“โครม!”
ผีเสื้อสาวกระเด็นไปข้างหลังพร้อมกับกระแสลมแรง แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลงถึงพื้น พละกำลังกลุ่มหนึ่งก็ล็อกแขนขาทั้งสี่ข้างของเธอไว้ จากนั้นก็กระชากเธอกลับเข้ามา
“อ๊อก!”
ผีเสื้อที่อยู่กลางอากาศพลันกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง พลางจดจ้องไปยังอวี๋ซือหรานที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างตื่นตะลึง
เด็กสาวตัวเล็กคนนั้นยามนี้กำลังยืนก้มหน้าน้อยๆ ดวงตาทั้งสองข้างปิดแน่นอย่างประหลาด…มือที่ดูเหมือนตุ๊กตาของเธอข้างนั้นยังคงค้างอยู่ในท่ากางฝ่ามือออก แต่ปลายนิ้วมือขาวนวลทั้งห้ากลับมีเลือดสดๆ ไหลย้อยลงมาช้าๆ
“นั่นมันอะไรน่ะ? เลือกของฉันงั้นหรอ?”
ระหว่างที่กำลังถูกกระชากตัวเข้าไปหาอวี๋ซือหรานอย่างรวดเร็ว ผีเสื้อกลับชะงักไปด้วยความตะลึง
“เป็นไปได้ยังไง…ฉันควรหลบได้สิ…อ๊ะ ใช่แล้ว ไอ้เส้นพวกนี้เองที่มัดแขนขาของฉันไว้…สลัดไม่หลุด พวกมันดูไม่เหมือนอาวุธจริงๆ…” เธอพยายามลองบิดข้อมือดูหนึ่งที แต่กลับพบว่าเส้นสีเงินพวกนั้นได้รัดแน่นเข้าไปในเนื้อของเธอแล้ว “เขาบอกไว้อย่างนี้ บอกว่าเธอจงใจให้ฉันโจมตีโดน? แต่การโจมตีของฉันจะไร้ผลได้ยังไงกัน? สำหรับเด็กตัวเล็กอย่างเธอ พละกำลังเท่านั้นก็น่าจะมากพอที่จะทำให้เธอเจ็บหนักได้แล้วนี่นา…”
สายตาของผีเสื้อพร่าเลือนไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็ก้มมองหน้าอกตัวเอง
“ร้อนจัง…ฉันเป็นอะไรไปนะ? เธอแค่โจมตีครั้งเดียวเองนี่นา? เมื่อกี้ฉันใช้พลังเสริมความแกร่งตรงหน้าอกได้ทันเวลาแล้ว ด้วยพลังของเธอ น่าจะ…”
ส่วนที่เธอมองเห็นเป็นสีแดงไปหมด เธอเพิ่งตระหนักได้หลังจากที่นิ่งงันไปครู่หนึ่ง
“อ๊ะ!”
เลือด เป็นเลือดที่ไหลออกมาจากตัวเธอ!
เด็กผู้หญิงคนนั้นแค่ใช้มือผลักเธอเบาๆ หนึ่งครั้ง ผิวกายและกล้ามเนื้อของเธอก็ถูกข่วนจนฉีกขาดโดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ!
แค่เพียง…ครั้งเดียว!
ถ้าหากเธอหลบหลีกต่อไปเรื่อยๆ เรื่องอาจไม่เป็นอย่างนี้…
แต่วินาทีที่เธอตัดสินใจลงมือ เธอก็ได้เผยช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดออกมาให้เห็น!
แต่ถ้าหเอาแต่หลบไปเรื่อยๆ เธอจะยืนหยัดไปได้นานอีกแค่ไหนกัน…
เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นสายศักยภาพร่างกายงั้นหรอ? ไม่…ถ้าหากเธอเป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกาย ฝ่ามือของเธอก็ต้องเปลี่ยนไป แต่มือข้างนั้น ยังคงขาวเนียนเหมือนเดิม กระทั่งดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ามีเรี่ยวแรงมหาศาลซ่อนอยู่…แต่บนผิวขาวๆ นั้น เลือดสีแดงฉานนั่นช่างดูสะดุดตานัก…
“คนที่ถูกส่งตัวออกมาสำรวจ ถ้าไม่ใช่ผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิต ก็น่าจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดสิ! ตอนแรกนึกว่าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นเป็นกำลังหลักในการสำรวจ และเด็กผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเชลยที่ถูกส่งมาให้ถึงที่ แต่ว่า…แต่พลังนี้มันอะไรกัน! ความเร็วของฉัน…การตอบสนองของฉัน…สู้ฝ่ามือของเธอเพียงครั้งเดียวไม่ได้เลยหรอ…”
ความคิดพวกนี้แล่นผ่านสมองของผีเสื้ออย่างบ้าคลั่ง และเมื่อเธอเบิกตากว้างอีกครั้ง ระยะห่างระหว่างเธอกับอวี๋ซือหรานก็เหลือไม่ถึงสามเมตรแล้ว!
เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าพลันเงยหน้าขึ้นในตอนนี้ ขณะเดียวกันก็พูดอย่างโกรธขึ้ง
“ฉันเองก็มีคำหนึ่งอยากพูดตั้งนานแล้ว…ฉันไม่ใช่สาวน้อย ยันมนุษย์หน้าโง่!”
มือข้างนั้นของเธอยังคงยื่นออกมาอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน แต่เป็นผีเสื้อที่พุ่งเข้าไปปะทะเข้ากับฝ่ามือเธออย่างแรง ราวกับแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ…
“ฉึก!”
เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ร่างกายของผีเสื้อพลันตึงเกร็ง ร่างกายของเธออ่อนยวบราวกับสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไป เข่าทั้งสองข้างโค้งงอคุกเข่าลงบนพื้น แขนห้อยลงข้างลำตัว มีเพียงดวงตาไหวระริกที่กำลังจดจ้องมือที่แทงทะลุหน้าอกของตัวเอง…เมื่อเด็กสาวเดินถอยหลังออกไปช้าๆ มือเล็กๆ ของเธอก็ค่อยๆ ถูกดึงออกมา
ผีเสื้อช้อนเปลือกตามองดวงหน้าของเด็กสาวตัวเล็ก พลางอ้าปากอย่างอย่างลำบาก
“อึก อึก…”
เลือดสีแดงทะลักออกมาจากลำคอของเธอ ไม่นาน ร่างกายของเธอไหวสั่น ร่างกายท่อนบนที่ยังยืดตรงอยู่พลันล้มลงไปข้างหน้า และนอนคว่ำลงกับพื้น
เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากข้างล่างตัวเธอ ขณะเดียวกันร่างกายของเธอยังคงกระตุกสั่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะดวงตาที่เบิกกว้างคู่นั้นของเธอ ยังคงหลงเหลือไว้ซึ่งแววตาที่ไม่อยากจะเชื่อ…
“กึก กึก”
รองเท้าหนังสีแดงคู่เล็กๆ ที่หยุดอยู่ในครรลองสายตาของผีเสื้อคู่นั้นพลันขยับเขยื้อน จากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าว
“พวกเราไปกันเถอะ”
เงาร่างเลือนรางของเด็กสาวปรากฏสู่สายตา จากนั้นเธอก็มองดูรองเท้าสีแดงเล็กๆ คู่นั้นหันหลังออกเดินและหายไปอย่างรวดเร็ว…
“พวกเรา? แต่…เธอ…มีแค่คนเดียวนี่นา…ใช่แล้ว เธอไม่ใช่คน…เธอเป็น…”
แก้มของผีเสื้อค่อยๆ จมลงไปในกองเลือด ผีเสื้ออาบเลือดที่อยู่ตรงกลางหว่างคิ้วของเธอ แผ่กลิ่นอายแห่งความเคียดแค้นออกมา…
ปลายทางอีกด้านของซอยเล็กๆ เส้นนี้ ผู้ชายท่าทางเย็นชาคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในสถานที่ที่ดูค่อนข้างยุ่งเหยิง
ชายคนนี้เป็นหนึ่งในคนของพวกนั้น และในการรายงานข้องมูลครั้งแรกของเหมียวเจ๋อ เขาคนนี้ก็เป็นคนที่เสนอให้หลอกใช้ประโยชน์จากพวกหลิงม่อ…ไม่ต้องสงสัย คนคนนี้ก็คือลูกพี่ที่ผีเสื้อพูดถึงนั่นเอง
เทียบกับหลิงม่อที่เป็น “ลูกพี่” เหมือนกัน ชายคนนี้มีราศีของความเป็นผู้นำกว่าหลายส่วน เขาไม่เพียงสวมเสื้อกันลมสีเขจสะอาดสะอ้าน แต่ยังสวมรองเท้าหนังที่เงาวับอีกด้วย
เวลานี้ ข้างเท้าของเขามีถังขยะนอนล้มอยู่หลายถัง ด้านข้างมีประตูหลังที่ถูกเปิดอ้าซ่าไว้
หลังจากที่จ้องถังขยะอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันไปมองทางประตูหลัง
ประตูหลังบานนั้นยังคงสั่นไหวอยู่เล็กน้อย ตรงขอบประตูมีร่องรอยถูกเบียดเสียดหลงเหลือไว้อย่างเห็นได้ชัด…
แต่ในขณะที่เขายกเท้าขึ้นหมายจะเดินเข้าไป เท้าของเขาพลันชะงักลง สายตาพลันตวัดไปมองยังอีกด้านหนึ่งของซอยเล็กๆ เส้นนี้
“ผีเสื้อ?”
ทว่าหลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่นานเขาก็หันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
แต่ครั้งนี้เขากลับหันไปมองทางอาคารเล็กๆ หลังนั้นแทน จากนั้นก็พึมพำกับตัวเอง “อุตส่าห์ได้เจอเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าจะวุ่นวายขนาดนี้…แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ยิ่งเป็นอย่างนี้ ฉันก็ยิ่งมั่นใจ”
เขายื่นมือไปดึงขนสีขาวเส้นหนึ่งที่ติดอยู่ตรงช่องประตูออกมา และยกขึ้นดูอย่างตั้งใจ
ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ เขาก็กลับกระตุกมุมปากเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา พลันยกเท้าถีบออกไปอย่างแรง
เมื่อเสียง “สวบ” ดังขึ้น ปลายเท้าของเขาก็ปะทะเข้ากับพละกำลังกลุ่มหนึ่ง ขณะเดียวกันเงาสีขาวเส้นหนึ่งก็ได้แล่นปราดผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อแรงในการปะทะกันครั้งนี้หายไป กลับเหลือเขายืนอยู่ในละแวกนี้แค่คนเดียวอีกครั้ง
“แค่จะถ่วงฉันไว้งั้นหรอ? น่าเสียดาย ฉันกำลังรีบ…”
พูดไป ชายคนนี้กลับไม่หันไปมองประตูบานนั้นอีก แต่กลับเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนทันใด
เขายันพื้นกระโดดขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็ยันประตูเพื่อกระโดดขึ้นไปที่ระเบียงข้างบนอีกครั้ง
ขณะที่เขาเหยียบราวกั้น เขาชักมือทั้งสองข้างออกมาจากประเป๋าเสื้อ พร้อมกับอาวุธเหล็กสองชิ้นที่ติดมือออกมา มองแวบแรกก็รู้เลยว่าของสิ่งนั้นติดอยู่กับมือของเขา และเห็นแวบแรกก็รู้เลยว่ามันคือตะขอของรถเครนที่ใช้เกี่ยวของใหญ่ๆ และหลังจากที่ตะขอที่อยู่บนตัวเขาสองอันนี้ปรากฏสู่สายตา ร่างกายของเขาก็พลันแผ่รังสีอำมหิตออกมาทันที
นั่นเป็นเพราะว่า ตะขอเหล็กสองอันนั้นมีสนิมขึ้นเต็มไปหมด แต่กลับมีกลิ่นเลือดเหม็นฉุนติดอยู่…
—————————————————————————–