หลิงม่อเหลือบมองที่แขนตัวเอง แล้วก็พบว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังใช้ “มือ” มากมายเกาะแขนเขาไว้…
หลังเงียบไปชั่วอึดใจ หลิงม่อก็คลั่งขึ้นมาทันที “ชิทๆๆๆ!”
เขาแกว่งแขนไปมาไม่หยุด มืออีกข้างจับที่ต้นคอของสัตว์ประหลาดตัวนี้ พยายามจะดึงมันออกจากแขนตัวเอง…
“ดูเหมือนมันจะตัวอ่อนนะ…” หลี่ย่าหลินวิเคราะห์อยู่อีกด้าน
ส่วนซย่าน่านั้นจ้องหน้าหลิงม่อปากอ้าตาค้าง พลันรีบเตือนเสียงเบา “ร้ายดีอย่างไรมันก็เป็นแค่ตัวเมียนะ…”
“ห๊ะ?” หลิงม่อได้ยินก็ชะงัก แต่เพียงหนึ่งวินาทีไห้หลัง สีหน้าเขาก็ดูยุ่งเหยิงยิ่งกว่าเดิม
“ความรู้สึกที่เหมือนโดนดูถูกนี่มันอะไรกัน? ฉันดูเหมือนไอ้โรคจิตที่กินไม่เลือกหรือไง? ถึงมันจะเป็นตัวเมีย แล้วมันจะทำให้ฉันจะรู้สึกดีขึ้นหรือไง!”
แต่ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ ร่างกายของหลิงม่อก็กระด้างแข็ง…
“หลิงม่อ?” หลี่ย่าหลินมองเขาอย่างสงสัย จากนั้นก็เรียกเบาๆ
แต่หลิงม่อกลับกำลังเลื่อนสายตาลงไปข้างล่างช้าๆ สุดก็หยุดมองตรงต้นขาตัวเองด้วยหางตาที่กระตุกยิกๆ
สัตว์ประหลาดที่ถูกพลังจิตโจมตีของน่าน่าเล่นงานจนมึนเบลอตัวนี้ กำลังใช้สองขารัดเขาไว้ และกำลังปีนขึ้นข้างบนอย่างช้าๆ…
“เอามันออกไปเดี๋ยวนี้! ฉิบหาย นี่มันล่วงละเมิดทางเพศชัดๆ!”
“ยังไม่โดนเลยนะนั่น…อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ตัวพี่ซักหน่อย”
“แต่ฉันมีความรู้สึกร่วมนี่!”
………..
“เผละ!”
เมื่อซย่าน่าใช้เคียวดาบเกี่ยวแรงๆ ในที่สุดสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ออกจากตัวหลิงม่อ และร่วงลงบนพื้น
พอร่วงลงพื้น มันก็แนบตัวติดกับพื้นแน่น เหลือเพียง “มือ” พวกนั้นที่ยังคงขยับไปมา ราวกับต้องการจะคว้าอะไรไว้ซักอย่าง “มือ” พวกนั้นของมันงอกอยู่บนแขนขาเดิมทั้งสี่ข้าง เหมือนสิ่งที่เกิดจากการกลายสภาพของแขนขา หน้าอกแผ่นหลัง รวมถึงบนต้นขา มีปุ่มดูดที่หดตัวอย่างต่อเนื่องงอกขึ้นมาเต็มไปหมด
สรุปก็คือ สัตว์ประหลาดตัวนี้คือตะขาบในร่างคน…
หลิงม่อยกแขนขึ้นดู แล้วเขาก็ต้องอึ้งค้างไปชั่วขณะ
ตอนที่ถูกเกาะ นอกจากรู้สึกขยะแขยง เขาก็แทบไม่รู้สึกอะไรอย่างอื่นอีกเลย…แต่มาดูตอนนี้ถึงได้รู้ ว่า “มือ” ของเจ้าสิ่งนั้นกลับแทงลึกเข้าไปในเนื้อของเขา และหากดูดีๆ ก็จะเห็นจุดสีแดงมากมายอยู่ติดกันเป็นปื้น ตรงที่ถูกจุดสีแดงปกคลุม ยุบกว่าจุดอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
“ถูกดูดเลือดซะแล้ว…” หลิงม่อมองสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างตกตะลึง
ซย่าน่าใช้เคียวดาบเกี่ยวมันเข้ามา บอกว่า “วางใจเถอะ หลังจากถูกทำให้สลบ มันดูดตามสัญชาตญาณไปแค่นิดเดียวเท่านั้น ใครใช้ให้พี่หลิงไปกระโจนใส่มันกะทันหันเล่า”
“ชิท! เธอเป็นคนขว้างมันเข้ามานะ!” หลิงม่อเดือด
“จริงหรอ? พลั้งมือน่า…”
“เธอตั้งใจแกล้งฉันให้ตกใจใช่ไหม!”
“คิกคิก…”
“จะว่าไปแล้ว ทำไมพวกมันถึงไม่เข้าไปใกล้รูนั้นล่ะ?”
“สัญชาตญาณน่ะ ถ้าพี่ลองคลานกับพื้นไปนานๆ พี่ก็จะหลบท่อที่ฝาปิดถูกขโมยไปโดยอัตโนมัติเหมือนกันแหละ…”
“ช่างเปรียบเทียบได้แย่มากจริงๆ…”
หลี่ย่าหลินตัดบทพวกเขา ซอมบี้สาวตัวนั้นนั่งมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ยื่นมือไปยัง “มือ” ข้างหนึ่งของมัน
ส่วนที่คล้ายกับนิ้วมือดิ้นขยุกขยิกทันที และเมื่อหลี่ย่าหลินค่อยๆ ชูนิ้วมือขึ้น “มือ” ข้างนั้นก็ยืดยาวตามออกไปด้วยไม่น้อย…ซ้ำเนื้อตรงปลายก็เหมือนจะกำลังเกลือกกลิ้งไปมาอย่างน่าพิศวง
“ตรงนี้มีรูด้วยล่ะ” หลี่ย่าหลินบอก
หลิงม่อรีบนั่งลงไป เขาจ้อง “มือ” ข้างนั้นอยู่ไม่นาน แล้วก็พูดอย่างตกตะลึง “มีจริงด้วย!”
“มือ” ข้างนี้มี “รูเล็กๆ” มากมายที่สามารถเปิดปิดได้อยู่ด้านข้างและตรงปลาย เหมือนเป็นปากขนาดเล็กมากมายที่ติดอยู่บนนั้น จุดสีแดงบนแขนของหุ่นซอมบี้ แน่นอนว่าจุดสีแดงบนแขนหุ่นซอมบี้เกิดจากปากพวกนี้
“ฉันตัดคางของมันก่อน เพราะรู้ว่าถ้ามันสัมผัสถูกตัวเหยื่อเมื่อไหร่ มันก็จะเริ่มกัดตามสัญชาตญาณทันที ถ้าถูกมันกัดเข้า แม้แต่กระดูกก็ยังหักได้” ซย่าน่าบอก
หลิงม่อข่มความสะอิดสะเอียนไว้และยื่นมือออกไปแตะคางของสัตว์ประหลาดตัวนั้น แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนตรงนั้นเด้งดึ๋งเล็กน้อย…วิธีการกำจัดคางของสัตว์ประหลาดสายพันธุ์นี้ ช่างน่ากลัวเกินไปจริงๆ…
“แต่มันมีความสามารถในการฟื้นตัวเองใช่ไหม?” หลิงม่อตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้ว พวกเราก็เลยต้องรีบหน่อยไงล่ะ” ซย่าน่าบอก พลางยกเคียวดาบขึ้นช้าๆ
หลิงม่อหนังศีรษะตึงชา “เธอจะทำอะไร…”
ซย่าน่าเงยหน้า แล้วส่งรอยยิ้มเป็นประกายสดใสให้เขา “ผ่าตัด”
“……”
ความจริงหลังจากที่ซย่าน่าลงมือแล้ว หลิงม่อจึงเพิ่งค้นพบว่าขั้นตอนนี้ไม่ได้น่าขยะแขยงอย่างที่เขาคิด…
เจ้าตะขาบในร่างคนนี้แทบไม่มีเลือดไหลออกมาจากข้างในร่างกายเลย มีแต่ของเหลวหนืดพวกนั้นที่ไหลออกมา
“พวกพี่มาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้หน่อย…ความจริงระหว่างทางฉันตั้งใจว่าจะหาทางออกทางหนึ่งแล้วมุดออกไปรวมตัวกับพวกพี่ก่อน แต่ว่า…ใช่สิ พวกพี่เห็นเงาร่างคนหรือเปล่า” ซย่าน่ากรีดเปิดตั้งแต่ส่วนอกลงมาจนถึงท้องของสัตว์ประหลาดตัวนั้น พลางถาม
“อื่ม…” หลิงม่อขมวดคิ้วพยักหน้า “หรือว่าเธอก็…”
“ใช่ ถูกแล้ว พวกเราต่างก็ถูกล่อมา แต่ฉันไม่ต้องตามหาคนเหมือนที่พวกพี่ตามหาฉัน ฉันก็เลยเจออะไรไม่น้อยเลยล่ะ” ซย่าน่าพูดอย่างย่ามใจ
คราวนี้ไม่ต้องถึงมือหลิงม่อ หลี่ย่าหลินเป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง “อยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บใจยังไงไม่รู้…”
“อย่าพูดอย่างนี้สิ เดี๋ยวรอรู้แล้ว พวกพี่ก็จะดีใจเอง ใช่แล้ว พี่เย่เลี่ยนล่ะ?” ซย่าน่าถาม
“ยังอยู่ข้างนอก” หลิงม่อตอบ
ซย่าน่าพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “พอดีเลย อีกเดี๋ยวต้องให้พี่เขาช่วย”
“ช่วยอะไร?”
ซย่าน่าหัวเราะตาหยี “ล่อเงาร่างน่าชังออกมา จากนั้นก็ฆ่ามันซะ!”
“เธอรู้แล้วหรอว่ามันเป็นตัวอะไร?” หลิงม่อใจเต้นตึกตัก พลันรีบถาม
หลี่ย่าหลินกลับทำหน้างง เห็นชัดว่าฟังบทสนทนาระหว่างพวกเขาไม่เข้าใจ
“แน่นอน…” ซย่าน่าขยิบตาให้หลิงม่ออย่างมีลับลมคมใน แล้วอยู่ๆ ก็ก้มหน้าตะโกนเสียงดัง “ดูนี่เร็ว!”
หลิงม่อกลั้นใจมองตาม แล้วเขาก็อดร้องลั่นด้วยความตกใจไม่ได้ “เธอผ่าตัดได้ขั้นเทพมาก!”
“อิอิ ตอนเรียนฉันเคยผ่ากบน่ะ…” ซย่าน่าตอบ
“ไม่เสียชื่อเด็กเรียนจริงๆ…สามารถประยุกต์การผ่าท้องกบมาใช้กับการผ่าตัดร่างคนได้…” หลิงม่อพึมพำ แต่สองตากลับกวาดสังเกตร่างกายภายในของสัตว์ประหลาดตัวนี้
ตอนนี้มันไม่ขยับแล้ว แต่ดูจากสภาพร่างกายของมัน ไม่มีสัญญาณบ่งบอกใดๆ ว่ามันตายแล้ว
แม้แต่เครื่องในในท้องของมันก็ไม่มีเลือดไหลเลยซักชิ้น แต่ละชิ้นเป็นสีกึ่งโปร่งแสงเนื้อเงาวับทั้งนั้น ดูแล้วไม่เหมือนของจริงเลยแม้แต่น้อย
หลิงม่อกระทั่งรู้สึกว่าเขาไม่ได้กำลังมองร่างกายของมนุษย์อยู่ แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากซิลิโคนมากกว่า…
“มันยังไม่ตาย” ซย่าน่าบอก “เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายถึงชีวิต มันก็จะเข้าสู่ภาวะจำศีลทันที ซึ่งเมื่อมันเข้าสู่ภาวะนี้ก็จะเหมือนกับตายไปแล้ว แต่ถ้าหากพี่หลงกลปล่อยมันไป ไม่นานมันก็จะตื่นขึ้นมา และฟื้นบาดแผลตัวเองจนหายดี อีกอย่าง ร่างกายของมันจะจำกลิ่นของศัตรูไว้ ดังนั้นพอมันตื่น มันก็จะไล่ล่าพี่…”
—————————————————————————–