บทที่ 9 หลินหยุนหึงแล้ว
“อาศัยอะไรมาไม่นับ! ” อันซินถามกลับด้วยความโกรธ
“เพราะเขาโกง! ” จางจื่อเห้ามีสีหน้าเกรี้ยวกราด
“กล้าพนันต้องกล้าแพ้ จางจื่อเห้า นายแพ้ไม่เป็นหรือไง?” อันซินมีสีหน้าประชด
“ใครแพ้ไม่เป็น นั่นเพราะเขาโกงก่อนต่างหาก! ครั้งนี้ไม่นับ มาแข่งใหม่อีกครั้ง!” จางจื่อเห้ากัดประเด็นนี้แน่น
การแข่งขันของทั้งคู่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย แม้กระทั่งโจวเถียนเถียนเองก็ยังมาดูหลินหยุนอย่างเงียบ ๆ
เดิมเธอต้องการมาดูเรื่องตลกของหลินหยุน แต่กลับไม่สมหวังเช่นกัน
สีหน้าของหลินหยุนเริ่มเยียบเย็นขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากสร้างปัญหา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวมีเรื่อง ถ้าหากจางจื่อเห้ายังคงสร้างปัญหาให้เขาอย่างไร้เหตุผล ตนเองก็ไม่ถือสาที่จะให้บทเรียนสักครั้ง
ในเวลานั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงอันอ่อนโยนก็ดังขึ้น
“ให้ฉันได้พูดขอความเป็นธรรมสักครั้งแล้วกันนะ!”
ชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกหูกระต่ายที่คอเสื้อ ในหน้าอบอุ่นสง่างามกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับมีบอดี้การ์ดสองคน
“เป็นคุณ?”
หลินหยุนเคยเห็นชายคนนี้ เขาเป็นพ่อบ้านของจินซื่อหรง เขาชื่อจินเฉียง
แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อบ้าน แต่อันที่จริงแล้วเขาดูแลอุตสาหกรรมต่างๆ ของจินซื่อหรงมากมาย ผู้คนต่างเรียกเขาว่าท่านรองจิน
จางจื่อเห้าที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นพ่อบ้านจินออกหน้า เขาก็มีสีหน้าสะใจทันที
ปกติเขามักจะมาเที่ยวเล่นที่นี่เสมอ และเคยสนทนากับท่านรองจินมาก่อนนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าท่านรองจินถึงกับออกหน้าด้วยตนเอง เขาก็รู้สึกว่าตนมีหน้ามีตาอย่างยิ่ง แม้กระทั่งท่านรองจินยังออกหน้ามาช่วยเขา
“ท่านรองจิน เรื่องเล็กน้อย จะกล้ารบกวนให้คุณมาออกหน้าเองได้อย่างไร!” จางจื่อเห้าโค้งตัวอย่างภาคภูมิใจและเอ่ยด้วยสีหน้าประจบประแจง
พ่อบ้านจินเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสและเอ่ย “นายเป็นใคร? คู่ควรที่ฉันจะพูดด้วยหรือไง?”
การเคลื่อนไหวของจางจื่อเห้าแข็งกระด้างไปทันที ใบหน้าของเขาห่อเลือด เดี๋ยวม่วงเดี๋ยวแดง
น่าขายหน้า!
หยางหัวและคนอื่นๆ ล้วนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปิดหน้า
“สวัสดีคุณหลิน! ” พ่อบ้านจินเดินไปหาหลินหยุน จางนั้นจึงโค้งตัวคำนับให้อย่างเป็นทางการ
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของจางจื่อเห้าก็แทบจะตกลงไปที่พื้น
“ทำไมท่านรองจินจะต้องเคารพหลินหยุนมากขนาดนั้น? ”
ผู้คนโดยรอบเองก็สงสัยเช่นกัน “ท่านรองจินคนนี้ปกติแล้วมองใครก็แค่ใช้หางตาดูเท่านั้น วันนี้ทำไมถึงได้สุภาพกับเจ้าเด็กหน้าขนนั่นขนาดนี้?” เด็กผู้ชายคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่?”
“ไม่ต้องมากพิธี” หลินหยุนเอ่ยเสียงเรียบ
โจวเถียนเถียนที่อยู่ด้านหนึ่งตกตะลึง เธอคว้าแขนลุงคนหนึ่งเอาไว้และถามอย่างตื่นเต้น “นั่นคือท่านรองจิน ที่เป็นพ่อบ้านของประธานจินแห่งบริษัทชิรงกรุ๊ปใช่ไหม?”
ลุงคนนั้นที่จู่ๆ ก็โดนสาวสวยคว้าเอาไว้ ถึงกับคิดไปว่ามีขนมตกมาจากบนฟ้า เขาพยักหน้าและกล่าว “ใช่ นอกจากพ่อบ้านจินแล้ว ยังจะมีใครกล้าใช้ชื่อเรียกว่าท่านรองจินอีก!”
ดวงตาของโจวเถียนเถียนเป็นประกายราวกับดวงดาว
พ่อบ้านจินยืดตัวขึ้น เขามองจางจื่อเห้าอย่างเย็นชาและเอ่ย “เมื่อครู่ตอนที่นายกับคุณหลินแข่งม้าฉันได้สังเกตการณ์มาตลอด ฉันบอกได้แค่เพียงคำเดียว กล้าพนันต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้!”
“แม้ว่าคุณหลินจะรู้วิธีการควบคุมม้า แต่นั่นถือเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง ไม่อาจเรียกได้ว่าโกง!”
จางจื่อเห้าไหนเลยจะกล้าสอดปากกับท่านรองจิน? ต่อให้พ่อของเขามาเองก็ยังไม่กล้าที่จะพูดเสียงดังต่อหน้าท่านรองจินเช่นกัน
“ท่านรองจินพูดถูก เป็นผมที่เลอะเลือนไป” จางจื่อเห้ารีบก้มหัวคำนับ ขออภัย
ในขณะที่พ่อบ้านจินเอ่ยกับจางจื่อเห้า หางตาของเขาก็เหลือบมองดูหลินหยุนอยู่ตลอด และพบว่าสายตาของหลินหยุนกำลังมองไปที่อื่น ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เขาจัดการอยู่แต่อย่างใด จนพ่อบ้านจินคิดไปว่าหลินหยุนไม่พอใจกับการจัดการของเขา?
หลินหยุนเป็นคนที่จินซื่อหรงมอบบัตรทองม่วงให้ บัตรใบนั้นคนนอกไม่รู้ แต่พ่อบ้านจินรู้อย่างแจ่มแจ้ง นั่นคือบัตรทองม่วงสูงศักดิ์ จินซื่อหรงเคยบอกไว้ ว่าเขาจะมอบให้สามคนที่เขาเคารพมากที่สุด
บุคคลที่จินซื่อหรงเคารพนับถือมากที่สุดของ พ่อบ้านจินย่อมต้องเคารพนับถือยิ่งกว่าเป็นธรรมชาติ!
“ตอนนี้นายรู้แล้วว่าผิด ยังไม่รีบขอโทษคุณหลินอีก! ” พ่อบ้านจินมองจางจื่อเห้าและกล่าวอย่างเย็นชา
“นี่ …” จางจื่อเห้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย ให้เขาก้มหัวให้ท่านรองจินถือเป็นเรื่องง่าย ต่อให้ต้องคุกเข่าคำนับก็ยังทำได้
แต่ว่า ให้เขาไปขอโทษคนอย่างหลินหยุนที่ตนเองเคยรังแกมาตลอดช่วงมัธยมปลาย จางจื่อเห้าไม่สามารถดึงหน้าตาเขาลงมาได้
“นายไม่ยินยอม?”
ใบหน้าของพ่อบ้านจินเปลี่ยนเป็นเย็นชา บทบาทของจางจื่อเห้าสำหรับเขาแล้ว ก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งที่สามารถบดขยี้จนตายได้อย่างง่ายดาย
ขอแค่สามารถทำให้คุณหลินสบายใจ พ่อบ้านจินสามารถสั่งปิดซูเปอร์มาร์เก็ตของจางจื่อเห้าได้ทันที
“ยินยอม ยินยอม! ” ไหนเลยที่จางจื่อเห้าจะกล้าไม่ยอมรับ ให้ดีเสือกับพวกเขาอีกร้อยอันก็ยังไม่กล้าไปหาเรื่องบริษัทชิรงกรุ๊ป!
“ฉันขอโทษ!” จางจื่อเห้ามองลงไปที่หลินหยุนและก้มหัวยอมรับผิด
แต่ ในใจของเขาตอนนี้กลับกำลังคำรามอย่างดุเดือด “วันนี้ล้วนเป็นไอ้ขี้แพ้หลินหยุนนี่ก่อขึ้นทั้งหมด วันหน้าฉันจะให้แกต้องชดใช้กลับมาเป็นสองเท่า!”
พ่อบ้านจินมองไปที่หลินหยุนและพบว่าเขายังคงมองไปยังไกลๆ
หรือว่าคุณหลินจะยังไม่พอใจกับการจัดการของเขาอยู่อีก?
แต่นี่ก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว ยังไงเสียก็ยังไม่ควรจะล้มจางจื่อเห้าเสียขนาดนั้น? นี่มันโหดร้ายเกินไป!
“คุณหลิน คุณพอใจกับการจัดการของผมหรือไม่?”
พ่อบ้านจินตัดสินใจถามหลินหยุน ถ้าเขาตัดสินใจจัดการล้มจางจื่อเห้าไปเอง แบบนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป แม้ว่าเขาจะไม่กลัวมัน แต่เขาก็ส่งผลไม่ดีต่อบริษัทชิรงกรุ๊ป
หลินหยุนพยักหน้าและเอ่ยอย่างใจร้อนอยู่บ้าง “ได้แล้ว คุณไปเถอะ!”
อันที่จริง เรื่องจางจื่อเห้า หลินหยุนไม่ได้สนใจเลยสักนิด ตอนนี้ที่หลินหยุนกำลังหงุดหงิดก็คือเรื่องเซี่ยหยู่เวย
บนม้านั่งที่อยู่ไกลออกไป เซี่ยหยู่เวยกำลังนั่งอยู่กับชายหนุ่มเศรษฐีหน้าหยก พูดไปหัวเราะไป ท่าทีสนิทสนม!
ชายหนุ่มนั่นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเว่ยเทียนหมิง ลูกชายคนเดียวของรองนายกเทศมนตรีเมืองหลินโจว
นอกจากนี้ยังเป็นสามีตัวจริงของเซี่ยหยู่เวยในอนาคต
แม้ว่าเกิดใหม่อีกครั้ง หลินหยุนจะไม่มีความคิดใดๆ เกี่ยวกับเซี่ยหยู่เวยแล้ว แต่ต่อหน้าสามีในนามอย่างเขา เธอกลับกล้าเล่นหูเล่นตากับผุ้ชายคนอื่น ต่อให้หลินหยุนจะไม่ได้สนใจเซี่ยหยู่เวย แต่ในใจของเขาก็ไม่สบอารมณ์อยู่ดี
เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาของหลินหยุน พ่อบ้านจินก็นึกไปว่าตนเองต้อนรับบกพร่องไปตรงไหนหรือไม่ เขารีบเอ่ยอย่างระมัดระวัง “คุณหลิน คุณต้องการคุยในห้องรับรองพิเศษหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น” หลินหยุนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด น้ำเสียงของเขาติดรำคาญ ราวกับกำลังจะระเบิดอารมณ์ในไม่ช้า
พ่อบ้านจินเป็นคนรู้จักสถานการณ์ เขารีบอำลาทันที “อย่างนั้นผมขอตัวก่อน หากคุณหลินมีเรื่องอะไร ก็เรียกผมได้เสมอ ผมยินดีรับใช้คุณหลิน”
หลินหยุนมองไปที่เซี่ยหยู่เวยที่กำลังยิ้มออดอ้อน ไม่ต้องเอ่ยพูด ก็มีประกายเยียบเย็นผ่านใบหน้าของเขาไป “เดี๋ยวก่อน!”
เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านจินกำลังจะจากไป โจวเถียนเถียนที่อยู่ด้านหนึ่งและคิดจะเข้ามาทำความรู้จักแต่หาข้ออ้างไม่ได้จึงรีบร้อนเข้ามา “ทำไมถึงรีบจากไปล่ะคะ!” โจวเถียนเถียนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ประจบ
“คุณคือ?” พ่อบ้านจินมองไปที่โจวเถียนเถียนที่จู่ๆ ก็กระโดดออกมาด้วยความประหลาดใจ
โจวเถียนเถียนรีบไปหาหลินหยุนและกล่าว “พี่เขย พ่อบ้านจินมีเจตนาดีเชิญคุณไปที่ห้องรับรองพิเศษ ทำไมคุณถึงได้ปฏิเสธล่ะ?”
ที่แท้เป็นน้องสาวของคุณหลิน!
พ่อบ้านจินมีสีหน้าเผยรอยยิ้มทันที “คุณผู้หญิงคนสวยไม่ทราบว่ามีชื่อเรียกว่าอะไร?”
“ฉันชื่อโจวเถียนเถียน ลุงสามของฉันชื่อโจวจิ้ง ทำงานในแผนกบุคลากรของบริษัทชิรงกรุ๊ป! ” โจวเถียนเถียนยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย
“ที่แท้คุณหนูโจวก็เป็นครอบครัวบริษัทชิรงกรุ๊ป อย่างนี้พวกเราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน” พ่อบ้านจินเริ่มเปลี่ยนวิธีสร้างความสัมพันธ์กับหลินหยุน
หลินหยุนที่แต่เดิมหงุดหงิดอยู่แล้ว พอได้ยินทั้งสองคนซุบซิบไปมา ความโกรธของเขาก็เพิ่มขึ้น
เขาเหลือบมองพ่อบ้านจินและถาม “ทำไมคุณยังไม่ไปอีก”
ในใจของพ่อบ้านจินกระตุกทันที เขาเข้าใจในพริบตา ว่าตนเข้าใจอะไรผิดไป
“คุณหลินโปรดใจเย็น ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้” พ่อบ้านจินเหลือบมองโจวเถียนเถียน แววตาแฝงความเย็นชา