เทียบกับร่างเมื่อกี้ ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ที่ถูกควบคุมแล้วดูฉลาดขึ้นไม่น้อย…แต่เพราะสติปัญญาที่ค่อนข้างสูงนี้ กลับกลายเป็นจุดอ่อนให้หลิงม่อหลอกใช้
การลอบโจมตีที่เตรียมการอย่างดีเพียงครั้งเดียว สามารถทำให้เธอได้ข้อสรุปว่า : ซอมบี้ระดับต่ำตัวนี้มีพลังที่สามารถโจมตีเธอได้ และยังสามารถทำร้ายสิ่งที่อาศัยอยู่ในร่างกายเธอได้โดยตรงด้วย ภายใต้สถานการณ์ที่มีสัตว์ประหลาดในกล่องเก็บอุณหภูมิอยู่ เธอต้องเลือกใช้วิธีการอย่างนี้แน่นอน—ใช้สัตว์ประหลาดตัวนั้นโจมตี และตัวเธอจะเป็นกำลังเสริมในการต่อสู้ เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้โดยตรง…
สำหรับซอมบี้ระดับสูง “กลยุทธ์” ง่ายๆ อย่างนี้ความจริงเป็นอุบายที่ใช้กันไม่น้อย แต่เกรงว่า ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’คงไม่มีทางคาดคิด ว่าวิธีการที่ใช้กันอย่าง “ทั่วไป” อย่างนี้ กลับกลายเป็นหนึ่งในตัวสร้างโอกาสให้กับหลิงม่อ…
“สำเร็จแล้ว! และจุดอ่อนของเธอก็คือ…”
สัมผัสอันตรายพุ่งเข้ามาที่หัวของหลิงม่อ แต่หลิงม่อกลับยังคงเบิกตาจ้อง ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ ที่กำลังพุ่งเข้ามาทางตัวเองเขม็ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ครั้งนี้ฉันจะจัดการแกซะ! หลังจากฆ่าหนอนตัวนี้ ฉันจะไปตามหาร่างจริงของแก! จะว่าไปแล้ว มนุษย์กับซอมบี้ก็คล้ายกันมากเลยนะ ขอเพียงกำจัดคู่แข่งให้พ้นทาง ตัวเองก็จะสามารถอยู่ได้นานกว่าเดิม…” ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ ตะโกนลั่นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “แกก็เหมือนกัน แกมาที่นี่ ก็เพราะอยากกินฉันไม่ใช่หรอ? ฉันไม่ผิด…ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!”
“ติ๋ง!”
เสี้ยววินาทีเดียวกับที่ของเหลวหนืดหยดหนึ่งไหลลงมา ชิ้นส่วนในมือหลิงม่อพลันเหวี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว
‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ เอียงหัวหลบอย่างง่ายดาย พลางหัวเราะเสียงดังบอกว่า “ไม่มีประโยชน์หรอก!แกคิดว่าจะหลงกลกับวิธีเดิมของแกเป็นครั้งที่สองหรอ? ฮ่าฮ่า…อึก…”
สิ้นเสียงพูด ใบหน้าของ ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ก็กระด้างแข็งไปทันที
รอยยิ้มประหลาดที่ดูโอเวอร์เกินเหตุของเธอค่อยๆ เลือนหายไป การเคลื่อนไหวก็ชะงักลงเช่นเดียวกัน เสียงเหมือนอะไรติดคอดังออกมาจากลำคออย่างต่อเนื่อง “อึก…อึก…”
‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ ยกมือตะกุยคอตัวเอง พร้อมกับเข้าอ่อนทรุดลงไป เธอจ้องหน้าหลิงม่ออย่างงงงัน “มะ…ไม่นะ…ฉัน…ฉันไม่อยาก…”
“ฉึก!”
หุ่นซอมบี้ของหลิงม่อถูกพุ่งชนจนกระเด็นออกไปอีกทาง แผ่นหลังมีบาดแผลเลือดไหลนองเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแผล เขายกมือคว้าขอบกล่องไม้แล้วลุกขึ้นยืน หลังจากกระอักเลือดออกมาเขาก็หันไปมองตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่เมื่อกี้
สัตว์ประหลาดกล่องเก็บอุณหภูมิหมอบอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่ไร้อารมณ์และความรู้สึกของมันกำลังจดจ้องมาทางหลิงม่อ
“ไม่ขยับแล้วจริงๆ ด้วย! แต่ว่า…” หลิงม่อมองมันอย่างระแวดระวัง ถึงแม้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะไม่ได้พุ่งเข้ามา แต่หลิงม่อก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความอันตรายจากมันอยู่ดี หากผลีผลามเข้าไปใกล้ มันก็จะยังโจมตีโดยสัญชาตญาณ…
“เจ้านั่น…”
หลังออกมาจากกล่องเก็บอุณหภูมิ รูปร่างหน้าตาของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ปรากฏชัดเจนมากกว่าเดิม
ลำตัวของมันใหญ่กว่าทารกมนุษย์อยู่เล็กน้อย แขนขาทั้งสี่ข้างดูผอมแห้ง และมีเล็บที่แหลมคมงอกอยู่เต็มมือเต็มเท้า การที่สภาพร่างกายอย่างนั้นแบกรับหัวที่มีขนาดใหญ่มาก ไม่เพียงดูไม่สมดุล แต่ยังส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของมันด้วย มันเคลื่อนไหวด้วยการใช้แขนขาทั้งสี่ข้างไต่ไปกับพื้นในท่านั่งยองๆ
ในปากของมันมีลิ้นที่เต็มไปด้วนหนามแหลมงอกขึ้นมา ทุกครั้งที่มันแลบลิ้นก็จะเหมือนมีดที่พุ่งออกมา และบาดแผลตรงหน้าท้องของหุ่นซอมบี้ ก็เกิดจากสิ่งนี้นั่นเอง
หลิงม่อสังเกตเห็นว่าบนร่างกายของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ ยังมีของเหลวหนืดจำนวนมากติดออกมาจากกล่องเก็บอุณหภูมิ ขาของมันยังหดตัวอยู่ เห็นชัดว่านั่นเกิดจากการที่ยังเติบโตไม่เต็มที่
“ถึงแม้จะกลายพันธุ์จนร้ายกาจมาก แต่ก็ยังพอดูออกว่าเป็นประเภทเดียวกับพวกกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนพวกนั้น แถมยังคงรูปร่างของมนุษย์ไว้ด้วย…แต่ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้ถูกมนุษย์ดัดแปลง หรือเป็นทายาทรุ่นหลังของเธอโดยตรงกันแน่? ถ้าหากเป็นรุ่นหลัง ถ้าอย่างนั้นเธอก็น่าจะเหมือนกับสิ่งมีชีวิตสัตว์ป่าบางชนิด ที่ไม่สามารถคลอดรุ่นหลังออกมาด้วยตัวเอง? ดังนั้นถึงจำเป็นต้องมีกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนพวกนั้น แล้วก็กล่องเก็บอุณหภูมินี่…” หลิงม่อมอง ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ พลางคิดในใจ
ถ้าหากการคาดเดาของเขาเป็นจริง…แล้วมดลูกของซอมบี้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้เกิดการกลายสภาพไปเป็นแบบไหนแล้วกันแน่! ต้องเป็นวิวัฒนาการแบบไหน ผลลัพธ์ของมันถึงได้กลายเป็นแบบวันนี้ไปได้!
บอกตามตรง เขาไม่ค่อยอยากจะจินตนาการต่อไปแล้ว…
ตอนนี้ ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ ยกมือขึ้นกุมหัวและกรีดร้องคร่ำครวญ เธอสะบัดหัวไปมาไม่หยุด พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “อย่าคิด! ฉันไม่อยากคิด! ออกไป ออกไปให้หมด! ไสหัวออกไปจากสมองของฉัน!”
“ฮู่ว ปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงกว่าที่คิดอีกนะ”
หลิงม่อยืนหอบหายใจอยู่กับที่ ขณะเดียวกันก็สะบัดหัวไปมา
เสี้ยววินาทีเมื่อกี้ เขาได้ใช้พลังเกราะป้องกันและพลังจิตก่อกวนพร้อมๆ กัน ถึงแม้จะใช้พลังจิตไปไม่มากนัก แต่มันกลับเป็นบททดสอบสุดโหดสำหรับสายสัมพันธ์ทางจิตระหว่างหุ่นซอมบี้และร่างจริง แต่อาศัยสมาธิที่จดจ่อในระดับสูงจนน่าทึ่ง เขากลับทำสำเร็จจริงๆ…
“เดิมเสี่ยวเยว่เอ๋อวิวัฒนาการจนมีสติปัญญาในระดับที่เลวอยู่แล้ว ยิ่งถูกสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าไปอาศัยในร่างร่วมด้วย…เรียกได้ว่าดวงแสงแห่งจิตของเธอในตอนนี้อยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างซับซ้อน บวกกับเธอยังมีความทรงจำตอนที่เป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ กระทั่งยังหลงเหลือความรู้สึกและปฏิกิริยาบางอย่างด้วยซ้ำ…แทนที่จะจ้องเล่นงานสัตว์ประหลาดกล่องเก็บอุณหภูมิที่มองไม่เห็นเงา สู้หันไปก่อกวนพลังจิตของผู้ควบคุมโดยตรงดีกว่า! ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”
“ฉันวางเดิมพันถูก!”
หลิงม่อแบฝ่ามือออก แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป
ตอนนี้ ก็เหลือแต่สัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้แล้ว…
“งี๊ด…”
หัวของสัตว์ประหลาดตัวนั้นขยับเล็กน้อย พร้อมกับแลบลิ้นพุ่งออกมาทันที
“ชู่ว อย่าขยับ…”
หลิงม่อค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ ขณะเดียวกันก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น แกว่งไปทางซ้าย แกว่งไปทางขวา
พฤติกรรมรนหาที่ตายอย่างนี้ของเขาดึงดูดความสนใจของเจ้าสัตว์ประหลาดทันที และในเสี้ยววินาทีที่สัตว์ประหลาดหายตัวไป สายตาของหุ่นซอมบี้ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าทันที…
“ฉึก!”
หยาดเลือดมากมายพุ่งเข้ามา หลิงม่อมองเห็นเลือดสดๆ พวกนั้นไหลลงพื้นกลางอากาศ ราวกับวว่าพวกมันกระเด็นใส่กระจกที่มองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น
ขณะเดียวกัน เสียงกรีดร้องแหลมๆ ก็ดังมาจากรอบกาย ไม่นานรอยเลือดสี่รอยก็พลันปรากฏอยู่บนผนังที่อยู่ไม่ไกล รอยเลือดพวกนั้นเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว หลิงม่อยืนอยู่ที่เดิม รอบกายมีเสียง “ตึงตังๆ” ดังมาไม่หยุด
“เร็วจัง…”
หลิงม่อกำหมัดแน่น และจ้องมองไปรอบกายอย่างไม่กระพริบตา เขายืนอยู่ตรงกลางลักษณะพื้นที่รูปวงกลมซึ่งเต็มไปด้วยรอยเลือด และการโจมตีของสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่หยุด
“ถ้าหากปล่อยให้มันเจริญเติบโตเต็มที่ หนวดสัมผัสรูปสสารในระดับนี้ จะยังสามารถทำให้ผิวของมันเป็นแผลได้ไหมนะ?” หลิงม่ออดคิดอย่างกลัวๆ ไม่ได้
และสำหรับสัตว์ประหลาดอย่างนี้ อาวุธปืนหรืออะไรทำนองนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะมีฝีมือยิงปืนที่แม่นขนาดไหน ก็ไม่มีทางตามความเร็วของสัตว์ประหลาดตัวน้อยนี้ทัน บางทีอาจมีแค่เย่เลี่ยนที่ทำได้ล่ะมั้ง…
“เด็กโง่ต้องทำได้แน่…นอกจากดวงตา เธอยังสามารถอาศัยกลิ่นเพื่อระบุตำแหน่งของเจ้าสิ่งนี้ได้ด้วย ไม่สิ…ต้องบอกว่ามีแค่เธอเท่านั้นที่ทำได้ แยกแยะด้วยกลิ่น และระบุตำแหน่งด้วยดวงตากล้องสลับลายคู่นั้น…แต่ในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมซับซ้อนอย่างนี้…”
ในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งถึงสองวินาที หลิงม่อก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกโจมตีเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่เขาในเวลานี้ก็ไม่ต่างจากตัวเม่นเลย ทุกการโมตีของเจ้าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บเอง แต่ถึงแม้อย่างนั้น หลิงม่อเองก็ไม่ได้รู้สึกดีนัก แต่ละครั้งที่อีกฝ่ายกระแทกเข้ามา จะทำให้การต่อต้านโดยสัญชาตญาณของหุ่นซอมบี้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในเสี้ยววินาทีที่เผาผลาญพลังจิต ซึ่งเป็นเวลาที่สายสัมพันธ์ทางจิตอ่อนลงจนถึงขีดสุด…
ความรู้สึกนี้ดำเนินต่อเนื่องยาวนานถึงสามวินาที และในที่สุดหลิงม่อก็คำรามออกมาอย่างทนไม่ไหว
“บาดแผลบนตัวแก น่าจะมากพอแล้วนะ!”
เขาไม่หวังว่าจะจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ตัวนั้นได้ด้วยวิธีนี้ แต่…
“ทางนี้!”
เมื่อกระแสลมแรงสายหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านข้าง หลิงม่อที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงพลันหันหน้าขวับ และยกมือออกไปคว้าทันใด ขณะเดียวกันหนวดสัมผัสทางจิตที่มองไม่เห็นได้พันอยู่รอบแขนของเขา ราวกับกรงเล็บที่งอกออกมา พุ่งไปทางกลุ่มอากาศที่กำลังเคลื่อนที่นั้นทันที
“ตู้ม!”
หนวดสัมผัสแหลกสลาย และหลิงม่อก็รู้สึกเจ็บแขนอย่างรุนแรงทันที ร่างกายของเขาถูกกระแทกให้ล้มลงไปกับพื้น และไถลออกไปพร้อมกัน ทว่าระหว่างนั้นเขาได้ใช้ปลายเท้าเกี่ยวกล่องไม้กล่องหนึ่งไว้ เพื่อลดความเร็วลงเล็กน้อย
“พลังจิตสำรวจ กลิ่นคาวเลือด สัมผัสรู้ที่มีต่อการเคลื่อนที่ของอากาศ…ใช้ทั้งสามกลยุทธ์พร้อมกันแล้วจะยังจับแกไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป!”
หลิงม่อกำนิ้วมือแน่น สายตาฉายแววคลุ้มคลั่งชั่วขณะ จากนั้นก็ดึงแขนกลับเข้าหาตัวอย่างแรง
“งี๊ด งี๊ด!”
สัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่พยายามตะเกียกตะกายเข้ามาใกล้หลิงม่อ ทันใดนั้นมันอ้าปากกว้าง แล้วจ้องจะกัดหัวหุ่นซอมบี้
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เลือดสายหนึ่งกลับพุ่งกระฉูดออกมาจากปากของมัน…
“พรวด!”
เลือดสดๆ กระเด็นใส่หน้าหลิงม่อเต็มๆ ปากที่อ้ากว้างของสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ก็พุ่งเข้ามากระแทกใส่หน้าเขาด้วย
หลายวินาทีผ่านไป เขาจึงค่อยกระชากร่างสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่ขยับเขยื้อนออกไป ปล่อยให้มันนอนหอบหายใจรวยรินอยู่บนพื้น
“เกือบไปแล้ว…อาศัยแค่หุ่นซอมบี้อย่างเดียวไม่ได้ตามคาด…”
ถ้าไม่ใช่ว่าเขาตอบสนองได้ทัน และใช้หนวดสัมผัสทางจิต เกรงว่าป่านนี้เขาคงต้องไปตามหาหุ่นซอมบี้ตัวใหม่อย่างหงุดหงิดแล้ว กว่าเขาจะมาถึงที่นี่อีกครั้ง ไม่แน่ว่าสถานการณ์อาจเปลี่ยนไป หรือไม่ เขาอาจไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองเลยก็ได้…
“ฮู่วว…”
หลิงม่อใช้มือยันพื้นลุกขึ้นยืน พลางก้มหน้าสำรวจอาการบาดเจ็บของหุ่นซอมบี้ พอก้มมอง เขาก็ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
แขนข้างหนึ่งใช้การไม่ได้แล้ว ส่วนอีกข้างก็มีแต่แผลเหวอะหวะ กระดูดนิ้วมือหักไปหลายนิ้ว บวกกับแผลที่หน้าท้องและแผ่นหลัง สภาพร่างกายร่างนี้ของเขาสะบักสะบอมเต็มที่แล้ว
“นี่ขนาดฉันใช้พลังจิตแล้วนะ…” หลิงม่อหางตากระตุก พลางคิดว่า “ถ้าหากร่างจริงของฉันเจอเหตุการณ์อย่างนี้…ช่างเถอะ อย่าไปคิดเลยจะดีกว่า…”
บาดแผลสาหัสที่อาจอันตรายถึงชีวิตสำหรับมนุษย์ ซอมบี้กลับยังสามารถฝืนทนต่อไปได้
“เชี่ยย ยังไม่ตายอีก?” หลิงม่อเพิ่งคิดจะจับตัวเจ้าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา แต่กลับพบว่าแขนขาทั้งสี่ข้างของมันยังสั่นไหวเบาๆ อยู่
“ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย! ฉันแทงเข้าไปในสมองของมันเต็มๆ แล้วนะ!ขนาดตัวอ่อนยังแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วมนุษย์จะยังมีชีวิตรอดได้อยู่อีกหรอ! เอ๋…ไม่ใช่สิ…”
หลิงม่อหันไปมองทาง ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’แวบหนึ่ง แล้วจับตัวเจ้าสัตว์ประหลาดขึ้นแกว่งไปแกว่งมา
ณ ตอนนี้ เวลาได้ผ่านไปสิบวินาทีแล้ว หลังจากที่เธอถูกเล่นงาน…
—————————————————————————–