“ตอนนี้แหละ วิ่งเลย!”
เมื่อหลิงม่อตะโกนสั่งเสียงเบา สวี่ซูหานพลันสาวเท้าออกวิ่งอย่างรวดเร็วท่ามกลางโคลนตม ราวกับลูกธนูที่พุ่งตัวออกจากคันศร ส่วนหลิงม่อรู้สึกเพียงภาพรอบกายเบลอไปชั่วขณะ แล้วในวินาทีต่อมาเขาก็ยืนอยู่ในส่วนลึกของทางเดิน ไฟฉายแรงสูงยังคงอยู่ในมือ แต่ปลายทางอีกฝั่งของแสงไฟฉายกลับเหลือเพียงจุดเล็กๆ
“เร็วมาก” ในเสี้ยววินาทีที่ผ่านมา หลิงม่อกลั้นหายใจตามสัญชาตญาณ แต่สิ่งที่ทำให้หลิงม่อผิดคาดคือ คราวนี้สวี่ซูหานไม่ได้ดึงแขนเขาวิ่ง แต่กลับใช้แผ่นหลังของตัวเองแบกรับน้ำหนักร่างกายของหลิงม่อไว้…เมื่อทำอย่างนี้ แรงกดดันทางร่างกายของหลิงม่อก็จะลดลงไปมาก…
“ว๊ากกก!”
สัตว์ประหลาดตัวนั้นราวกับชะงักไปชั่วขณะ ทว่าไม่นานมันก็ได้สติ
ทันใดนั้น ร่างกายของมันพลันหยุดนิ่ง ไม่นานมันก็กระโดดขึ้นสูงอย่างสุดความสามารถ และพยายามพุ่งตัวเข้ามาทางพวกหลิงม่อในขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ถึงแม้วิธีการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดตัวนี้จะแปลกไปหน่อย แต่ความเร็วที่ได้จากการยันตัวจากจุดเดิมนั้นน่าทึ่งมาก…แต่ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ก่อนหน้านี้มันคงไม่สามารถไล่ตามพวกเขามาทันอย่างง่ายดาย
ได้ยินเสียงแหวกอากาศขณะสัตว์ประหลาดพุ่งตัวเข้ามา สวี่ซูหานเกร็งไปทั้งตัว แต่หลิงม่อที่อยู่ข้างหลังเธอกลับทำหน้าแน่วแน่ ขณะเดียวกันก็เผยยิ้มมุมปากแปลกๆ “มาเลย ยิ่งเร็วยิ่งดี…”
สวี่ซูหานอดเหลือบมองเขาด้วยหางตาไม่ได้…หรือว่าในระหว่างที่กำลังเล่นสงครามประสาทกันเมื่อกี้ เขาคิดอะไรออกอย่างนั้นหรอ? แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้เข้าใกล้ก็ไม่ได้ โจมตีก็ไม่ได้ แล้วยังสลัดทิ้งก็ไม่ได้อีก…ไม่ว่าจะมองอย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถกำจัดมันได้ในเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอน แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สถานการณ์ก็ยิ่งไม่ส่งผลดีต่อพวกเขา…อีกอย่างเมื่อกี้เขาก็พูดเอง ว่าข้างหลังยังมีอะไรบางอย่างตามมาอีก…
ตกลงว่าจะทำยังไงกันแน่?!
“เมื่อกี้พวกเราฉวยโอกาสตอนมันไม่ทันตั้งตัวเพิ่มระยะห่างแล้ว อาศัยเรี่ยวแรงของฉัน น่าจะวิ่งด้วยความเร็วเต็มสูบอย่างนี้ไปได้หลายนาที…จะวิ่งต่อไป หรือเชื่อหลิงม่อด้วยการเพิ่มความเร็วแค่หนึ่งวิดี?”
อุตส่าห์พลิกขึ้นมาเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว ถ้าหากเสียโอกาสนี้ไปอีก…
ในใจคิดอย่างนี้ แต่เท้าของเธอกลับค่อยๆ วิ่งช้าลง
เมื่อน้ำโคลนที่เกิดจากการย่ำเท้าลงพื้นกระจาย สวี่ซูหานที่ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดให้ละเอียดก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากข้างหลัง
เป็นเสียงร้องที่เล็กแหลม และเจ็บปวดแสนสาหัส!
“ว๊ากกกกก!”
สิ่งที่ต่างไปจากเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ คือเสียงร้องในครั้งนี้ไม่เหมือนเสียงกรีดร้องของเด็กทารกอีกแล้ว แต่มันกลับเหมือนเสียงของเป็ดตัวหนึ่งที่ถูกบีบคอ ทั้งแหบแห้ง และเสียดแทงแก้วหู สัมผัสได้ถึงความทรมานอย่างรุนแรง!
“เกิดอะไรขึ้น?”
ม่านตาของสวี่ซูหานหดเล็กลงทันใด เธอรีบหันหน้ากลับไปมองผ่านหัวไหล่หลิงม่อ แล้วเธอก็มองเห็นภาพที่ทำให้ช็อกสุดขีด…
ระหว่างที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นพุ่งตัวออกมา ราวกับว่ามันกระแทกเข้ากับตาข่ายเหล็กที่มองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น…ภายใต้การพุ่งชนด้วยความเร็วสูงด้วยตัวมันเอง ตาข่ายเหล็กที่เดิมไม่มีทางทำร้ายมันได้มากนักกลับกลายเป็นอาวุธสังหารสำหรับมันไปในทันที…ดวงตาที่ปูดโปนออกมานอกเบ้าเพราะความตื่นเต้นเกินเหตุของมันพุ่งชนเข้ากับ “ตาข่ายเหล็ก” ก่อน ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้มันเสียการทรงตัวและร่วงลงพื้น แต่หลังจากนั้นมันกลับถูก “ตาข่ายเหล็ก” อีกเส้นเสียบร่าง…เมื่อมันกระโดดขึ้นไปบนเพดานของทางเดิน ข้างบนนั้นก็มี “ตาข่ายเหล็ก” ที่เหมือนหนามเม่นรออยู่แล้ว…
ยิ่งเจ็บปวดทรมาน สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ยิ่งดิ้นแรงขึ้น แต่พละกำลังที่มันระเบิดออกมา กลับกลายเป็นอาวุธที่โจมตีตัวมันเอง…พอสวี่ซูหานหันกลับมามอง ภาพที่เห็นคือใต้แสงไฟฉาย สัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังดิ้นพล่านอย่างรุนแรง เลือดเสีแดงสดพุ่งกระจายกลางอากาศ…
“ฮู่ว…ฮู่ว…”
หลิงม่อที่เท้าทั้งสองข้างถึงพื้นหอบหายใจถี่ระรัว เขาจ้องสัตว์ประหลาดตัวนั้นเขม็ง สีหน้าซีดเผือดแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น และภาพที่เขาเห็นด้วย “ตา” ของเขา กลับต่างไปจากภาพที่สวี่ซูหานเห็นโดยสิ้นเชิง
ณ เวลานี้ ระหว่างเขากับสัตว์ประหลาดตัวนั้น มีหนวดสัมผัสสีเลือดอยู่มากมายเต็มไปหมด…หนวดสัมผัสเหล่านั้นเชื่อมต่อกันระโยงระยาง และขวางกั้นไม่ให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นพุ่งเข้ามาได้ ทางเดินคับแคบและตรงแน่วเหมือนแท่งดินสอเส้นนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดแก่การวางกับดักของหลิงม่อ และพลังโจมตีที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นมี ก็กลายเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้กับหลิงม่อ…ระหว่างที่ถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นไล่โจมตี หลิงม่อก็เริ่มเตรียมพร้อมเงียบๆ แล้ว ตั้งแต่หนวดสัมผัสหนึ่งเส้น จนถึงสิบเส้น…อาศัยแค่พลังของหนวดสัมผัสอย่างเดียว ไม่สามารถสร้างบาดแผลที่อันตรายถึงชีวิตให้กับสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้
อีกอย่าง ที่นี่ไม่ได้มีแค่สัตว์ประหลาดตัวนี้ตัวเดียว มันเป็นแค่เหยื่อล่อตัวหนึ่ง สิ่งที่ถูกมันดึงดูดเข้ามาต่างหากล่ะ ที่เป็นปัญหาที่แท้จริง…ดังนั้นมีแค่กับดักที่เขาสร้างขึ้นในตอนนี้เท่านั้น ที่จะมีพลังที่สุด และใช้ได้ผลที่สุดในเวลานี้! เดิมทีข้อได้เปรียบของพวกเขาก็คือความเร็ว แต่เมื่อข้อได้เปรียบนี้ถูกตีเสมอ พวกเขาก็จำเป็นต้องพิจารณาหาทางอื่นแทน…
“ไม่สิ ความเร็วยังคงเป็นข้อได้เปรียบอยู่! วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ แต่สำหรับสัตว์ประหลาดที่เคลื่อนไหวเร็วอย่างนี้ กลับได้ผลอย่างน่าทึ่ง! แวบแรกทางเดินคับแคบอาจดูเหมือนไม่ส่งผลดีกับเรา แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ มันกลับดีที่สุดแล้ว…”
ที่สำคัญที่สุดก็คือ หนวดสัมผัสเหล่านี้ไม่ได้ไร้ชีวิต แต่พวกมันมีชีวิต…ขณะที่สัตว์ประหลาดถูกมัดไว้ด้านหนึ่ง หนวดสัมผัสเหล่านี้ก็ค่อยๆ เลื้อยเข้าไปหา ปลายด้านหนึ่งของพวกมันถูกหลิงม่อกำแน่นไว้ในมือ ในขณะที่อีกด้านเปรียบเสมือนงูพิษร้ายกาจนับไม่ถ้วน ที่กำลังกลืนกินสัตว์ประหลาดตัวนั้น…
“ว๊ากกก!” สัตว์ประหลาดยังคงกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง แต่ระยะห่างที่ไม่ได้ถือว่าไกลมากนี้ กลับกลายเป็นเหมือนอาวุธร้าย ที่มันทั้งไม่สามารถสลัดทิ้ง และไม่สามารถโต้กลับได้ ยิ่งมันขัดขืน มันก็ยิ่งได้รับบาดเจ็บรุนแรงขึ้น เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกจากส่วนต่างๆ ของร่างกายมัน และเสียงหอบหายใจของหลิงม่อก็ราวกับสัญญาณเร่งความตาย ที่ดึงดูดให้มันอยากเข้าใกล้จนแทบคลั่ง แต่ในระหว่างนั้น ร่างกายของมันกลับค่อยๆ ถูกฉีกทึ้งทีละนิดๆ…
“คิดว่าฉันสู้แกไม่ได้จริงๆ น่ะหรอ…ก็บอกแล้ว ถ้าเหยื่อหันกลับมาล่าผู้ล่า ไม่แน่ว่าผู้ล่าอาจกลายเป็นอาหารของเหยื่อก็ได้…” หลิงม่อคิดในใจ
สวี่ซูหานปากอ้าตาค้าง เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าในเวลาสั้นเพียงเสี้ยววินาทีนั้น หลิงม่อกลับสามารถคิดวิธีการอย่างนี้ขึ้นมาได้…สามารถพลิกจากฝ่ายเสียเปรียบมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แถมยังพิจารณาทุกอย่างที่อยู่รอบกาย…อย่างอื่นไม่ว่า แค่วิธีการสังหารนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกขนลุกแล้ว…
ทั้งที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมากแท้ๆ แต่เวลานี้มันกลับกำลังถูกพลังงานไร้รูปหลายกลุ่มรุมเล่นงานอย่างน่าอนาถ ในวินาทีที่เธอกระโจนออกไป เธอยังสัมผัสถึงคลื่นพลังงานเหล่านี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ…
“ก็หมายความว่าหลังจากที่ฉันเริ่มออกวิ่ง เขาก็รีบปล่อยพลังออกไปทันทีงั้นหรอ?” สวี่ซูหานอดมองหลิงม่อแวบหนึ่งไม่ได้ ที่เขาหน้าซีดขนาดนั้น คงเป็นเพราะอย่างนี้สินะ…ถึงแม้คลื่นพลังงานพวกนี้จะไม่รุนแรงมากนัก แต่หากจะทำให้สำเร็จได้ กลับต้องใช้สมาธิอันแน่วแน่…หากเพียงช้าไปแค่จังหวะเดียว…ไม่ ถึงแม้จะช้าไปเพียงหนึ่งวินาที สถานการณ์อาจต่างไปจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิงก็ได้ ในทางกลับกัน หากเร็วกว่านี้ไปอีกแม้เพียงนิดเดียว ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่ต่างกัน
ต้องกุมจังหวะเวลาไว้อย่างมั่นใจ จากนั้นก็ใช้ความสามรถพิเศษอย่างใจเย็นเท่านั้น ถึงจะได้ผลลัพธ์อย่างในตอนนี้…
ถึงแม้ไม่รู้ว่าพลังพิเศษของหลิงม่อคืออะไร แต่สวี่ซูหานที่เป็นซอมบี้กลับเข้าใจดี ในเสี้ยววินาทีเมื่อกี้ หากสัตว์ประหลาดตัวนั้นมีโอกาสไหวตัวทันแม้เพียงน้อยนิด มันอาจหลบเลี่ยงได้ทันก็ได้…
“ทำไมถึงใจเย็นได้ถึงขนาดนี้? ไม่สิ ไม่ใช่ใจเย็น…ความจริงแล้วเขาตื่นเต้นมาก…” สวี่ซูหานจ้องหลิงม่อไม่วางตา ส่วนตัวคนถูกจ้องกลับยืนชันเช่า แล้วจับจ้องไปยังสัตว์ประหลาดตัวนั้น…ถึงแม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นจะกำลังร้องอย่างเจ็บปวดไม่หยุด เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายใจ…
สิบกว่าวินาทีผ่านไป ในที่สุดเสียงร้องของสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เงียบหายไป และเวลานี้ภายใต้แสงไฟฉาย บนโคลนและกำแพงก็มีแต่รอยเลือดเต็มไปหมด…ศพของสัตว์ประหลาดนอนหงายหน้าอยู่ท่ามกลางโคลนตม แขนขาทั้งสี่ราวกับยังกระตุกสั่นไม่หยุด
“คลื่นดวงจิตดับไปแล้ว น่าจะตายแล้วล่ะ”
หลิงม่อเพิ่งจะขยับตัว อยู่ๆ ก็ถูกดึงแขนไว้ เขาหันหน้าไปมอง แล้วถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรอ?”
สวี่ซูหานหน้าเหวอ แล้วพูดเหมือนทำหน้าตะร้องไห้ “มัน…มันแกร่งกว่าฉันมาก…”
“เอิ่ม…แล้ว?” หลิงม่อถามต่อ
“อยู่ๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย…”
“ช่วยเอาเกียรติของซอมบี้ออกมาแสดงให้เห็นบ้างได้ไหม…”
“แล้วฉันก็รู้สึกว่าการกลัวมนุษย์เป็นอะไรที่เฮงซวยที่สุดเลยด้วย! อ๊ะ…”
“นี่…”
———————————————————