แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 810

ตอนที่ 810

บทที่ 810 ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการรนหาที่ตาย
Ink Stone_Fantasy
ด้วยคิดว่าเป็นเจ้าถิ่น เจ้าหน้าที่ทหารคนนี้จึงไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังไม่ทันจางหายไป ทันใดนั้น หมัดหนักๆ ก็เหวี่ยงเข้ามาอัดเข้าที่จมูกของเขา ท่ามกลางเสียงโอดครวญ คอเสื้อของเขาถูกโทมัสกระชากขึ้น จากนั้นเขาก็ได้สัมผัสว่าอะไรที่เรียกว่าถูกตีจริงๆ…

“อ๊อก!” โทมัสยกเข้าตีใส่หน้าท้องของชายคนนี้เต็มๆ อีกฝ่ายงอตัวเหมือนกุ้งฝอย และสำลักกรดในกระเพาะอาหารออกมาทันที

“ไม่คณามือ” โทมัสแค่นเสียงเย็นพร้อมกับปล่อยคอเสื้อเขา “พลั่ก” ชายคนนั้นล้มลงไปนอนแดดิ้นอยู่กับพื้น ใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดจมอยู่ในเศษอ้วกของเขาเอง

ทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันตะลึงค้าง โทมัสลงมือรวดเร็วมาก ตั้งแต่ที่ออกหมัดจนถึงตอนที่อีกฝ่ายล้มลงไป ผ่านไปยังไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ จนกระทั่งเมื่อโทมัสเดินจากไป ถึงเพิ่งมีคนได้สติกลับมาจากความช็อก และรีบเข้าไปช่วยพยุงเจ้าหน้าที่ทหารที่เอาแต่ครวญครางเจ็บปวดอยู่บนพื้น

“ได้ยินมานานแล้วว่าที่นี่มีคนบางพวกวอนโดนอัดอยู่ ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง” โทมัสสะบัดกำปั้นไปมา แล้วบอกว่า “ครั้งหน้าถ้าฉันได้ยินแกพูดจามั่วๆ เหมือนตดอีก ฉันจะทำให้แกอ้วกออกมาทั้งไส้ทั้งพุง เจสัน…”

“ครับ!”

“พวกเราไปกันเถอะ”

โทมัสถ่มน้ำลายลงพื้น จากนั้นก็พาเจสันเดินไปทางเฮลิคอปเตอร์

แต่เดินไปได้ไม่ไกลนัก เจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นก็ฉายแววตาชั่วร้ายออกมาทันที เขาชักปืนพกออกมาเล็งไปทางโทมัส แล้วตะคอกเสียงดังจนใบหน้ากระตุกสั่น “แม่เอ็ง กล้าเดินออกไปจากที่นี่เรอะ!”

โทมัสกับเจสันหันกลับไปพร้อมกัน พอเห็นปากปืนเล็งมา เจสันก็หน้าถอดสีทันที เขารีบเอาปืนออกมา แล้วตะโกน “คิดจะทำอะไรน่ะ!”

โทมัสเองก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน แต่ไม่นานเขาก็พูดออกมาอย่างใจเย็น “แกกล้ายิง?”

เจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นยิ้มชั่วร้าย เขายกมือปาดเลือดกำเดา แล้วบอกว่า “คนของฟอลคอนที่ 2 ช่างเหิมเกริมจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะกล้าลงมือในฐานทัพของเราอย่างนี้ หึหึ…ทุกคน! ไปยึดปืนของมันมา แล้วก็จับมันไว้! โทมัส ถ้าแกกล้าขัดขืน ก็เท่ากับว่าก่อกบฏ ฉันมีสิทธิ์ยิงแกทิ้งซะ!” จากนั้นเขาก็หันไปมองเจสัน “ยึดปืนของหมอนั่นไว้ด้วย”

“พวกแกกล้าดียังไง…”

เจสันกำลังจะยกปืนขึ้น แต่กลับถูกโทมัสกดไหล่ห้ามไว้ก่อน “อย่าวู่วาม…ฉันจะไปกับพวกนั้นเอง”

“หัวหน้า!”

“เอาน่า!” โทมัสจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง จากนั้นก็พูดเสียงเบาว่า “ไม่อย่างนั้นเราจะติดกับดักของมันได้…”

………..

“จากนั้นหัวหน้าทีมโทมัสก็ถูกพวกนั้นเอาตัวไป ผมเองก็ถูกพาไปสอบสวนเล็กน้อยด้วยเหมือนกัน ห้าวันต่อมา หัวหน้าทีมโทมัสถึงเพิ่งถูกปล่อยตัวกลับมา ได้ยินมาว่าเป็นเพราะรองผู้สั่งการจางเป็นคนวิ่งเต้นเรื่องนี้ให้อยู่นานกว่าจะได้ผล ตอนที่กลับมา หัวหน้าทีมโทมัสผอมไปมาก ดวงตาเขาแดงก่ำไปหมด…” พูดถึงตรงนี้ อารมณ์ของเจสันก็พุ่งพล่านขึ้นมา เขาเหวี่ยงหมัดออกไปแรงๆ อย่างหัวเสีย

หลิงม่อได้ฟังเรื่องเล่าก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่ซย่าน่ากลับพูดขึ้นจากอีกด้าน “อย่างนั้นหรอ…ฉันเข้าใจที่คุณบอกแล้ว จะว่าไงดีล่ะ…เจ้าหน้าที่ทหารที่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงอะไรกลับกล้าทำตัวหยิ่งผยองกับพวกคุณ แล้วยังกล้าสั่งให้จับกุมตัวโทมัสไปด้วย…จากมุมมองหนึ่ง การแสดงออกอย่างนี้เป็นการบ่งบอกถึงท่าทีที่ฐานทัพฟอลคอนมีต่อฐานทัพที่ 2 ใช่ไหม?”

โทมัสมีเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูงในฐานทัพที่ 2 การที่เขาไปส่งกล่องยาด้วยตัวเอง ก็ถือเป็นการแสดงถึงการให้เกียรติ์ของฐานทัพที่ 2 ในระดับหนึ่งแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นกลับจงใจหาเรื่องกัน แถมยังด้วยท่าทียียวนกวนประสาทขนาดนั้นด้วย…

“หัวส่าย หางก็ต้องส่ายตาม ถ้าหากเบื้องบนไม่แสดงท่าทีอย่างนั้นออกมา คนเบื้องล่างก็คงไม่โอหังไม่กลัวสิ่งใดขนาดนั้น หลังจากที่โทมัสถูกจับตัวไป เรื่องนี้ก็คงทำให้คนตำแหน่งสูงในฟอลคอนที่ 2 แตกตื่นแล้ว แต่พวกเขากลับขังไว้ถึงห้าวันแล้วค่อยปล่อยกลับ แถมยังปฏิบัติต่อเขาอย่างย่ำแย่…”

หลิงม่อใช้สมองไตร่ตรองอย่างหนัก แล้วถามอีกว่า “คงไม่ใช่แค่นี้หรอก ใช่ไหม?”

เจสันถอนหายใจ แล้วพยักหน้าตอบ “เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ผมเคยเจอกับตัวครั้งนั้นครั้งเดียว ผมถึงได้เอามาเล่าได้ แต่เรื่องที่หัวหน้าทีมโทมัสถูกจับตัวไป ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนแตกตื่นมากจริงๆ แถมยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฐานทัพที่ 1 และฐานทัพที่ 2 แย่ลงกว่าเดิมอีก…แต่ภายนอก ปัญหาเหล่านี้ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พอจะควบคุมได้ ไม่ได้มีวี่แววว่าจะระเบิดหรือแตกหักไปเลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…ตอนนี้มีชนวนระเบิดแล้วน่ะสิ? แล้วที่อวี่เหวินซวนไม่ให้พวกผมไปที่ฐานทัพที่ 2 ก็เพราะชนวนระเบิดนี้กำลังลุกลาม?” หลิงม่อถามต่อ

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้…หลายวันมานี้ จู่ๆ ฐานทัพที่ 1 ก็ประกาศคำสั่งหนึ่งออกมา ว่าให้พวกเราส่งเฮลิคอปเตอร์รวมถึงนักบินครึ่งหนึ่งไปให้พวกเขา และให้ประจำการอยู่ที่นั่น พวกเขาจะได้ใช้งานได้สะดวก พวกเขาบอกว่าทำอย่างนั้นจะได้หลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นการช่วยพวกเราลดจำนวนงานด้วย เพื่อเป็นการชดเชย พวกเขาก็จะส่งเสบียงอาหารและจำนวนคนมาเพิ่มด้วยเหมือนกัน…”

เจสันพูดอย่างโมโหว่า “แต่คำพูดพวกนี้ก็แค่พูดให้ดูดีเท่านั้นแหละ เสบียงอาหารน่ะกินหมดแล้วก็คือหมดเลย คนที่ถูกส่งตัวมาก็ต้องเป็นพวกคนอ่อนแอหรือผู้ป่วยที่พวกเขาไม่อยากเลี้ยงดูต่อไปแล้วแน่นอน! แม้แต่ผมยังรู้เรื่องนี้เลย พวกเขาแค่ต้องการลดกำลังของพวกเราลงไปอีกขั้น และคิดจะฮุบอำนาจในกองทัพอากาศแห่งนี้ไว้ในกำมือตัวเอง! ตอนนี้คนของฐานทัพที่ 1 อยู่ในฐานทัพของพวกเราด้วย แถมยังมากันเยอะมาก…ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ได้ส่งคนของตัวเองมาอยู่ที่นี่ไม่น้อย และตอนนี้คนพวกนั้นก็กำลังพร้อมใจส่งเสริมการตัดสินใจของฐานทัพที่ 1 อยู่!”

พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้า แล้วคว้าแขนหลิงม่อ “พี่หลิง สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ดีกับผู้สั่งการเลย แต่ไม่ว่าคิดอย่างไร คนที่พอจะช่วยเขาได้ก็มีแต่พวกพี่นี่แหละ!”

เจสันดูร้อนรนมาก น้ำเสียงก็ฟังดูกระวนกระวาย หลิงม่อมองหน้าเขา จากนั้นก็เริ่มใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว

พูดตามตรง เขาไม่ชอบการตู้สู้แย่งอำนาจกันอย่างนี้เลยซักนิด และยิ่งไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอวี่เหวินซวนและฐานทัพที่ 2 มันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนั้นที่เขามอบกองทัพอากาศให้อวี่เหวินซวน หลิงม่อคิดเพียงว่าอยากสร้างหลักประกันให้ตัวเองเท่านั้น แต่พอได้เผชิญหน้ากับนิพพานในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ เขากลับตระหนักได้ถึงความสำคัญของพละกำลังและอำนาจ และพละกำลังนี้ก็ไม่ได้หมายถึงพลังของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมถึงทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมหาศาลด้วย

ส่วนพละกำลังอันอ่อนแอที่เขาสร้างขึ้น กลับไม่สามารถเทียบได้กับค่ายขนาดใหญ่เหล่านี้ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์ในฐานทัพที่ 2 เช่นกัน หากฐานทัพฟอลคอนที่ 1 คิดจะฉกฉวยผลประโยชน์ นั่นก็เท่ากับว่ากำลังทำร้ายผลประโยชน์ของเขาเช่นกัน

ถึงแม้จะโยนเรื่องเหล่านี้ทิ้งไปได้ แต่ยังไงเขาก็ปล่อยให้เจ้าเฟิ้งจื่นซวนถูกรังแกโดยคนนอกไม่ได้หรอก!

หลังครุ่นคิดหนึ่งตลบ สายตาที่หลิงม่อมองเจสันก็ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย เขายิ้มบางๆ แล้วยื่นมือไปตบไหล่เจสัน “เรื่องพวกนี้…โทมัสเป็นคนสั่งให้พูด? หรือจางอวี่เป็นคนสั่งให้พูด?”

เจสันชะงักไป เขาอ้าปากอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็ยกมือเกาหัวอย่างเก้อๆ บอกว่า “เป็น…เป็นรองผู้สั่งการครับ…เขายังสั่งให้ผมบอกคุณว่า ตอนนี้คนของฟอลคอนกำลังจับตามองพวกเราอยู่ เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณ แล้วก็เพื่อถ่วงเวลา พวกคุณจึงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน แต่ได้โปรดวางใจ ในตอนที่พวกเราต้องการคุณ พวกเราจะติดต่อคุณมาเอง เขายังบอกอีกว่า…”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ เจสันก็เม้มปากแล้วพูดว่า “ไม่แน่ว่าครั้งนี้ อาจเป็นโอกาสที่จะทำให้ฐานทัพที่ 2 เป็นอิสระได้อย่างสิ้นเชิง คุณเป็นคนยึดกองทัพอากาศได้ แต่ทันทีที่เรื่องนี้สำเร็จ พวกเราก็จะได้อะไรจากฟอลคอนมากมาย…ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีสิทธิ์เด็ดขาดในการแบ่งผลประโยชน์ แต่มีอวี่เหวินซวนอยู่ อย่างไรคุณก็ไม่มีทางขาดทุนแน่นอน…”

หลังพูดเสร็จ เจสันก็หน้าแดงไปทั้งดวง มือข้างที่ถือปืนไว้มีเส้นเอ็นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนเขากำลังตื่นเต้นมาก ทว่าหากสังเกตดีๆ ก็จะดูออกได้ไม่ยากว่าภายใต้ความตื่นเต้นนี้ ยังมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่ด้วย เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ…และกองหนุนเสริมที่พวกเขาพอจะคาดหวังได้ ก็มีเพียงพวกหลิงม่อเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น…

“อืม…” หลิงม่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิด แล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้นอีกว่า “ยังมีอีกหนึ่งคำถาม คุณบอกว่าสาเหตุหลักของปัญหาทั้งหมด ก็คือผม ตกลงว่าเรื่องมันเป็นมายังไง?”

“เรื่องนี้หรอ? คือว่า…จริงๆ แล้วนี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเอง” เจสันเงยหน้า แล้วบอกว่า “ทุกคนต่างรู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้สั่งการกับพี่หลิง แถมผู้สั่งการก็มักจะพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ…ผมได้ยินหัวหน้าทีมโทมัสบอกว่า ปัญหาสำคัญบางเรื่อง ผู้สั่งการถึงกับบอกว่าต้องให้คุณเป็นคนตัดสินใจเองด้วยซ้ำ…หากอำนาจของกองทัพอากาศอยู่ในมือผู้สั่งการอย่างสมบูรณ์ บางทีฐานทัพที่ 1 อาจแค่กังวลเล็กน้อยเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรผู้สั่งการก็เป็นคนของฐานทัพที่ 1 มาก่อน แต่ว่า ถ้าหากผู้กุมอำนาจตัวจริงกับเป็น…”

“แต่ถ้าหากผู้กุมอำนาจตัวจริงเป็นคนนอก ฟอลคอนที่ 1 ก็จะหวาดกลัว ใช่ไหม?” หลิงม่อพูดต่อจนจบ

เจสันมองหลิงม่ออย่างกระอักกระอ่วน และเลือกที่ตอบเขาด้วยความเงียบ

หลิงม่อหันหน้ามาบ่นอย่างเอือมระอา “เจ้าคนคลั่งน้องสาวนั่น เมื่อก่อนยังเอาแต่พูดถึงรุ่นพี่อยู่ตลอด ทำไมตอนนี้กลับเอาแต่พูดถึงฉันแทนล่ะ? เขาอยากตายนักรึไง!”

“เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการรนหาที่ตายอยู่แล้วนี่นา…” ซย่าน่าหัวเราะคิกคัก

แม้แต่หลี่ย่าหลินก็ยังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว “เขากล้าพูดถึงฉันบ่อยๆ หรอ…”

“ปัญหาคือเขารนหาที่ตายเอง แต่กลับดึงฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยน่ะสิ! คราวนี้เป็นไงล่ะ ตอนแรกฟอลคอนตั้งใจจะหักหลังฉันแค่คนเดียว แต่ตอนนี้กลับเลือกที่จะหักหลังฟอลคอนที่ 2 ด้วยแล้ว…เคราะห์ซ้ำกันซัดแท้ๆ! เจ้านั่นมันผู้ชนะเลิศเรื่องการรนหาที่ตายจริงๆ!” หลิงม่อพูดอย่างหงุดหงิด

ส่วนเจสันที่อยู่อีกข้างในตอนนี้ กลับรู้สึกสับสนกับความคิดตัวเองจนอยากจะมุดดินหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด…ถึงแม้พวกคุณจะนินทาผู้สั่งการได้อย่างไม่เกรงกลัว แต่ช่วยไปนินทาลับหลังผมไม่ได้หรอ! ล้วนี่จะให้ผมทำตัวยังไงเล่า!

แต่ที่สำคัญกว่าคือ พอได้ยินคำก่นด่าของพวกหลิงม่อแล้ว ทำไมเขาถึงห้ามใจไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย!

“ไม่ได้ๆๆ…ทำไมเราถึงเป็นคนแบบนี้? ถ้าหากยอมรับว่าผู้สั่งการกำลังรนหาที่ตาย ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลายเป็นฐานทัพรนหาที่ตายน่ะสิ? ทำอย่างนั้นไม่ได้…”

ขณะที่เจสันส่ายหน้ากับตัวเองเงียบๆ พวกเขาก็ได้เดินมาถึงหน้าประตูเหล็กบานหนึ่งแล้ว ด้านหลังประตูเป็นทางเดินรถยาวๆ เส้นหนึ่ง ซึ่งมีรถจอดอยู่เต็มสองข้างทาง และปลายทางเส้นนี้ ก็เห็นคลังน้ำมันเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน…ถึงโซน B แล้ว

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

Status: Ongoing

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด!

แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด

แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท