สวี่ซูหานสะดุ้ง หันไปมองหน้าหลิงม่ออย่างตื่นตระหนก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันมาก เธอกระทั่งสัมผัสถึงสัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่ได้เลย ยิ่งไม่คิดว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวในระยะห่างไม่ถึงยี่สิบเมตรอย่างเงียบเชียบอย่างนี้…ระหว่างทั้งสองฝ่าย มีเพียงทางเดินปูนซีเมนต์สั้นๆ กั้นไว้
ทว่าไม่รอให้มีเสียงอะไรดังเข้ามาจากข้างนอกอีกครั้ง หลิงม่อพลันพูดขึ้นทันที “ไป!”
“จะทำ…”
“ว๊ากกก!”
“เสียงกรีดร้อง” ข้างนอกหลุมดังขึ้นหลายเดซิเบล ขณะเดียวกันเสียง “ตึง ตึง ตึง” นั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงนั้นคล้ายระฆังนาฬิกาที่ดังระรัว ทำให้ผู้ได้ยินอดรู้สึกร้อนรนขึ้นมาไม่ได้
“ไปเร็ว!” คราวนี้ไม่ต้องรอให้หลิงม่ออธิบายอะไร สวี่ซูหานก็เข้าใจ เธอพลิกฝ่ามือจับข้อมือหลิงม่อ จากนั้นก็เริ่มออกวิ่งด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง
“เธอรู้หรอว่าไปทางไหน…”
หลิงม่อเพิ่งจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินสวี่ซูหาน “ฉันสังเกตบนพื้นแล้ว! เขาไปทางนี้…หลิงม่อ ข้างนอกนั่น…คือสัตว์ประหลาดตัวที่ล่อเราเข้ามาหรอ?”
“อื่ม…ดูเหมือนฉันจะคาดการณ์ผิดไปหน่อย ฉันก็นึกว่ามันไม่มีพลังต่อสู้ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมีพลังต่อสู้ถึงขั้นนี้…อีกอย่าง พลังป้องกันของมันก็แกร่งจนน่าทึ่ง…” หลิงม่อขมวดคิ้วพูดติดๆ ขัดๆ
เสี้ยววินาทีเมื่อกี้ เขาใช้หนวดสัมผัสโจมตีอีกฝ่ายจริงๆ และเป้าหมายที่เขาเล็งไป ก็คือดวงแสงแห่งจิตของอีกฝ่าย…แต่ไม่คิดเลย ว่ามันกลับเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมา เมื่อเขาคิดจะลงมือครั้งที่สอง สัมผัสอันตรายก็พุ่งมาจากความมืดทันที ข้างนอกหลุมซีเมนต์แคบๆ นั้น มีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้…
ถ้าหากยังยืนอยู่ที่เดิมที่พวกเขาอยู่เมื่อกี้ พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน อีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่นอกหลุม ซึ่งนั่นอาจทำให้พวกเขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากจะเดินหน้าก็ไม่ได้จะถอยก็ไม่ได้ ถ้าหากถูกถ่วงเวลาให้อยู่ในนี้ สัตว์ประหลาดอีกมากก็จะถูกดึงดูดเข้ามาที่นี่…อีกอย่าง นี่ยังไม่ใช่ความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไป ปลายทางทั้งสองฝั่งของทางเดินเส้นนี้ จะต้องมีอะไรซักอย่างโผล่ออกมาแน่นอน…อย่างน้อยพวกเขาจะต้องออกจากสถานการณ์อันตรายรอบด้านนี้ให้ได้! และวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ก็มีแต่ต้องวิ่งเท่านั้น!
สวี่ซูหานหันไปมองข้างหลังเป็นช่วงๆ เสียงกรีดร้องนั้นยังคงดังชัดเจน และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เธอมักรู้สึกเหมือนตัวเองกับหลิงม่อกำลังวิ่งอยู่ที่เดิม ทั้งที่ออกวิ่งมาหลายวินาทีแล้ว และหากคำนวณจากระยะทางก็น่าจะประมาณหนึ่งร้อยเมตรแล้ว แต่เสียงนั้นไม่เพียงไม่เบาลง ซ้ำยังดังแทรกเข้ามาในสมองอีก ราวกับว่าเสียงนั้นดังอยู่ข้างหูพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
“มันตามมาแล้วหรอ…” สวี่ซูหานอดพูดขึ้นไม่ได้
หากเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเขาก็คงไม่ต่างจากวิ่งพกแตรเข้าไปในรังซอมบี้…
“ปล่อยให้มันตาม!” หลิงม่อหันไปมองข้างหลัง แล้วบอก
ถึงแม้ไม่เห็นว่าหลิงม่อทำอะไร แต่ฟังจากเสียงกรีดร้องข้างหลังที่ดังมาอย่างต่อเนื่อง สวี่ซูหานก็รู้แล้วเขากำลังมองหาช่องโหว่เพื่อโจมตี เพียงแต่การโจมตีของหลิงม่อเกี่ยวพันกับระยะห่างโดยตรง บวกกับทั้งสองต่างอยู่ในระหว่างวิ่งด้วยความเร็วสูง จึงยากรับประกันได้ถึงความแม่นยำและประสิทธภาพในการโจมตี
ทว่าถึงแม้สัตว์ประหลาดตัวนั้นจะไล่ตามไม่เลิก แต่ความดังของเสียงกลับค่อยๆ ลดลง แต่ถึงอย่างนั้น เสียงนี้กลับถูกสภาพแวดล้อมแบบปิดของทางเดินเส้นนี้ทำให้ดังขึ้นหลายเท่าจนฟังดูน่ากลัว
เวลานี้พอมองเข้าไปในความมืดอีกครั้ง ก็มักรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังพุ่งเข้ามาหา…
“สัตว์ประหลาดใต้ดินทั้งหมดจะถูกดึงดูดมาที่นี่ไหม…”
“ไม่หรอก!” หลิงม่อตอบอย่างมั่นใจ
ทางหุ่นซอมบี้ระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี อย่าว่าแต่เสียงร้องเลย แม้แต่เสียงเล็กๆ ก็ยังไม่เล็ดลอดออกไป แต่ในเมื่ออยู่ในพื้นที่เดียวกัน อย่างมากระยะทางตรงก็ไม่น่าเกินหนึ่งพันเมตร หากวิเคราะห์จากสถานการณ์ แสดงว่าท่อน้ำทิ้งเก็บเสียงได้ดีมาก…เพียงแต่ในขณะที่อยู่ในทางเดินเส้นเดียวกัน เสียงนี้จะดังขึ้นหลายเท่า กระทั่งอาจทำให้เกิดเสียงสะท้อนด้วย
“ยังไม่จบแค่นี้หรอก!”
หลิงม่อหน้าเครียด ตั้งแต่ที่หุ่นซอมบี้ของเขาลงมาใต้ดิน สัตว์ประหลาดตัวนี้ตามรังควานเขาไม่เลิก และจูงจมูกทุกคน ตอนนี้พอเปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ตามบ้าง มันกลับยิ่งดุดันร้ายกาจกว่าเดิมเป็นสิบเท่า และความเร็วในการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้ช้าไปกว่าสวี่ซูหานเลย บวกกับสวี่ซูหานยังต้องพาเขาวิ่งไปด้วยอีกหนึ่งคน ภายใต้สถานการณ์ที่ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายจึงลดลงเรื่อยๆ
ขณะนั้น สวี่ซูหานเองก็หันไปมองอย่างครุ่นคิด พลันกรีดร้อง “กรี๊ด”
“เป็นอะไรไป?”
“มัน…” สวี่ซูหานหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เห็นชัดว่าเธอตกใจมาก ในระยะห่างเท่านี้ เธอสามารถมองเห็นรูปร่างของอีกฝ่ายแล้ว
เสียงร้องของสัตว์ประหลาดตัวนั้นเองก็เหมือนจะแสดงถึงความตื่นเต้นขึ้นมาเหมือนกัน มันอ้าปากร้อง “ว๊ากกกก” ยาวๆ มนุษย์ประหลาดที่พวกเขาเจอก่อนหน้านี้ไม่ได้มีปฏิกิริยาแบบนี้ แสดงว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะต้องมีสติปัญญาแน่นอน แถมยังเป็นพวกที่ค่อนข้างโรคจิตซะด้วย…ไม่เพียงเท่านี้ หลิงม่อยังสัมผัสได้ถึงสายตาของสัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นช่วงๆ มันต่างจากความรู้สึกที่ถูกซอมบี้จ้อง สายตาที่มันมองคน มีความชั่วร้ายแฝงอยู่ด้วย…เหมือนมันไม่ได้กำลังมองอาหารอย่างเดียว แต่ยังเต็มไปด้วย “ความคลั่ง”….
“ชิท!”
หลิงม่อล้วงไฟฉายออกมา หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ สายตาเขาก็ต่างไปจากเดิมทันที
ท่ามกลางความมืด ดวงแสงแห่งจิตสีเลือดดวงหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ขนาดของมันเล็กมาก มันก็กำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างต่อเนื่อง…และสิ่งที่ห่อหุ้มดวงแสงดวงนั้นไว้ ก็คือร่างกายของสัตว์ประหลาดตัวนี้…
“ตรงนี้แหละ!” ขณะที่สายตาแปรเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ หลิงม่อกดเปิดไฟฉายดัง “แต๊ก”
ลำแสงของไฟฉายแรงสูงประเภทนี้มีประสิทธิภาพในการฉายลำแสงได้ไกล และสว่างจนน่าทึ่ง!…
“ว๊ากก!”
เมื่อเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมา เสียงบางสิ่งล้มลงในโคลนตมก็ดังตามมาติดๆ
หลิงม่อยังไม่ทันมองเห็นอะไรชัดเจน หนวดสัมผัสของเขาก็พุ่งออกไปโจมตีอีกฝ่ายทันทีที่มันล้ม
ฉึก ฉึก ฉึก!
ขณะที่โคลนกระจายขึ้นกลางอากาศ เสียงกรีดร้องของสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เงียบหายไป แต่ดูจากน้ำโคลนที่ยังกระจายไม่หยุด มันคงไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ร้องไม่ออกเท่านั้น…เสียง “ตึง ตึง” นั้นยังคงดังอยู่เหมือนเดิม ขณะเดียวกันสวี่ซูหานพลันหยุดวิ่ง!
“ว๊ากกก!”
ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที สัตว์ประหลาดตัวนั้นพลันดันร่างกายท่อนบนขึ้นมา ปรากฏกายอยู่ภายใต้แสงไฟฉาย
“ฉิบหาย…” หลิงม่อเพิ่งเห็นรูปร่างที่แท้จริงของสัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นครั้งแรก…แต่ในวินาทีที่เขามองเห็นมันอย่างชัดเจน เขาถึงกับอดสบถคำหยาบออกมาไม่ได้
เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่รูปร่างดุดันน่ากลัวมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเห็นตัวไหนที่ดุดันน่ากลัวเท่านี้มาก่อน…หรือถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือ มันน่ากลัวจนถึงขั้นน่าแขยงเลยทีเดียว…
“ไม่น่าล่ะถึงได้โชว์แค่เงาหลังให้คนอื่นเห็น…หน้าตรงคืออาวุธทางยุทธศาสตร์ดีๆ นี่เอง!”
—————————————————————