“เดี๋ยวก่อน!”
เห็นเด็กสาวถอยเข้าไปในไอหมอกมืดทีละก้าวๆ สวี่ซูหานรีบตะโกนเรียก แต่เธอเพิ่งจะเดินออกไปได้ก้าวเดียว ก็ถูกหลิงม่อดึงข้อมือไว้ทันที ขณะเดียวกัน สวี่ซูหานรู้สึกว่าสายตาของเด็กสาวตวัดมาที่ตัวเอง…
“อา…”
ในเวลาสองวินาทีต่อมา สวี่ซูหานได้แต่ยิ่งนิ่งงันอยู่กับที่ เบิกตากว้างจ้องเด็กสาว จนกระทั่งเงาร่างของเธอหายไปจากครรลองสายตา ไม่นานเธอพลันทรุดนั่งลง พิงผนังด้านข้าง บนใบหน้าสะท้อนแววตื่นกลัวสุดขีด…
“เธอ…” สวี่ซูหานพยายามพูดอะไรบางอย่าง เธอหันไปมองหลิงม่อที่ดึงตัวเองไว้ สุดท้ายก็ได้แต่พูดออกมาแค่ตำสองคำ “ขอบคุณ…”
ถ้าหากไม่ได้หลิงม่อ เมื่อกี้เธอคง…
สวี่ซูหานไม่กล้าคิดอีก เธอรู้สึกได้อย่างรุนแรง…ที่เธอหวาดกลัวขนาดนี้ ไม่ได้เป็นเพราะอารมณ์หวาดกลัวที่หลงเหลืออยู่ในตัวเธอแน่นอน แต่เป็นเพราะตัวตนของเด็กสาวคนนั้น ที่ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่เกิดจาสัญชาตญาณ…แต่เธอสัมผัสถึงกลิ่นอายที่เกี่ยวกับเชื้อไวรัสจากร่างกายของเด็กสาวไม่ได้เลย…
ถ้าอย่างนั้นเธอคือมนุษย์งั้นหรอ?
ไม่…ไม่มีทางเป็นมนุษย์แน่…แต่ในเมื่อไม่ใช่มนุษย์ แล้วเธอเป็นอะไรล่ะ…
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลิงม่อนวดขมับยืนตัวตรง พลางถามโดยไม่หันมามอง
“ไม่เป็นไร”
สวี่ซูหานและอวี่เหวินซวนตอบพร้อมกัน พอได้ยินเสียงเธอเลยเพิ่งฉุกคิดได้ว่าอวี่เหวินซวนถูกโจมตีจนตัวปลิวออกไป จึงรีบหันกลับไปดูทันที
ท่ามกลางความมืด อวี่เหวินซวนพยายามหยัดยืนขึ้น และเดินโซซัดโซเซมาทางพวกเขา เหมือนแค่หกล้มไปเท่านั้น ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น สวี่ซูหานก็ยังคงรู้สึกเย็นสะท้านไปทั้งตัวอยู่ดี
อวี่เหวินซวนถูกโจมตีจนตัวปลิวออกไปเป็นคนแรก ต่อมาก็หลิงม่อที่การโจมตีถูกขัดขวาง กระทั่งถูกเล่นงานโดยทำให้พลังสะท้อนกลับ และจากนั้น ก็คือเธอซึ่งถูกทำให้ช็อกค้างเพียงเพราะสายตาคู่นั้น…เด็กสาวคนนั้นไม่ได้ลงมือเด็ดขาด แต่พลังที่เธอแสดงออกมาแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่า สามต่อหนึ่ง แต่พวกเธอกลับไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงในการโต้กลับ…
คิดถึงตรงนี้ สวี่ซูหานก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ ขณะที่ตอนนั้น เธอกลับรู้สึกได้ว่ามือของหลิงม่อกำข้อมือของเธอแน่นขึ้น “ไม่ต้องกลัว มันเป็นแค่การประมือเพื่อหยั่งเชิงครั้งหนึ่งเท่านั้น”
“ใช่แล้ว พวกเราคิดในแง่ดีก็ได้” อวี่เหวินซวนยกมือเช็ดหน้า บอกว่า “เป็นฝ่ายได้เปรียบขนาดนี้ แต่กลับไม่ฆ่าพวกเรา คิดว่าเป็นเพราะอะไรกัน?”
“อื่ม…” หลิงม่อพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของอวี่เหวินซวน
“เธออยากทรมานพวกเราจนตาย?” สวี่ซูหานนึกถึงคำพูดประโยคสุดท้ายของเด็กสาว ถ้าหากเธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่งจริงๆ คงไม่แปลกที่จะทำเรื่องอย่างนี้ บางทีสำหรับเธอ การดื่มดำกับความสนุกสนานอาจสำคัญกว่าผลลัพธ์ก็เป็นได้
“อาจเป็นไปได้ อีกอย่างถึงแม้เป็นอย่างนั้น พวกเราก็ถือว่ายืดเวลาออกไปได้บ้าง ไม่ใช่หรอ?” อวี่เหวินซวนพูดอย่างมองโลกในแง่ดี ทว่าถึงจะพูดอย่างนี้ แต่จากสายตาอันบ้าคลั่งสุดขีดของเขา ดูออกว่าความตกตะลึงที่เด็กสาวคนเมื่อกี้สร้างให้เขาไม่ได้น้อยไปกว่าสวี่ซูหานเลย
ในเวลานี้ อยู่ๆ หลิงม่อกลับดึงเธอไปข้างหลังตัวเอง ปากก็พูดว่า “เอาล่ะ ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องเธอแล้ว…อย่าลืมสิ เธอยังเหลือใครอีกคนไว้ให้เราจัดการนะ”
“ขึกๆ…” พอเห็นทั้งสามคนต่างหันมามองตัวเองเป็นตาเดียว ถังฮ่าวที่กำลังเอียงคอพลันอ้าปาก เปล่งเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ออกมา ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำไปทั้งดวง อาการที่แสดงออกทางร่างกายก็ดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะซอมบี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว…
“แต่สายตาเขายังเป็นมนุษย์อยู่เลยนี่นา…” สวี่ซูหานพึมพำ
เป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ ถ้าหากดูแค่สายตา แววตาของเขาตื่นตัวชัดเจนยิ่งกว่าตอนที่หลิงม่อเจอเขาเสียอีก แต่ร่างกายเขา…
ขณะที่สวี่ซูหานพูดจบ เขาพลันตั้งคอขึ้นแล้วอ้าปากกว้าง เปล่งเสียงคำรามเดือดดาล “กรรร!”
สิ้นเสียงคำราม ขาทั้งสองข้างที่ลากถูไปกับพื้นกพลันงอลงไป ในขณะที่ดวงตาจับจ้องมาที่พวกเขาเขม็ง
“หลีกไป!” หลิงม่อตะโกนเสียงเบา
“ปึก!”
ถังฮ่าวยันขาทั้งสองข้างกับพื้นอย่างแรง ร่างทั้งร่างพุ่งเข้ามาราวกับลูกระเบิด และพอได้ยินเสียงตะโกนเตือน สวี่ซูหานกับอวี่เหวินซวนก็โฉบหลบออกไปด้านข้าง หลิงม่อกลับกระโดดขึ้นกลางอากาศจากจุดเดิม ห้อยตัวอยู่บนเพดาน ขณะที่เท้าทั้งสองข้างแนบติดกับผนังแน่นราวกับถูกเชือกมัดติดไว้
“กรร กรรรร!”
ถังฮ่าวคำรามเสียงดังลั่น พลางพุ่งตัวไปยังด้านล่างหลิงม่อ การระเบิดของเขาดูแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากปะทะซึ่งหน้า ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในชั่วพริบตา และพอนึกถึงเด็กสาวคนนั้น พวกเขายิ่งไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บง่ายๆ ดังนั้นหลังจากเห็นอีกฝ่ายแสดงพลังอันสุดยอดในวินาทีนั้น หลิงม่อก็ได้ตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องที่สุด
ซ่อนเร้นคมดาบ! (หมายถึงกลยุทธ์ซ่อนความสามารถเพื่อหลอกศัตรู)
“ขึก…” ถังฮ่าวในตอนนี้เหมือนกระดูกในร่างกายอยู่ผิดที่ไปหมด ร่างกายยามพุ่งมข้างหน้าเอียงซ้ายเอียงขวา ทว่าหลังจากเห็นว่าพวกหลิงม่อต่างหลบหลีก เขากลับเบรกไม่ทัน เพียงแต่ในเสี้ยววินาทีที่ใกล้พุ่งผ่านหลิงม่อไป อยู่ๆ เขาก็เริ่มลดความเร็ว แต่…
“โครม!”
ราวกับพุ่งชนหอกเหล็กที่มองไม่เห็น ถังฮ่าวตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ทั่วทั้งร่างกายตั้งแต่บนจรดล่างมีเลือดพุ่งออกมาหลายจุด เขาอ้าปากลั่นร้องโหยหวน ร่างกายเสียการทรงตัวเพราะพลังดีดกลับนี้
“ตอนนี้แหละ!”
สวี่ซูหานเหลือบมองหลิงม่อแวบหนึ่ง ก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าไป ในนี้คนที่จะสามารถกำราบเจ้าหมอนี่ในระยะประชิดได้ ก็มีแต่เธอเท่านั้น และภายใต้สถานการณ์ที่เธอไม่อาจเผชิญหน้ากับเด็กสาวคนนั้นได้ หลิงม่อคือคนที่ควรออมพลังต่อสู้ไว้มากที่สุด…เวลาอย่างนี้ เธอต้องเป็นคนลงมือ!
แต่ในขณะที่เธอยื่นมือออกไปหมายจะตะครุบไหล่ถังฮ่าว ถังฮ่าวที่ตอนแรกล้มลงไปแล้วกลับหมุนหัวกลับมา ราวกับคอของเขาติดแกนหมุนไว้ หัวของเขาจึงสามารถหมุนได้ร้อยกว่าองศาอย่างนี้…
“ขึก…”
ถังฮ่าวอ้าปากงับมาทางสวี่ซูหานทันที ขณะเดียวกันแขนของเขาก็บิดหมุนในองศาที่แปลกประหลาด พุ่งเข้ามาที่ลำคอของเธอ
สวี่ซูหานไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ พอเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังอ้าปากพ่นเลือดพุ่งเข้าใส่ตัวเอง เธอแทบยกแขนขึ้นปัดป้องไม่ทันด้วยซ้ำ…
ทว่าในตอนนั้นเอง ประกายไฟกลุ่มหนึ่งพลันระเบิดบนหัวของถังฮ่าว ขณะเดียวกัน เงาร่างหนึ่งพลันโหนลงมาจากข้างบน และแทงเข่าใส่ท้ายทอยของถังฮ่าวอย่างแรง
“กรรร!”
ถังฮ่าวลั่นร้องเจ็บปวด ล้มลงไปทั้งที่คอยังบิดหมุนอยู่อย่างนั้น ทันทีที่ล้มถึงพื้นโคลน เปลวไฟบนหัวเขาก็สลัวลง หลิงม่อที่อยู่ข้างบนทิ้งตัวลงพื้น ขมวดคิ้วพลางยืนมือปัดบนหัวเขา เพื่อดับไฟให้มอดสนิท
“เธอโอเคใช่ไหม?” หลิงม่อถาม
สวี่ซูหานยังคงเบิกตากว้าง ได้ยินก็รู้สึกกระอ่วนใจ “โอเค…”
ในฐานะซอมบี้ เธอกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย…
“ขอบใจนะ ถ้าเธอไม่ลงมือพวกฉันก็คงร่วมมือกันไม่ได้” หลิงม่อกลับยิ้มแล้วบอก
“นั่นมัน…” สวี่ซูหานรู้สึกละอายจริงๆ…นี่มันน่าอายจะตาย! นายไม่ต้องขอบคุณดีกว่า…ถึงคำพูดจะฟังดูจริงใจมากก็ตาม…
ดีที่หลิงม่อหันกลับไปสนใจถังฮ่าวแล้ว ดูเหมือนเขาใช้พลังจิตมัดมือมัดเท้าถังฮ่าวเอาไว้ จากนั้นก็เดินไปหยุดข้างๆ สัตว์ประหลาดตัวนี้ ถามว่า “ตกลงว่าแกอยู่ที่นี่ต่อเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
“ฉันก็อยากถามเหมือนกัน” อวี่เหวินซวนตบฝ่ามือไปมา พลางถาม
เทียบกับเด็กสาวคนนั้น สัตว์ประหลาดตัวนี้อ่อนหัดมาก…ไหนเธอบอกว่านี่คือผลงานสมบูรณ์แบบที่แท้จริงไม่ใช่หรอ? แล้วนี่มันอะไร? หลอกให้พวกเขากลัวเล่น?
“กร๊อบแกร๊บๆๆ…”
หัวของถังฮ่าวพลันค่อยๆ หมุนกลับตำแหน่งเดิม เขาจ้องหน้าหลิงม่อด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวชั่วร้าย ขณะที่ลำคอยังคงมีเสียง “ขึกๆ” เปล่งออกมาไม่หยุด
ไม่รอให้พวกหลิงม่อพูดอะไร ทันใดนั้นเลือดสองสายก็ไหลออกมาจากดวงตาเขา เขาพยายามเค้นเสียงพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ฆะ…ฆ่าฉัน…ฆ่าฉัน…ซะ”
“ฉันไม่เข้าใจ” หลิงม่อกลับยังคงพูดต่อ “แกตั้งตารอวันที่จะได้เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่ใช่หรอ? มีร่างกายอย่างสัตว์ประหลาด แต่ขณะเดียวกันก็ยังรักษาสติปัญญาของตัวเองไว้ได้ สถานการณ์ตอนนี้สำหรับแก น่าจะสมใจแกที่สุดแล้วไม่ใช่หรอ”
เขาไม่ได้จงใจพูดเสียดสีหรือถากถาง…ความจริงแล้ว สิ่งที่เขาพูด คือสิ่งที่ถังฮ่าวเคยบอกเขาในตอนแรกเท่านั้น…
“ถ้าแก…ไม่ฆ่าฉัน…แกจะเสียใจ…” ถังฮ่าวพูดน้ำตานองหน้า…
——————————————