลิงม่ออย่างสงสัย และไม่ขยับเขยื้อนซักนิด ราวกับไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใดๆ
“มองจนติดใจรึไง…”
หลิงม่อกำหมัดแน่น แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงเหงื่อที่เปียกชุ่มฝ่ามือ
และในที่สุดเย่เลี่ยนก็เริ่มขยับแล้ว เธอโฉบกาย แล้วพุ่งไปยังบานประตูที่ใกล้ที่สุด
ขณะเดียวกัน เงาร่างในกระจก ก็หายไปพร้อมกัน!
โครม!
เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น หลิงม่อก็ร้องครางออกมา
เขารู้สึกเหมือนถูกไม้เบสบอลฟาดหัวเข้าอย่างจัง ไม่เพียงเจ็บมาก แต่ยังมีเสียง “วิ้งๆๆๆ” ดังอยู่ในหูด้วย สายตาก็พร่ามัวไปทันที
ถึงแม้ว่าสีหน้าจะย่ำแย่ไปทันที แต่หลิงม่อก็ยังรีบหันหลังกลับไป
ตอนนี้ในจุดที่ห่างจากตัวเขาไม่ถึง 30 เมตร เงาร่างเลือนรางนั่น กำลังยืนอยู่ตรงนั้น
มองแวบแรก ทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันโดยมีอากาศคั่นกลางเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่หลิงม่อเห็นใน “ดวงตา” อีกคู่ กลับเป็นภาพที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ตาข่ายสีเลือดซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยหนวดสัมผัสมากมายตรงหน้าเขากำลังสลายหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นาน หนวดสัมผัสอีกหลายเส้นก็พุ่งออกมาจากดวงแสงแห่งจิตของเขา พุ่งเข้าไปเติมเต็มส่วนที่เสียหายด้วยความเร็วที่เท่ากัน
ดวงตาสีดำลึกล้ำคู่หนึ่ง และดวงตาสีม่วงน่าหลงใหลคู่หนึ่ง ถูกคั่นกลางด้วยกลุ่มพลังงานทางจิตขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนม่านหมอกสีแดง
สัตว์ประหลาดตาม่วงถูกต้านทาน แต่ร่างกายยังคงยืดตรงเหมือนแท่งดินสอ ในสายตาพร่าเลือนของหลิงม่อ เขามองเห็นเพียงผมยาวยุ่งเหยิงสยายอยู่ด้านหลังสัตว์ประหลาดตัวนี้
แต่ดวงตาสีม่วงคู่นั้น เขากลับมองเห็นมันอย่างชัดเจน…
“ปึง!”
ตอนนี้เย่เลี่ยนได้ถีบประตูบานหนึ่งออกแล้ว และเข้าไปคว้าตัวหลี่ย่าหลินซึ่งกำลังโฉบเฉี่ยวร่างไปมาไม่หยุดอยู่ในห้องแคบๆ นั้นให้ออกมา
ตอนนี้หลี่ย่าหลินกำลังอยู่ในสภาวะสัญชาตญาณถูกปลุกตื่น ม่านตาสีแดงคู่นั้น ตอนนี้ดูเหมือนดวงตาของงูไปแล้วจริงๆ ไม่เพียงมีประกายเหลืองอำพัน ตรงกลางก็ยังเป็นสีเดียวกันอีกด้วย
การแบ่งสัดส่วนอย่างนี้ ดูประหลาดมาก
และความเร็วในการเคลื่อนไหวของเธอเมื่อกี้ ก็ยังเร็วกว่าปกติถึง 1 – 2 ส่วน ถ้าหากไม่ใช่ว่าดวงตาของเย่เลี่ยนผ่านการกลายพันธุ์มาแล้ว บวกกับขนาดห้องก็เล็กจนน่าสงสาร ไม่แน่เธออาจคว้าตัวหลี่ย่าหลินไว้ไม่ได้
ขณะที่เย่เลี่ยนคว้าตัวเธอ การวิวัฒนาการของหลี่ย่าหลินก็ใกล้จะจบแล้ว
เห็นได้ชัดว่า เธอก้าวข้ามไม่สำเร็จ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ ร่างกายเธอก็มีจุดที่มีพัฒนาการอยู่เหมือนกัน
ทว่าตอนนี้หลิงม่อกลับไม่มีเวลาหันไปดู เขาไม่มีแม้กระทั่งเวลายกมือขึ้นปาดเหงื่อด้วยซ้ำ
ในที่สุดสายตาของสัตว์ประหลาดตาม่วงก็มองผ่านหลิงม่อไปยังหลี่ย่าหลินและเย่เลี่ยน
“อึกอึก…”
หลังเปล่งเสียงหัวเราะอันน่าสยองออกมา สัตว์ประหลาดตาม่วงก็เปล่งเสียงพูดที่ฟังเข้าใจยากออกมาว่า “น่าสนใจ…น่าสนใจมาก”
“เพื่อนตัวน้อยที่เพิ่งวิวัฒนาการสำเร็จว่าน่าสนใจแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะยังมีเผ่าพันธุ์เดียวกันประเภทนี้อยู่ด้วย หรือเรียกว่ากึ่งเผ่าพันธุ์เดียวกัน?”
เสียงของสัตว์ประหลาดตาม่วงแหบแห้งฟังยาก ไม่แน่ใจว่าเป็นหญิงหรือชาย แต่ท่ามกลางภาพเลือนรางกลับเผยให้เห็นฟันที่ขาวจนแทบจะส่องประกาย
เห็นได้ชัดว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังหัวเราะ
แต่เพราะภาพที่เห็นนี้ กลับทำให้หลิงม่อรู้สึกขนลุกแทบจะทั้งตัวแล้ว
น่าสนใจกับผีสิวะ!
คำพูดน่ากลัวขนาดนี้ไม่เห็นจะน่าดีใจเลย!
“แต่ว่า…”
สัตว์ประหลาดตาฟ้ากำลังจะพูดต่อ แต่เย่เลี่ยนกลับถีบประตูอีกหนึ่งบานออก
ซย่าน่าถูกลากออกมาจากห้อง ทว่าตอนนี้คนที่กำลังควบคุมร่างหลัก กลับไม่ใช่ทั้งเฮยน่า และไม่ใช่ร่างดวงจิตน่าน่าด้วย
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ซย่าน่าที่สมบูรณ์แบบแล้ว แต่มีบางจุดที่แตกต่างไปจากเดิม
ดวงตา! เป็นดวงตา!
ดวงตาของซย่าน่าในตอนนี้ ข้างหนึ่งเป็นสีดำ อีกข้างหนึ่งเป็นสีแดง
ตาดำนั้นดูเจ้าเล่ห์ เย็นชา ส่วนตาแดงกลับดูเรียบเฉย และมั่นคง
เหมือนสไตล์ของทั้งสองถูกสับเปลี่ยน แต่กลับเป็นเพราะการสลับสับเปลี่ยนนี้ที่ทำให้รู้สึกน่าดึงดูด
สถานการณ์ของซย่าน่าคล้ายกับหลี่ย่าหลิน และเธอก็ดึงดูดความสนใจของสัตว์ประหลาดตาม่วงเหมือนกัน
สัตว์ประหลาดตัวนั้นเอียงคอทันที รอยยิ้มมุมปากก็ยิ่งดูชัดเจนกว่าเดิม
แต่มุมปากที่แข็งกระด้าง และฟันที่ขาวจนน่ากลัวนั่น กลับดูน่าสยดสยองมากกว่า
“เดี๋ยวนะ…”
ทันใดนั้นหลิงม่อก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติยางอย่าง สัตว์ประหลาดตัวนี้คงไม่ได้กำลังรอให้เย่เลี่ยนพาเหล่าซอมบี้สาวออกมาจนครบทุกตัวหรอกนะ?
ลากออกมาให้มันสังเกต?
ความรู้สึกอย่างนี้มัน…ทำไมเหมือนสั่งอาหารอยู่ในร้านอาหารเลยล่ะ!
ยิ่งความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลิงม่อก็รู้สึกว่าตัวเองจะรอต่อไปไม่ได้แล้ว
เขากำหมัดแน่นทันที แล้วพลันรวบรวมพลังจิตภายในพริบตา
ทันใดนั้น หนวดสัมผัสหลายสิบเส้นก็แยกตัวออกมาจากตาข่ายหนวดสัมผัสที่กางขวางอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็พุ่งเข้าไปทางสัตว์ประหลาดตาม่วง
นอกจากนี้ ก็ยังมีหนวดสัมผัสอีกหลายสิบเส้นที่เลื้อยตามพื้นไปยังเท้าของสัตว์ประหลาดตาม่วง
การลอบโจมตีนี้ของเขาไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า สัตว์ประหลาดตาม่วงเองก็เหมือนจะไม่มีพลังจิตสัมผัสรู้
จนกระทั่งตอนที่หนวดสัมผัสใกล้สัมผัสถูกสัตว์ประหลาดตาม่วง หลิงม่อจึงค่อยเปิดเผยรังสีอำมหิตของตัวเอง
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำน่ะมันยาก
การโจมตีของหนวดสัมผัสนั้นใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาทีนี้ เขาต้องควบคุมให้ตัวเองอยู่ในสภาวะสงบนิ่ง จากนั้นก็ค่อยระเบิดออกมาในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย
หลิงม่อทำอย่างนี้ได้เพราะการฝึกซ้อมล้วนๆ
“มนุษย์?”
สัตว์ประหลาดตาม่วงตอบสนองเร็วดังคาด ในขณะที่หนวดสัมผัสหลายเส้นกำลังกลายสภาพเป็นสสาร มันก็สัมผัสได้แล้ว
สัตว์ประหลาดตัวนี้โฉบร่าง ถอยไปข้างหลังหลายเมตรโดยที่เท้าทั้งสองข้างของมันเหมือนไม่ได้ยกสูงจากพื้นเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างที่ถอยหลังด้วยความเร็วสูง ร่างกายของสัตว์ประหลาดตาม่วงยังโยกไปโยกมาได้ด้วย!
การซิกแซ็กหลบเป็นรูป Z สำหรับหลิงม่อถือว่ารับมือได้ยากมาก
ถ้าหากอีกฝ่ายเคลื่อนไหวช้าจะไม่ว่าเลย เพราะด้วยพลังตอบสนองทางจิตของเขาต้องตามทันแน่
แต่สัตว์ประหลาดตัวที่อยู่ตรงหน้านี้เร็วเกินไปแล้ว!
“เล่นอย่างนี้ใช่ไหม!”
หลิงม่อเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ถึงม้เขาจะยืนอยู่กับที่ไม่ไหวติง แต่ดวงจิตของเขากลับไม่ได้ว่างงานอยู่
ด้านหนึ่งเขาใช้พลังจิตสำรวจตรวจจับวิถีเคลื่อนไหวของดวงแสงแห่งจิตของมัน ในอีกด้านก็พยายามควบคุมให้หนวดสัมผัสพุ่งตามไปให้ทัน แต่กลับพลาดเป้าทุกครั้ง
หลิงม่อไม่ได้รู้สึกพ่ายแพ้อย่างนี้มานานแล้ว แถมอีกฝ่ายก็ดูเหมือนกำลังจงใจใช้วิธีนี้โฉบเฉี่ยวไปมาอยู่บริเวณเดิม
หนวดสัมผัสนับร้อยพุ่งออกไปแล้ว แต่กลับแตะต้องไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นขนของสัตว์ประหลาดตาม่วง!
หลิงม่อที่จิตใจร้อนรุ่มพึมพำในใจไม่หยุด “เร็วอีกหน่อย! เร็วอีก!”
ความจริงการมองเห็นด้วยตาเปล่าของเขาแทบไม่ได้ผลแล้ว ตอนนี้อย่าว่าแต่จับวิถีเคลื่อนไหวเลย แม้แต่เงาร่างของมันก็ยังเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำ
เหมือนดวงตาถูกม่ายบางอย่างเคลือบทับหนึ่งชั้น สิ่งที่มองเห็นได้ก็มีเพียงเงาวูบวาบที่ทับซ้อนกันมากมาย
ถ้าไม่ใช่ว่าพลังจิตยังถือว่าแข็งแกร่ง หลิงม่อเดาว่าหากอีกฝ่ายพุ่งเฉี่ยวหน้าเขาไป ตัวเองก็คงจะนึกว่าแมลงวันบินผ่านเท่านั้น
ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้!
“เป็นแค่มนุษย์ แต่กล้าลงมือ…”
เสียงแหบแห้งนั่นลอยมากระทบหูหลิงม่อ
“ก็มากัดฉันเซ่!” หลิงม่อได้ยินก็เดือดดาล จึงตอกกลับทันที
พอรู้สึกว่าหลิงม่อ “จับ” ตัวเองไม่ได้ ซอมบี้ตาม่วงตัวนี้กลับจงใจลดความเร็วลงเล็กน้อย
การต้องรักษาความเร็วสูงอยู่ตลอดเวลา ก็เป็นเรื่องที่กดดันสำหรับสัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนกัน
ทว่าคำว่า “ลดความเร็ว” ก็แค่พูดไปอย่างนั้น ถึงจะช้าลง แต่ก็ยังเร็วกว่าซอมบี้ระดับสูงหลายเท่า แม้แต่เทียบกับหลี่ย่าหลินก็ยังถือว่าเหนือกว่าหนึ่งขั้น
ความสามารถพิเศษหลักของหลี่ย่าหลินคือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว แต่ซอมบี้ตัวนี้…
ตอนนี้หลิงม่อเห็นชัดแล้ว ขาคู่นั้นเหมือนติดตั้งสปริงไว้ มันก้าวเล็กๆ และวิ่งได้เร็วมาก!
หลังถูกหลิงม่อตอกกลับ มันกลับเถียงไม่ออกไปชั่วขณะ
แข่งฝีปากกับมนุษย์ ไม่เท่ากับรนหาที่หรอ?
ปรากฏว่าหลังจากเงียบไปนาน สัตว์ประหลาดตาม่วงก็เค้นเสียงพูดว่า “เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง…”
“เพิ่มมาแค่สองคำจะมีประโยชน์อะไรวะ!”
ฉวยโอกาสขณะที่อีกผ่ายไขว้เขว สายตาของหลิงม่อกลับเฉียบคมขึ้นในชั่วพริบตา
—————————————————————————–