จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หลิงม่อคิดมาโดยตลอดว่ารูปร่างของสัตว์ประหลาดใต้ดินนั้นผิดมนุษย์มนา…ดังนั้นแม้ว่าร่างกายร่างนี้จะเหมือนร่างกายของมนุษย์ทั่วไปมากขนาดไหน แต่หลิงม่อก็ยังเชื่อว่ามันจะต้องมีใบหน้าที่คล้ายกอลลัมแน่นอน…
แต่ปรากฏว่า มันไม่เหมือนกอลลัม ตรงกันข้าม มันไม่เพียงไม่ได้มีผิวแห้งเหี่ยว แถมดวงตายังไม่ปูดโปนออกมานอกเบ้า ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่มีได้มีใบหน้าที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเวทนาระคนรังเกียจ…ใบหน้าของมันสวยมาก ขนตากำลังกระเพื่อมไหวเบาๆ เหมือนเด็กผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่คนหนึ่ง
“เดี๋ยวก่อน…มันผ่านการดัดแปลงประเภทไหนมากันเนี่ย? ทำไมมีแต่มันที่ดูต่างจากสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ล่ะ! จะว่าไป ตำแหน่งที่อยู่ของมันก็ดูเหมือนจะพิเศษมากเหมือนกันนี่…หลุมนี้สร้างขึ้นเพื่อมันงั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้น แสดงว่าตำแหน่งของมันในฝูงสัตว์ประหลาดใต้ดินพวกนี้ สูงกว่าสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้าอีกหรอ? เด็กผู้หญิงคนนั้นโกหกจริงๆ ด้วย มันยังมี…เอ๊ะ ไม่ใช่สิ…”
“แกว๊กๆ…” สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดคลานมาหาเขา
“นี่คือเป้าหมายของแก?” หลิงม่อยังคงนอนอยู่บน “อำพัน” พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เลยเงยหน้าจ้องสัตว์ประหลาดไอหมอกมืด “ตกลงว่าแกจะทำอะไรกันแน่?”
“แกว๊ก!” สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดทำภาษามือสองสามที แล้วอยู่ๆ มันก็ทำสีหน้าค้างเติ่ง
หลิงม่อใจเต้น “ตึกตัก” ค่อยๆ ก้มมองตามสายตาของมัน
ด้านใน “อำพัน” ดวงตาของ “เด็กสาว” ลืมขึ้นมาแล้ว…
มันเป็นดวงตาสีดำผสมแดง เหมือนลูกแก้วที่สะท้อนแสงแวววาวสองลูก ทั้งสวยงาม และลึกลับ…
มันกำลังจ้องเขม็งมาที่เขา!
“ชิท มันกำลังจ้องฉัน!” หลิงม่อหนังศีรษะดึงชา
ไม่นาน ร่างกายของ “เด็กสาว” พลันขยับเขยื้อน…
เปลือกนอกของอำพันแตกร้าวดัง “แคร่กๆๆ” ให้ความรู้สึกเปราะบาง ราวกับจะแตกออกได้ทุกเมื่อ…
“อะไรกันเนี่ย…ถูกฉันนอนทับจนตื่นหรือ่าเมื่อกี้ถูกฉันหล่นทับจนตื่นกัน?” หลิงม่อคิดอย่างหวาดกลัว ขณะเดียวกันก็พยายามพลิกตัวออกไป ไม่ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะกะเทาะเปลือกออกมาหรือไม่ ยังไงเขาก็ไม่อยากเป็นคนแรกที่ถูกจับควักพุงควักไส้…
“แกว๊กๆ!” ในเวลานี้ สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดกลับส่งสัญญาณมือให้เขาอย่าขยับ
“หา?” หลิงม่ออึ้งงัน จากนั้นก็พยักหน้ารัวๆ เหมือนเพิ่งเข้าใจ “ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องที่แกจะทำต่อไปนี้ แกทำสำเร็จด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอก…เหมือนเมื่อกี้ไง ถ้าไม่มีฉันอยู่ แผนของแกก็คงไม่ราบรื่น…ในเมื่อเป็นอย่างนี้ แกก็ควรแสดงความซื่อสัตย์กับฉันได้แล้วหรือเปล่า…”
“แคว่ก!”
สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดพลันยกมือฉีกเสื้อตรงหน้าอก เมื่อเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดัง หลิงม่อก็ชะงักงัน…
“แม่เอ็ง ใครเขาอยากได้การแสดงความซื่อสัตย์แบบนี้กันเล่า!”
ทว่าสัตว์ประหลาดกลับไม่มีท่าทีตอบเขา หลังจากที่มันฉีกทึ้งเสื้อบนตัวทิ้ง มันก็ยื่นมือไปทางศีรษะของ “เด็กสาว”…
“แคร่กๆๆ…” ราวกับว่า “เด็กสาว” รับรู้ได้ถึงอันตราย จึงรีบดิ้นขัดขืนแรงกว่าเดิม “อำพัน” ชั้นนั้นจึงแตกร้าวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นรอยแยกหลายเส้น แต่เนื่องจากหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อนอนทับอยู่ ดังนั้นมันจึงแตกออกไม่ได้ง่ายๆ ตรงกันข้าม เนื่องจากพอ “อำพัน” แตกร้าว มันจึงเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง ระยะห่างระหว่างหลิงม่อกับ “เด็กสาว” จึงลดลงเรื่อยๆ…
สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดดูแน่วแน่มาก มันใช้สองมือจับหัวของ “เด็กสาว” จากนั้นก็ใช้หน้าอกของตัวเองกดทับลงไป…ภาพที่เห็นอาจเหมือนการโอบกอดอย่างนุ่มนวล แต่เมื่อไอหมอกมืดเริ่มพรั่งพรูออกมา และปกคลุมศีรษะของ “เด็กสาว” ภาพที่เห็นก็เริ่มกลายเป็นน่าขนลุกแทน…
ชั่วขณะหนึ่ง หลิงม่อเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น…เขาเพียงรู้สึกได้จากความแรงในการดิ้นขัดขืนของ “เด็กสาว” ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในนั้น ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ…สิบกว่าวินาทีต่อมา “เด็กสาว” เลิกดิ้นแล้ว ผ่านไปไม่นาน สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดก็ปล่อยมือออก จากนั้นก็ล้มตัวลงอย่างอ่อนแรงอยู่อีกด้านหนึ่ง…
“แคร่กๆ…”
ทันใดนั้น “เด็กสาว” พลันขยับเขยื้อนอีกครั้ง หลิงม่อยังคงเบิกตากว้างอยู่เหมือนเดิม เหมือนยังไม่สามารถหายตกใจกับสิ่งทีเกิดขึ้นได้ กระทั่งเมื่อ “เด็กสาว” พยายามยื่นมือออกมา หลิงม่อถึงเพิ่งได้สติกลับคืนมา เขามอง “เด็กสาว” แล้วก็ต้องชะงักงันไป
“เด็กสาว” เหมือนจะมีบางอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว…
“ใช่แล้ว ตาของมัน…” สายตาของ “เด็กสาว” ที่มองเขาเมื่อกี้ ทั้งเย็นชาและชั่วร้าย…แต่ตอนนี้ มันกลับสะท้อนความตื่นเต้นอย่างชัดเจน และความตื่นเต้นนี้ ก็ดูคุ้นตามากสำหรับหลิงม่อ…
“นี่มัน…” หลิงม่อเงยหน้ามองสัตว์ประหลาดไอหมอกมืดอย่างเหลือเชื่อ
“แคร่ก!”
เมื่อเสียงแตกหักหนึ่งดังขึ้น ในที่สุด “อำพัน” ก็แตกออก และหลิงม่อก็ถูก “เด็กสาว” ผลักออกไปด้านข้าง มันลุกขึ้นด้วยท่าทางที่เหมือนไม่ค่อยคุ้นชิน และบิดคอไปมาทันที ต่อมา มันก็ขยับบริหารขาทั้งสองข้าง เดินไปข้างกายสัตว์ประหลาดไอหมอกมืด ก้มหน้าสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง หยิบเสื้อที่ถูกฉีกออกตัวหนึ่งขึ้นมา…เนื่องจากร่างกายเล็กและผอมบาง พอมันสวมเสื้อสกปรกมอมแมมตัวนั้นเข้าไป จึงปกปิดได้ถึงต้นขาเลยทีเดียว
และตอนนี้ มันก็หันหน้ามามองหุ่นซอมบี้ที่นอนอยู่บนพื้น ในที่สุดหลิงม่อก็ไม่ต้องมองดูเส้นผมที่ทั้งยาว และปกปิดทุกส่วนจนมิดนั้นอีกต่อไป…
หลังจากสบตากัน หลิงม่อก็อ้าปาก “เฮยซือ”
ครั้งนี้เขาไม่ได้เรียกเชิงหยั่งถามแล้ว…ถึงแม้ว่ามีเรื่องที่เขาไม่เข้าใจอีกมาก แต่การทำให้ร่างกายของคนอื่นกลายมาเป็นของตัวเองได้ ในความทรงจำของเขา มีแค่เฮยซือเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เฮยซือก็ดันมาหายตัวไปในจังหวะนี้พอดี…หลักฐานทั้งหมดเข้าเค้าพอดี!
เห็น “เด็กสาว” ไม่ตอบ หลิงม่อจึงใช้แขนยันพื้น พยายามลากตัวเองไปข้างๆ สัตว์ประหลาดไอหมอกมืด จากนั้นก็ลูบคลำอกของมัน ไม่นาน เขาก็ลูบเจอรอยแยกหนึ่งบริเวณใกล้ลำคอของมัน……
และตอนนี้…หลิงม่อมองไปที่ “ตะขาบ” สีแดงเลือดบนตัว “เด็กสาว” ถึงแม้ตรงนั้นเริ่มสมานตัวกันแล้ว แต่ก็ยังพอมองออก ว่าบนตัว “ตะขาบ” เหมือนจะมี “เส้น” ที่ลึกลงไปอีกเส้น…
“อาๆ…” ไม่คิดว่า “เด็กสาว” กลับยักไหล่ แล้วชี้ไปที่คอของตัวเอง หลังจากบอกใบ้ว่ามันยังไม่สามารถพูดได้เสร็จ มันก็รีบลากสัตว์ประหลาดไอหมอกมืดรวมถึงหลิงม่อคลานออกไปข้างนอก
ตอนนี้ร่างกายของหุ่นซอมบี้ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ดังนั้นหลิงม่อเลยทำได้เพียงลอบด่าสองสามคำ แต่กลับไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
“แกคือเฮยซือจริงๆ ด้วยสินะ! นี่แกแอบวางแผนจะมาเอาร่างนี้อย่างเงียบๆ หรอ? แต่…แกกับอวี๋ซือหรานเป็นร่างร่วมไม่ใช่หรอ! แกออกจากตัวเธอได้ยังไง?”
ทว่าไม่นาน พวกเขาก็คลานออกมาจากกองไข่มนุษย์พวกนั้น และก่อนที่จะมุดออกไป “เด็กสาว” คนนั้นพลันหันหน้ามา แล้วทำภาษามือให้หลิงม่อดู พอเห็นหลิงม่อส่ายหน้าด้วยสีหน้าโกรธๆ มันจึงครุ่นคิด และตัดสินใจดึงมือเขามา จากนั้นก็เริ่มขีดเขียนบนฝ่ามือเขา
“เฮ้ยๆ!”
ถึงแม้จะเป็นหุ่นซอมบี้…แต่มันก็จั๊กจี้มากนะ! อีกอย่าง ทำไมผิวของสัตว์ประหลาดใต้ดินนี่ถึงได้นิ่มอย่างนี้ล่ะ…
“ช่างเถอะ เขียนช้าหน่อยสิ…ช่วย…ฉัน…ออกไป…ทำไมล่ะ แกออกไปเองไม่ได้หรอ? อีกอย่าง อยากให้ฉันช่วย ก็ช่วยดูสภาพฉันก่อนเถอะ” หลิงม่อบอก
“เด็กสาว” มองเขาแวบหนึ่ง แล้วเขียนอีกว่า “ตอนนี้ฉันไม่มีพลังต่อสู้ ตัวที่อยู่ข้างนอกนั้น ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับ ‘พวกเรา’ ฉันโจมตีมันไม่ได้ แต่ถ้าฉันออกไป มันจะรู้ทันที ร่างกายร่างนี้สำคัญกับมันมาก…”
“แกรู้หรอว่าร่างกายร่างนี้คือตัวอะไรน่ะ?” หลิงม่อรีบถาม “อีกอย่าง แกรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”
“เด็กสาว” ถอนหายใจ “ไม่รู้ ฉันควบคุมระบบประสาทของสัตว์ประหลาดตัวนี้ ข้อมูลเหล่านี้ไหลมาจากสมองของมัน แต่ว่า ฉันรู้ว่าร่างกายร่างนี้มีเรื่องลึกลับอยู่มากมาย นายช่วยฉันออกไปก่อน แล้วฉันจะช่วยนายศึกษาอย่างละเอียด แต่ไม่ใช่ตอนนี้ โอเคไหม?”
“ทำไมฟังดูแปลกๆ วะ…” หลิงม่อขมวดคิ้ว
“เร็วเข้า…”
“เดี๋ยวก่อน ตกลงว่าแกใช่เฮยซือไหม? ถ้าหากใช่ ทำไมแกต้องเลี่ยงคำถามนี้ตลอดด้วย? แต่ถ้าหากไม่ใช่ แกรู้ได้ยังไงว่าต้องมาขอให้ฉันช่วย? แล้วยังมีความสามารถพวกนี้อีก…” หลิงม่อถามอีกครั้ง
“เด็กสาว” จ้องเขาด้วยสายตาแฝงความนัย หลังจากที่พยักหน้า อยู่ๆ ก็ส่ายหน้าอีก “ใช่…ถือว่าใช่ครึ่งเดียวมั้ง”
“ครึ่งเดียวนี่หมายความว่ายังไง…” ตอนเห็นเธอพยักหน้า หลิงม่อก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก…แต่วินาทีถัดมา เขากลับใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เฮยซือครึ่งเดียว? เรื่องบ้าอะไรเนี่ย! หรือว่าเฮยซือแยกร่าง?
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด…ออกไปแล้วฉันค่อยอธิบายให้นายฟังทีหลัง พวกเราใกล้ไม่เหลือเวลาแล้ว ถ้ามันหายเหนื่อย พวกเราจะหนีไปไหนไม่ได้แล้ว นายคิดดู นายสู้มันไหวหรอ?” ‘เด็กสาว’ เขียนบนฝ่ามือเขา
“เหลวไหล! แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้ว! ปัญหาคือตอนนี้ฉันช่วยเธอไม่ไหวน่ะสิ…” หลิงม่อเองก็จนปัญญา
“เด็กสาว” จ้องเขา แล้วหันไปมองสัตว์ประหลาดไอหมอกมืดที่อยู่ข้างๆ อยู่ๆ เธอก็เริ่มเขียนอีกครั้ง “ตอนนี้มันไม่เหลือแม้แต่สัญชาตญาณแล้ว แล้วฉันก็ดัดแปลงอะไรมันนิดหน่อย ดังนั้นตอนนี้นายสามารถ…”
“เอิ่ม…แกนี่ช่างรอบคอบดีจริงๆ” หลิงม่อเข้าใจทันที “ใช่แล้ว…แกหาทางไปบ่อน้ำจากความทรงจำของมันได้ใช่ไหม? น่าจะมีอยู่นะ…”
“จิ๊ ที่แท้แกก็เตรียมตัวมานานแล้ว…”
…………
สองนาทีต่อมา เงาร่างหนึ่งมุดออกมาจาก “ปากถ้ำ” อย่างเงียบเชียบ มันมองไปทางสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างระมัดระวังก่อน จากนั้นก็ค่อยคลานออกไปยังอีกด้านอย่างรวดเร็ว หากมองจากจุดที่มันอยู่ตอนนี้ จะเห็นร่างกายสัตว์ประหลาดตัวนั้นพอดี…สัตว์ประหลาดตัวนั้นยังคงนอนแบ็บอยู่บนนั้น ไม่ขยับเขยื้อน
“ฮู่ว…” เงาร่างนั้นสูดหายใจลึกๆ แล้วอยู่ๆ ก็อ้าปาก “แกว๊กๆๆๆ…”
“เชี่ย!” หลิงม่อลอบสบถในใจ
สัตว์ประหลาดตัวนั้นพลันเงยหน้าขึ้น มองมาทางต้นเสียง มันปีนลงมาจากกองไข่มนุษย์พวกนั้น และพุ่งไปทางสัตว์ประหลาดไอหมอกมืดที่หลิงม่อกำลังควบคุมอยู่อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย …
และตอนนี้ สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดได้หมุนตัวออกวิ่งไปยังช่องทางเดินที่มาในตอนแรกอย่างบ้าคลั่ง…
—————————————————————————–