“ฉันหาพวกนี้ได้…” อวี่เหวินซวนบอก
“……”
ทั้งสามมองตากันเงียบๆ ครู่หนึ่ง ไม่นานหลิงม่อก็พูดขึ้นว่า “สัตว์ประหลาดตัวนี้มีความชอบที่พิเศษมากจริงๆ…” ขณะที่พูด เขาก็ก้มหน้าพิจารณ์สิ่งของเหล่านั้น…ดูจากรูปแบบ ความจริงสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้มีมาตรฐานอะไรในการเก็บสะสม นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้หลิงม่อผิดคาดก็คือ ในจำนวนเหล่านั้นมีของผู้ชายรวมอยู่ด้วย…ดูเหมือนมันไม่ใช่แค่ไม่สนใจรูปแบบ แต่ไม่สนใจเรื่องการแบ่งเพศด้วย…
พอเห็นหลิงม่อจ้องมองอย่างละเอียด สวี่ซูหานกระแอมเสียงขุ่นเคือง พลางถลึงตาจ้องหน้าพวกเขา
อวี่เหวินซวนที่จู่ๆ โดนลูกหลงหัวเราะแห้ง จากนั้นก็โบกมือไปมาอย่างปฏิเสธความผิด “ตอนที่ฉันได้มา ของพวกนี้ล้วนอยู่ในสภาพสะอาดทั้งนั้น ดังนั้นฉันคิดว่า ที่นี่จะต้องมีสัตว์ประหลาดขึ้นไปบนพื้นบ่อยมากแน่ๆ และพวกมันก็มักเก็บของพวกนี้ลงมาไว้ที่นี่ผ่านทางเข้าออก ไมแน่ว่า…ทางเข้าออกนี้…”
“อาจอยู่ใกล้ๆ” หลิงม่อพูดต่อ
ทั้งสามสบตากันอีกครั้ง สองวินาทีถัดมา สวี่ซูหานพลันพูดขึ้นอย่างอดตื่นเต้นไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรอยู่อีก พวกเรา…” แต่เพิ่งจะพูดได้ครึ่งเดียว เธอก็เงียบไปอีกครั้ง หาทางออกใกล้ๆ เจอย่อมเป็นเรื่องดี…แต่สัตว์ประหลาดตัวนั้นยังอยู่ที่นี่นี่นา! ไม่ใช่แค่เจ้าตัวที่มากินอาหาร แต่ยังมี “บุคคลที่สาม” ซึ่งมีพลังแข็งแกร่งและเป็นคนลอบโจมตีอวี่เหวินซวนอยู่อีกด้วย…
ถึงอวี่เหวินซวนจะบอกว่าไม่รู้เขาไปอยู่ไหนแล้ว แต่หลิงม่อกับสวี่ซูหานกลับเพิ่งมาจากช่องทางเดินเส้นนั้น ตลอดช่องทางเดินเส้นนั้นพวกเขาไม่เจอเงาคนอื่นเลย ดังนั้นนอกจากว่าข้างหน้ายังมีช่องทางเดินอยู่อีก หากไม่อย่างนั้น “บุคลลที่สาม” ต้องยังอยู่แถวนี้แน่นอน
อีกอย่างในพื้นที่ที่กว้างขวางอย่างนั้น ใครจะรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่อีกหรือเปล่า…บวกกับไอหมอกมืดปกคลุมไปทั่ว การตามหาทางออกในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ยากเกินไป แต่การแปลงร่างของเจ้า “โอเบลิสก์” รวมถึงเสื้อในกางเกงในเหล่านี้ที่ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่ามีปัญหาซ่อนอยู่ กลับทำให้สวี่ซูหานรู้สึกแปลกๆ…
“สัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่ได้เก็บสะสม…อาจเป็นไปได้มากว่าพวกมันกำลังเรียนรู้วิธีการแต่งตัว หรือก็คือเรียนรู้วิธีปลอมตัวเป็นมนุษย์…” อยู่ๆ หลิงม่อพลันพูดขึ้นมา “ก็เหมือนกับคนฉีกหน้าที่อวี่เหวินซวนเห็น…เจ้านั่นเรียกตัวเองว่าโอเบลิสก์ หลังจากที่นายโดนลากออกไปมันก็แปลงร่างเป็นนาย จากนั้นก็วิ่งมาหลอกล่อพวกเราให้มาที่นี่ ต่อมาตอนที่ถูกพวกฉันจับได้ มันก็เคยพูดถึงเรื่อง ‘การเรียนรู้’ หรือ ‘การเข้าไปปะปนท่ามกลางมนุษย์’ อะไรทำนองนั้นด้วย ฉันว่า เรื่องนี้ได้บ่งบอกถึงอะไรหลายอย่างแล้ว…”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้…” อวี่เหวินซวนอึ้ง
หลิงม่อครุ่นคิด “ไม่น่าล่ะภายหลังสัตว์ประหลาดตัวนั้นถึงได้หมดแรงเร็วนัก ที่แท้ตอนที่พวกเราเจอมัน มันก็ใช้พลังแปลงร่างเป็นรอบที่สองแล้วนี่เอง แถมยังเป็นการแปลงร่างเป็นคนสองคนที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย…บวกกับมันไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับอวี่เหวินซวนมากนัก และแปลงร่างได้ค่อนข้างเร่งรีบ ดังนั้นจึงได้เผยพิรุธตั้งแต่อ้าปากครั้งแรกอย่างนั้น…
แต่ถึงแม้อย่างนั้น เรื่องนี้หากคิดให้ดีก็ยังคงน่ากลัวมาก!
ตอนนี้เรื่องที่หลิงม่อสนใจมากที่สุดก็คือ…ตอนที่ปรากฏตัวต่อหน้าอวี่เหวินซวน เจ้า “โอเบลิสก์” แปลงร่างเป็นใครกันแน่…ถ้าหากได้คำตอบนี้มา ไม่แน่ว่า…
“เรื่องทางเข้าออกเอาไว้ก่อน ในเมื่อหาของพวกนี้ได้ที่นี่ ก็ไม่แน่ว่าอาจหาของใช้มนุษย์อย่างอื่นเจอด้วย อาศัยของพวกนี้ พวกเราน่าจะรู้ว่าพวกมันปลอมตัวและเลียนแบบไปถึงขั้นไหนแล้ว” หลิงม่อ
เทียบกับซอมบี้ สัตว์ประหลาดพวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…ซอมบี้จะฟื้นฟูความทรงจำกลับมาช้าๆ ในระหว่างวิวัฒนาการ และเริ่มมีนิสัยเฉพาะของตัวเอง ถึงแม้อาจดูเหมือนมีบางจุดที่คล้ายกับมนุษย์ แต่ความจริงมันกลับมีความแตกต่างที่ชัดเจนมาก แต่สัตว์ประหลาดพวกนี้ พวกมันกลับเข้าใกล้มนุษย์ได้อย่างใกล้ชิดผ่านการปลอมตัวและเลียนแบบ ขณะที่เนื้อแท้กลับเป็นเพียงเครื่องจักรสังหารโดยแท้
หากถกกันเรื่องระดับความอันตราย บางที่สัตว์ประหลาดพวกนี้คงจะอันตรายกว่า…
ข่าวดีเพียงเรื่องเดียวก็คือ ผลงานสมบูรณ์แบบอย่างเจ้า “โอเบลิสก์” นั้นมีจำนวนน้อยมาก…
“ลักษณะเด่นพื้นฐานของสัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่น่าจะต่างจากซอมบี้มาก…ซึ่งหมายความว่า พลังความสามารถที่สัตว์ประหลาดพวกนี้มี ได้มากจากร่างแม่…ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องรู้ ก็คือร่างแม่ตัวนั้นอยู่ในระดับใดแล้วกันแน่…” หลิงม่อพูดด้วยสายตาเคร่งขรึม
เห็นชัดว่าที่นี่ไม่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อเจ้า “โอเบลิสก์” ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ถูกสัตว์ประหลาดไอหมอกมืดพวกนั้นฆ่าตายในช่องทางเดิน กลับกัน “บุคคลที่สาม” ที่เอาตัวอวี่เหวินซวนไป อาจเป็นคนที่สามารถเข้าออกไอหมอกมืดได้ตามใจชอบ…บางทีหน้าที่ของมัน อาจเป็นการนำอาหารพิเศษอย่างอวี่เหวินซวนส่งเข้าไป และเพราะมีมันอยู่ อวี่เหวินซวนจึงไม่ถูกสัตว์ประหลาดไอหมอกมืดโจมตี
อีกหนึ่งสถานะที่อาจได้รับการปฏิบัติที่พิเศษ ก็คือเจ้าของอาหารที่สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดพวกนั้นนำเข้าไปส่ง…นอกจากนี้ก็ยังมีอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ…
ร่างแม่!
ดังนั้นที่หลิงม่อพูดอย่างนี้ ก็หมายความว่า เป็นไปได้มากว่าสิ่งของเหล่านี้อาจเป็นของร่างแม่…
สิ้นเสียงพูดของเขา สวี่ซูหานใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่อวี่เหวินซวนก็ยังกำหมัดแน่นโดยอัตโนมัติ เหมือนตระหนกกับสิ่งที่ได้ยิน
“ร่างแม่…แปลงร่างเป็น…มนุษย์ได้…” สวี่ซูหานพลันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
การแปลงร่างของเจ้า “โอเบลิสก์” ก็น่าตกใจมากอยู่แล้ว! อย่างน้อยดูจากภายนอก การแปลงร่างของมันก็แทบไม่เห็นช่องโหว่อะไรแล้ว! แต่พลังของมัน กลับเทียบกับพลังของร่างแม่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย…ถ้าอย่างนั้น ร่างแม่ทำได้ถึงขั้นไหนแล้วล่ะ?
ไม่กล้าคิดไปไกลกว่านี้แล้ว!
ตอนนี้เธอเข้าใจเหตุผลที่หลิงม่อรั้งอวี่เหวินซวนไว้แล้ว…เขาไม่ได้คิดจะคัดค้านความคิดของอวี่เหวินซวน แต่เขาเพียงต้องการรวบรวมข้อมูลที่ทั้งสองฝ่ายมีเข้าด้วยกันก่อนจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น พวกเขาจึงจะไม่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำโดยกะทันหัน สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า อาจเป็นศัตรูที่น่ากลัวมากก็ได้…แต่อย่างน้อยดูจากตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้จักซักนิดอีกต่อไป พอคิดอย่างนี้ พวกเขาก็รู้สึกวางใจได้บ้างไม่มากก็น้อย
耽搁这点时间对于他们来说,却是极为重要的……
สำหรับพวกเขา การเสียเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านี้กลับเป็นเรื่องที่สำคัญสุดๆ…
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องออกไปดูแล้วล่ะ…” อวี่เหวินซวนอ้าปากพูด “ฉันสังเกตการณ์อยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว ทุกครั้งที่มีเสียงดังฉันจะออกไปดู จากนั้นฉันก็สรุปกฎการเคลื่อนไหวขั้นต้นของเจ้าพวกนั้นผ่านวิธีนี้ ดังนั้นเมื่อกี้ที่ฉันไปเจอพวกนายได้ ก็เพราะอย่างนี้แหละ บอกตามตรง เมื่อกี้พวกนายใจกล้าเกินไปนะ…ฉันไม่รู้หรอกว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ทุกครั้งที่เข้าใกล้มัน ฉันก็รู้สึกขนลุกขนพองตลอด”
“นายมีสิทธืพูดอย่างนั้นด้วยหรอ!” สวี่ซูหานตวาด
“อุวะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” อวี่เหวินซวนหัวเราะแห้งๆ
ไม่คิดว่าหลิงม่อกลับพยักหน้า แล้วพูดอย่างเห็นด้วย “เป็นอย่างนั้นจริงๆ…ตอนนั้นฉันยังอยู่ห่างจากมันเล็กน้อย แต่แค่สัมผัสถึง ฉันก็รู้สึกไม่ดีมากแล้ว กระทั่งรู้สึกอึกอัดเลยก็ว่าได้ เจ้านั่น น่ากลัวมากจริงๆ…” พูดถึงตรงนี้ เขาก็วกกลับไปพูดเรื่องเดิมอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้มันก็น่าจะอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างมั่นคงแล้ว?”
“ใช่!” อวี่เหวินซวนพูดระคนตื่นเต้นว่า “ก่อนหน้านี้ที่ฉันหนีมา มันดูคลั่งอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อกี้ตอนที่พวกนายโผล่มา มันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้…ดูเหมือนว่าหลังจากกินอิ่มมันก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นอีก ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุดที่พวกเราจะออกไปนะ”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก…” สวี่ซูหานพึมพำ
ทว่าฟังจากน้ำเสียงของสองคนนี้ เธอก็รู้แล้วว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดพวกเขาได้อีก…พวกเขาตัดสินใจจะไปแน่แล้ว แต่บอกตามตรง ในขณะที่รู้สึกกลัว เธอเองก็รู้สึกฉงนกับสถานที่แห่งนี้มาก…อยู่ๆ สวี่ซูหานก็รู้แล้วว่าทำไมหลิงม่อถึงได้ดูตื่นเต้นอย่างนั้น…เขาเหมือนกับเธอ ที่ต่างก็สนใจการแปลงร่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้นมาก!
หรือพูดให้ถูกก็คือ ที่เธอสนใจเพราะเธอเป็นซอมบี้ แต่ที่หลิงม่อสนใจ กลับเป็นเพราะพวกเย่เลี่ยน…บางที เขาอาจยังหมายปองไวรัสนางพญาที่อยู่ในตัวสัตว์ประหลาดพวกนั้นด้วยก็ได้…
“อุแหวะ…” พอคิดถึงตรงนี้ สวี่ซูหานก็หงุดหงิด…
แต่ช่วยไม่ได้ เธอยังต้องกินอยู่ดี…
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ใช่สิ นายยังจำที่ที่เจ้าโอเบลิสก์ล่อนายไปก่อนหน้านี้ได้ไหม?” อยู่ๆ หลิงม่อก็ถามขึ้น
อวี่เหวินซวนชะงัก จากนั้นก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “จำได้สิ”
“ถ้าหากมีโอกาส พวกเราไปที่นั่นซักครั้งกัน” หลิงม่อบอก
เสื้อผ้าที่เจ้า “โอเบลิสก์” ถอดออกก่อนหน้านั้น อาจจะยังอยู่ที่นั่นก็ได้…ไม่รู้ทำไม หลิงม่อมักรู้สึกว่า การแปลงร่างก่อนหน้านั้นของเจ้า “โอเบลิสก์” เป็นเรื่องที่สำคัญมาก…
————————————–