ตอนที่ 52 หลวงจีนฆ่าไม่ตาย
ฟางเจิ้ง “โยม เดินช้าแบบนี้เดี๋ยวจะต้องเสียใจนะ”
“เดินเร็วต่างหากที่จะเสียใจ! อย่าพูดมาก เดินช้าหน่อย!” หานเซี่ยวกั๋วตอบ
ฟางเจิ้งส่ายหน้าอย่างจำใจ เดินมาถึงหลังลาน มาถึงหน้าประตูห้องครัว ทว่า หานเซี่ยวกั๋วก็แทบจะร้องไห้…
“ข้าวฉันล่ะ? เมื่อกี้ในหม้อยังมีข้าวอยู่อีกหน่อยนี่?” หานเซี่ยวกั๋วชี้หม้อข้าวว่างเปล่า
ฟางเจิ้งถอนหายใจ “ก็บอกแล้วว่าโยมจะเสียใจใช่ไหม หมากินข้าวที่เหลือไปแล้วล่ะ”
“หมา? อยู่ไหน?” หานเซี่ยวกั๋วเพลิงโทสะลุกท่วม เขาตัดสินใจแล้วว่าจะตุ๋นหมานั่นกิน!
ฟางเจิ้งมองไปข้างหลังหานเซี่ยวกั๋ว “ข้างหลังโยมไง”
หานเซี่ยวกั๋วหันกลับไปก็เห็นหมาป่าเงินตัวหนึ่ง ตัวใหญ่เหมือนลูกวัวนอนหมอบอยู่ตรงมุมในลาน ชำเลืองตามองเขา แววตานั้นเหมือนกำลังมองคนโง่อยู่!
หานเซี่ยวกั๋วพูดด้วยความโกรธ “หมาบ้านี่กล้าเยาะเย้ยฉันเหรอ? คิดว่าฉันจะไม่ฆ่าแกเอาเนื้อมากิน?!” พูดจบหานเซี่ยวกั๋วก็ถือมีดในมือปรี่เข้าไป
หมาป่าเดียวดายมองหานเซี่ยวกั๋วด้วยแววตาเหยียดหยามกว่าเดิม แต่ก็ยังมองฟางเจิ้งเหมือนกำลังถาม “ให้ฉันฟัดมันให้ตายหรือให้ฟัดมันให้ตาย? หรือให้ฟัดมันให้ตาย?”
ฟางเจิ้งส่ายหน้าพลางชี้ไปยังประตูลาน ตลก ถ้าหานเซี่ยวกั๋วตาย จะไปหาบุญกุศลครั้งใหญ่จากใครได้?
ดังนั้นหมาป่าเดียวดายจึงยืนขึ้นอย่างขี้เกียจ แกว่งหางมองหานเซี่ยวกั๋วอย่างเอ้อระเหย
หานเซี่ยวกั๋วใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เดินไปพลางพูดไปพลาง “หมาเด็กดี อย่ากลัว ฉันเป็นคนดี จะมาเลี้ยงสเต๊กแกไง เสต๊กชิ้นใหญ่ๆ…”
ห่างหนึ่งเมตร!
“ตาย!” หานเซี่ยวกั๋วพุ่งเข้ามาดั่งลูกดอก แทงมีดไปยังคอหอยหมาป่าเดียวดาย! เขามั่นใจในมีดตนมาก ใช้กระบวนท่าเดียวฆ่าศัตรูมาไม่รู้กี่คนแล้ว แม้แต่เขายังจำไม่ได้!
ทว่า…
ฟิ้ว!
ตาพร่ามัว หานเซี่ยวกั๋วกระโดดเข้าหาอากาศ!
หันไปอีกทีก็เห็นหางสีขาวหายไปในประตูลาน
หานเซี่ยวกั๋วตะโกนด้วยความโกรธ “กินข้าวฉันแล้วยังคิดหนีอีกเรอะ? คืนนี้ฉันจะกินแกให้ได้!”
หานเซี่ยวกั๋วถือปืนไล่ตามไป ออกนอกประตูลานแล้วก็เห็นหมาป่าเดียวดายยืนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ มองเขาด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
เพลิงโทสะคลุกกรุ่น ถูกเมินเฉยมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ยังถูกหมามองอย่างดูถูกอีก เพลิงโทสะจึงลุกโชตช่วงอย่างบ้าคลั่ง ทนไม่ไหวอีก ยกปืนเล็ง!
ปัง!
เสียงปืนไพเราะทำลายความเงียบในคืนนี้
แต่หานเซี่ยวกั๋วกลับหัวเราะไม่ออก เขาจ้องไปข้างหน้าตา ดวงตาเหม่อลอย!
เห็นหลวงจีนหัวโล้นรูปหนึ่งมาปรากฏอยู่ตรงหน้าปากปืนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ยืนอยู่ตรงหน้าหมาใหญ่สีเงินใต้ต้นโพธิ์ ดวงจันทร์สีเงินบนกิ่งไม้สาดแสงเงินลงมา เสริมดุลกับความมหัศจรรย์ยากจะหาใครเปรียบของหลวงจีนกับหมาใหญ่ ราวกับเป็นเทพเจ้า
สำคัญคือ หลวงจีนนี่ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง คว้ากระสุนไว้ในมือ!
“อมิตพุทธ โยมยิงปืนแล้วนะ” ฟางเจิ้งประนมมือโค้งตัว
“กะ…แกเป็นคนหรือผีกันแน่?” หานเซี่ยวกั๋วอยู่ทวีปแอฟริกามาหลายปี เห็นคนตายมานับไม่ถ้วน แน่นอนว่าต้องเคยเห็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง แต่ใช้มือเปล่ารับกระสุน แบบนี้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แถมยังเกิดกับเณรคนหนึ่ง!
หานเซี่ยวกั๋วใจฝ่อ ฟางเจิ้งเองก็แอบเหงื่อตก เขาไม่มีวิชาตัวเบาจึงวิ่งไม่ทันกระสุน แต่เห็นสถานการณ์ไม่ดีเลยพุ่งมาก่อนล่วงหน้า ดีที่ถึงหัตถ์พลังนักรบโพธิสัตว์จะไม่ใช่ วิชาตัวเบา แต่กลับทำให้เขาเร็วกว่าคนปกติมาก โดยเฉพาะแรงปะทุน่าตกใจยิ่ง สองขาออกแรงเร็วปานสายลม พริบตาที่หานเซี่ยวกั๋วยกมือขึ้นเขาก็มาขวางอยู่ตรงหน้าหมาป่าเดียวดายแล้ว
ฟางเจิ้งเองก็เห็นวิถีกระสุนไม่ชัด แต่คว้าไปอย่างนั้น แต่กลับคว้ากระสุนได้เฉย!
ฟางเจิ้งไม่รู้ว่าผลจากการฝึกหัตถ์พลังนักรบโพธิสัตว์จะรับกระสุนไว้ได้หรือไม่ แต่จีวรขาวจันทร์จะต้องรับได้แน่ มีมันปกป้องอยู่จึงกล้าทำแบบนี้ และมันก็สำเร็จจริงๆ!
ดังนั้นในใจฟางเจิ้งจึงตกใจอย่างยิ่งเหมือนกัน แอบคิดว่าโชคดีอยู่ในใจ กระทั่งสีหน้ายังแทบจะคุมไว้ไม่อยู่ เลยประสานสองมือโค้งตัวเล็กน้อย ก้มหน้าลง ทำให้อีกฝ่ายมองเห็นสีหน้าตนไม่ชัด
ฟางเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกสองทีความตื่นเต้นถึงสงบลง สวดไปบทหนึ่ง “อมิตพุทธ โยม ข้าวชามเดียวเท่านั้น ไฉนต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต?”
“หลวงจีนระยำ ฉันจะฆ่าสัตว์แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก? แกอย่าบีบให้ฉันต้องฆ่าแกด้วยเลย!” ขณะหานเซี่ยวกั๋วกล่าวก็ชาไปเล็กน้อย ความมั่นใจไม่พอแล้ว รู้สึกว่าหลวงจีนนี่แปลกมาก
ฟางเจิ้งส่ายหน้า “โยม บนสวรรค์มีคุณธรรม จะไปฆ่าสัตว์ตามอำเภอใจได้ยังไง? ถ้าในใจโยมโกรธ อาตมายอมรับกระสุนแทนมันเอง ว่ายังไง?”
“พูดจริงเหรอ?” หานเซี่ยวกั๋วใจสั่นก่อนตรึกตรอง หลวงจีนนี่อาจจะมีดีแค่มือแข็ง ส่วนหัว…พอนึกขึ้นได้ว่าด้ามปืนตนแทบจะแตกตอนทุบหัวก็ล้มเลิกความคิดไปทันที ดังนั้นหานเซี่ยวกั๋วจึงเล็งไปที่ดวงตาฟางเจิ้ง! เขาเคยได้ยินเรื่องวิชาเกราะระฆังทองคำหรืออาภรณ์เหล็กอะไรเทือกนี้มาก่อน ล้วนแล้วแต่ใช้กล้ามเนื้อบีบตัวในระดับสูงเป็น การเพิ่มความหนาแน่นจนเกิดการป้องกัน ดวงตาไม่มีกล้ามเนื้อ เขาไม่เชื่อจริงๆ ว่าดวงตาหลวงจีนนี่จะคงกระพัน!
ฟางเจิ้งมอบความรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างยิ่งต่อเขา เขาต้องลบสาเหตุของความรู้สึกนี้ทิ้งไป! วิธีที่ดีที่สุดคือฆ่า!
ฟางเจิ้งพยักหน้า “แน่นอน”
พูดจบฟางเจิ้งก็คิดในใจ ‘อืม สละชีพเพื่อหมา กล้าหาญ มีสติปัญญา ไม่เสียดาย…เฮ้อ ทำไมถึงเหมือนคนโง่นักนะ? หวังว่าคนโบราณจะไม่ได้หลอกฉันนะ ให้วิธีนี้ได้ผลเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องใช้วิธีของตัวเองแล้ว’
“ดี ฉันจะสนับสนุนแกเต็มที่เลย แค่แกห้ามขยับ ไม่ขวาง ให้ฉันยิง ไม่ว่าจบยังไงก็แล้วแต่ เรื่องนี้จะผ่านไป ฉันจะไม่สร้างปัญหาให้หมานี่อีก” หานเซี่ยวกั๋วกล่าวอย่างยืนหยัดในความถูกต้อง ในใจกลับคิดอีกอย่าง ใกล้ขนาดนี้ ถ้ายิงตาอีกฝ่ายแล้วยังไม่ตายอีก ให้ความกล้าหาญเขามาเต็มสิบก็คงไม่กล้าหาเรื่องต่อแล้ว รีบหนีไปจะดีที่สุด!
ฟางเจิ้งพยักหน้า “อมิตพุทธ แบบนี้ดีที่สุด โยมเชิญ!”
หานเซี่ยวกั๋วหรี่ตาลง เดินมาห่างจากตรงหน้าฟางเจิ้งสิบเมตร ระยะนี้เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าจะต้องยิงระเบิดหัวโล้นของเณรนี่ได้แน่!
มองไปข้างหน้า ฟางเจิ้งขวางอยู่หน้าหมาป่าเดียวดายด้วยสีหน้าไร้กังวล ภายใต้แสงจันทร์สีเงินเสริมเด่นให้ดูศักดิ์สิทธิ์กว่าเดิม น่าเกรงขามกว่าเดิม ในใจหานเซี่ยวกั๋วเกิดความเคารพขึ้นเสี้ยวหนึ่ง เขาไม่เคยเจอหลวงจีนที่สู้สุดชีวิตเพื่อหมาตัวหนึ่งแบบนี้มาก่อน บางทีในตำราห้องเรียนอาจจะมี แต่ในความจริงไม่เคยเห็น!
‘เฮ้อ หลวงจีนโง่แบบนี้ เกิดมาในสังคมปลาใหญ่กินปลาเล็ก มีชีวิตมาถึงขนาดนี้ได้ก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว ช่างเถอะ ฉันจะส่งเขาไปหาพระโพธิสัตว์ล่วงหน้าเอง ถือว่าเป็น บุญกุศลไม่มีสิ้นสุด’ หานเซี่ยวกั๋วคิดในใจก่อนยกปืนขึ้นอย่างไม่ปรานี เล็งดวงตาซ้าย ฟางเจิ้งก่อนลั่นไก!
ปัง! กระสุนออกจากปากกระบอกปืน!