ไม่กี่วินาทีต่อมา ฝาเหล็กถูกเปิดออกท่ามกลางเสียงดัง “ครืดด”
พอเห็นไอหมอกมืดที่อยู่ข้างนอก สวี่ซูหานพลันตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ใช่การเฝ้าตอรอกระต่ายอีกแล้ว แต่พวกเขากำลังเคลื่อนไหวใต้จมูกสัตว์ประหลาด…ความรู้สึกกดดันตอนที่ตามสัตว์ประหลาดตัวนั้นอยู่ข้างหลัง สู้ตอนนี้ไม่ได้เลยซักนิด…
อวี่เหวินซวนมุดออกไปคนแรก ต่อมาเป็นหลิงม่อ พอถึงตาเธอ ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาจากข้างนอก ทำให้สวี่ซูหานที่กำลังตัวสั่นสงบใจลงได้บ้าง เธอคว้ามือหลิงม่อ จากนั้นก็กระโดดตามลงมา
“จุดที่ฉันเคยผ่านมาก่อนคงไม่ต้องดูแล้ว ดังนั้นสถานที่ที่เราจะไปสำรวจต่อไปนี้ คือสถานที่ที่พวกเราไม่รู้จักเลย ระวังตัวและตามติดฉันไว้ อย่างน้อยฉันก็สามารถแยกแยะสถานการณ์ของสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้จากเสียง แต่ในด้านสัมผัสรู้ คงต้องพึ่งนายแล้วล่ะ หลิงม่อ” หลังจากระโดดลงมา อวี่เหวินซวนไม่ได้เร่งรีบ กลับหันมากำชับทั้งสองคนเสียงเบา
พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ เขาก็ถาม “คือว่า…ผู้ประกาศข่าวสวี่ พลังพิเศษของเธอคือ?”
“ฉัน…ฉันค่อนข้างเร็ว การได้ยินและรับกลิ่นก็ค่อนข้างดี การมองเห็นก็เหมือนกัน” สวี่ซูหานพูดติดๆ ขัดๆ เธอมีพลังพิเศษอะไรที่ไหนกัน…ตอนที่ยังเป็นมนุษย์เคยมี แต่ตอนนี้ทั้งหมดถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการกลายพันธุ์ของร่างกาย แม้แต่พลังแปลงร่างของเจ้า “โอเบลิสก์” ความจริงก็เป็นการกลายพันธุ์อย่างหนึ่ง…แน่นอนว่าหากว่ากันตามเนื้อแท้ ผู้มีความสามารถพิเศษท่ามกลางหมู่มนุษย์เองก็เป็นผู้กลายพันธุ์เหมือนกัน…เพียงแต่ปัญหานี้ เธอเพิ่งจะมาเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้เอง
“ความสามารถรอบด้านขนาดนั้นเลยหรอ!” อวี่เหวินซวนตะลึง เขาครุ่นคิดแล้วบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ถ้าเธอได้ยินเสียงอะไรก็บอกฉันก่อนนะ เผื่อว่าฉันอาจได้ยินช้าไป บวกกับพลังสัมผัสรู้ของหลิงม่อ พวกเราอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีเวลาเตรียมรับมือ เมื่อเป็นอย่างนี้ อันตรายก็จะลดลงมาก”
“เอาเสื้อในกางเกงในพวกนั้นไปด้วย” หลิงม่อบอก
“มีประโยชน์อะไร…” สวี่ซูหานไม่เข้าใจ
อวี่เหวินซวนร้องตะลึง “คิดไม่ถึงเลย…เดี๋ยวก่อน หรือว่านายกับย่าหลิน…”
“เปล่าซักหน่อย! ของรุ่นพี่ฉันก็ไม่เคยเก็บสะสมไว้!” หลิงม่อพูดอย่างเอือมระอา “ก็นายมีความสามารถพิเศษด้านพลังธาตุไฟไม่ใช่หรอ? ถ้าเอาพวกนั้นไปก็สามารถทำเป็นบอลเพลิงแบบง่ายหรืออะไรทำนองนั้นได้…พยายามจุดหน่อยก็ติดไฟเอง ไม่แน่อีกเดี๋ยวมันอาจมีประโยชน์ขึ้นมาก็ได้…”
ทั้งสองต่างชะงักไปพร้อมกัน…พวกเขาคิดลึกเกินไปตามคาด แถมยังคิดไม่ถูกประเด็นซะด้วย สถานที่แห่งนี้มีแต่ไอหมอกมืด ถ้าหากมีบอลไฟ นอกจากจะสามารถใช้ในการสำรวจได้ แล้วยังสามารถใช้ล่อสัตว์ประหลาดออกไปในยามคับขันได้อีกด้วย ของดีสารพัดประโยชน์อย่างนี้ พวกเขากลับมองข้ามไป…
“บวกกับพลังของฉัน เราสามารถทำให้บอลไฟลอยขึ้นไปบนอากาศ” หลิงม่อพูดเสริมหนึ่งประโยค ก่อนหน้านี้เขาก็คิดไว้อย่างนี้ หลังจากที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นกระโจนเข้ามาตรงหน้า หากสามารถใช้ตาข่ายหนวดสัมผัสกำราบมันไว้ได้ย่อมดี ถ้าหากไม่ได้ เขาก็ยังสามารถใช้ไฟฉายล่อมันออกไปชั่วคราว จากนั้นก็ให้สวี่ซูหานพาเขาวิ่งหนี
วิธีนี้ใช้ได้แค่ในสถานที่แบบนี้เท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นในช่องทางเดิน มันย่อมใช้ไม่ได้ผล…
“ความคิดดี!” อวี่เหวินซวนมุดกลับเข้าไปหยิบสิ่งของกองนั้นยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง แล้วจึงตบก้นสองสามที บอกว่า “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ ตามฉันมา”
เขาบอกว่าจะไปก็ไปทันที…เพิ่งสิ้นเสียงพูด เขาก็ก้าวเดินเข้าไปในไอหมอกมืดและหายไป สวี่ซูหานรีบเดินตามไป เธอกำลังจะหันกลับมาดึงหลิงม่อ กลับพบว่าหลิงม่อเดินขนาบข้างตามมาแล้ว
“ใช่สิ…พลังสัมผัสรู้ของเขา…” สวี่ซูหานหดมือที่ยื่นออกไปกลับเข้ามา เห็นชัดว่า ตอนนี้หลิงม่อได้ล็อคตำแหน่งของอวี่เหวินซวนไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เธอนำทางอีก แต่ไม่รู้ทำไม สวี่ซูหานกลับรู้สึกเศร้าและผิดหวังเล็กน้อย…
“โอ๊ย บ้าที่สุดๆๆๆๆ!” เธอยกมือปิดหน้า แต่มันกลับกลายเป็นการตบหน้ากากตัวเองดัง “เพี๊ยะ”
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลิงม่อหันกลับมาถามอย่างเป็นห่วง
“มะ…ไม่เป็นไร…” ใต้หน้ากาก สวี่ซูหานรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงเถือกไปทั้งดวง…นี่มันเวลาไหนแล้ว สมองเธอกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กันหา! ไม่ได้ๆ ถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไปคงต้องมุดดินหนีแล้ว…
“ฉันจะช่วยเขาดูทาง…” สวี่ซูหานพูดเสียงเบา จากนั้นก็เดินจ้ำไปข้างหน้า ตามอวี่เหวินซวนไปติดๆ
หลิงม่อเดินตามหลังมาอย่างไม่เร่งรีบ แล้วยังกวาดมองรอบๆ เป็นระยะ
ท่ามกลางไอหมอกมืดมีแต่ความเงียบงัน ไร้สรรพเสียง อวี่เหวินซวนพูดถูก สัตว์ประหลาดตัวนั้นกินจนอิ่มแล้ว ตอนนี้มันไม่เคลื่อนไหวอีก แต่พอนึกถึงเหตุการณ์น่ากลัวตอนที่มันพุ่งเข้ามาเมื่อกี้ สวี่ซูหานก็ขวัญหนีดีฝ่อ พอมองไอหมอกมืดเหล่านี้อีกครั้ง เธอก็ไม่รู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อยอีก กลับยิ่งหวาดผวากว่าเก่า…
หลังจากเดินหน้าสำรวจไปประมาณหนึ่งนาที สวี่ซูหานพลันร้องเสียงเบาขึ้นมา “ตรงนั้น!”
เธอเห็นชายเสื้อตัวหนึ่งรางๆ อวี่เหวินซวนรีบยื่นออกไปคว้ามันเข้ามา
เขาใช้วิธีที่พิเศษมาก…อันดับแรก เขายื่นมือไปทางสิ่งของกองนั้นอย่างรวดเร็วก่อน หลังจากทำให้ประกายไฟสว่างขึ้นวูบหนึ่ง เขาก็รีบหยิบมันขึ้นมา เมื่อมีร่างกายเขาบดบังไว้ ประกายไฟเล็กน้อยเท่านี้สิ่งมีชีวิตอื่นไม่มีทางเห็น ซึ่งนั้นแสดงว่าความสามารถในการควบคุมพลังของอวี่เหวินซวนแข็งแกร่งในระดับหนึ่งแล้ว…ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อยู่ว่างๆ ในระหว่างที่อยู่ในค่ายปาฏิหาริย์
อาศัยประกายไฟวูบนั้น เขามองเห็นรูปแบบของเสื้อตัวนั้นอย่างชัดเจน… “ชุดเดรสของผู้หญิง” อวี่เหวินซวนใช้มือทำท่าประกอบ “แถมยังเป็นแบบอกลึกซะด้วย สัตว์ประหลาดตัวนั้นตามเทรนด์เหมือนกันนะเนี่ย…”
“ตามเทรนด์มากจริงๆ…” หลิงม่อทอดสายตามองไปข้างหน้า “ถ้าหากก่อนหน้านี้ฉันเดาไม่ผิด ที่นี่จะต้องมีเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์แน่นอน ฉันว่า แรกเริ่มสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็คงไม่รู้ว่าตัวเองควรใส่อะไรแบบไหน ก็เลยลองใส่เสื้อผ้าหลายๆ แบบ ผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้ของมัน ไม่แน่ว่าแม้แต่ซอมบี้พวกนั้นก็อาจใช่ด้วย”
“ก็จริง…” สวี่ซูหานพยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นจึงก้มหน้ามองหาอย่างตั้งใจ
หลังจากเจอเสื้อเดรสตัวนั้น พวกเขาก็เดินคลำทางไปอีกระยะหนึ่ง จนเจอชิ้นที่สองเข้า
เหมือนที่หลิงม่อบอก มันเป็นเสื้อผ้าที่แตกต่างกับชิ้นที่แล้วอย่างสิ้นเชิง…
ไม่นาน บริเวณรอบๆ ก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ทั้งถูกแขวนไว้บนผนังและทิ้งไว้บนพื้น บางจุดกระทั่งมีเสื้อผ้ากองอยู่
รูปแบบ เพศ กระทั่งสี ล้วนแตกต่างกัน หากมองจากมุมมองของสัตว์ประหลาด มันเป็นการทดลองใส่เสื้อผ้าหลายๆ แบบอย่างที่หลิงม่อบอกจริงๆ
และในระหว่างที่ค้นหาพร้อมกับตรวจสอบ ความคิดอันน่ากลัวหนึ่งก็ได้เริ่มก่อตัวในสมองของทั้งสาม…
สัตว์ประหลาดตัวนี้…มันคงไม่ได้…
“แปลงเป็นทั้งหญิงทั้งชายทั้งกะเทยหรอกนะ…” หลิงม่อเผลอโพล่งออกมา
อวี่เหวินซวนหยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งขึ้นมา ขมวดคิ้วบอกว่า “แถมยังแปลงเป็น…แบบที่ทั้งสูงต่ำอ้วนผอมหลากหลายรูปแบบอีก…”
“แปลงร่างได้สารพัดรูปแบบจริงๆ…” สวี่ซูหานบอก
ยิ่งเห็นก็ยิ่งน่ากลัว…เพราะนั่นแสดงว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้สามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้ หลังเข้าไปปะปนอยู่กลางกลุ่มคนแม้ถูกจับพิรุธได้ มันก็จะแปลงร่างเป็นอีกคนอย่างรวดเร็ว เพื่อลบความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองก่อนหน้านั้นไปอย่างสิ้นเชิง
พลังนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ท่ามกลางสามคน คนที่รู้สึกหวาดกลัวที่สุด ยังคงเป็นหลิงม่อ…
ก่อนหน้านี้เขาก็เริ่มสงสัยตัวตนที่แท้จริงของฟางอิ๋งแล้ว…ดูจากตอนนี้ สัตว์ประหลาดทุกตัวที่เขาเคยเจอมา อาจเป็นร่างแม่ตัวนั้นที่แปลงร่างมาก็ได้ สาเหตุที่ทำให้หลิงม่อคิดอย่างนี้ หนึ่งเพราะพลังแปลงร่างนี้ สองกลับเป็นเพราะฟาร์มเพาะเลี้ยงแห่งนี้…อุตส่าห์เปิดฟาร์มเพาะเลี้ยงอย่างดี หากเป็นเขา เขาก็คงเลือกจะดูแลมันด้วยตัวเองเหมือนกัน!
แต่ความคิดของสัตว์ประหลาด ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถหยั่งรู้…เรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยมากเกินไป และยิ่งเข้าใกล้ความจริง เขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัย
ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้หรือมนุษย์ประหลาดพวกนี้ หลังจากที่พวกมันวิวัฒนาการถึงระดับหนึ่ง พวกมันล้วนมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงจนใกล้เคียงมนุษย์…ในนี้มีอะไรที่เชื่อมโยงกันหรือไม่? ในเมื่อสามารถใกล้เคียงมนุษย์ได้ นั่นก็แสดงว่า พวกมันอาจกลายเป็นมนุษย์ได้จริงๆ ใช่หรือไม่?
“อะแฮ่ม…คิดไกลเกินไปแล้วเรา เรื่องทำนองที่สัตว์ประหลาดแฝงตัวอยู่ท่ามกลางมนุษย์จนสุดท้ายกลมกลืน กระทั่งแต่งงานมีลูกกับมนุษย์…เรื่องแบบนั้นมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละ! อย่างเรากับรุ่นพี่ก็ไม่เห็นจะมีลูกด้วยกันเลยนี่!” อยู่ๆ หลิงม่อก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ถึงแม้พลังของอีกฝ่ายเป็นแค่การแปลงร่าง แต่พอคิดได้ว่าตลอดมาเขาพยายามเข้าใกล้เป้าหมายนี้มาขนาดไหน เขาก็รู้สึกเดือดเล็กๆ
แต่พอคิดอีกที ถึงแม้จะให้พลังที่รังแกผู้อื่นอย่างนี้กับเขา เขาก็ไม่อยากได้ เพียงแต่เขาค่อนข้างสนใจหลักการของมันมากก็เท่านั้นเอง…สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ในเวลาสั้นๆ ในนี้จะต้องมีปัจจัยสำคัญอะไรแน่ๆ
และปัจจัยนั้น ก็จะต้องซ่อนอยู่ในตัวร่างแม่อย่างแน่นอน…
“ชู่ว!” ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ อวี่เหวินซวนพลันส่งเสียง
——————————————-