บทที่ 50 คำถามของเชี่ยเจี้ยนโก๋
โจวชิงเหอพูดอย่างโมโห: “หัวหน้าจาง คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าคนจะไม่ยอมรับความดีความชอบของหมอเทพหลิน!”
จางฉางฝูหัวเราะแฮ่ๆ กล่าว: “ผมไม่ได้พูดแบบนั้น ผมพูดแค่ว่าอาจจะ ประมาณ เป็นไปได้”
โจวชิงเหอสีหน้าเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “ประมาณ อาจจะ เป็นไปได้ ฮึ่ม สถานการณ์ของผู้ป่วยในตอนแรกพวกเราทุกคนนั้นล้วนเข้าใจดี!”
“เราก็ได้ลองไปหลายวิธี แม้กระทั่งขอคำแนะนำจากหมอผู้เชี่ยวชาญในเมืองหลวงมาแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะรักษาได้!”
“หากไม่ใช่เพราะวิชานึ่งกระดูกของหมอเทพหลิน ผู้ป่วยไม่มีทางที่จะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่คุณกลับปฏิเสธความดีความชอบของหมอเทพหลินอย่างหน้าด้านๆ คุณยังมีจรรยาบรรณของหมออยู่หรือเปล่า?”
ท่าทางของจางฉางฝูแกมโกง แล้วกล่าว: “คุณมีหลักฐานอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนที่ทำให้คนไข้ฟื้นขึ้นมา ถ้าหากเป็นเพราะเขาโชคดีละ? บังเอิญเป็นจังหวะที่ผู้ป่วยรู้สึกตัวละ”
โจวชิงเหอโกรธอย่างมาก ชี้ด่าไปที่จางฉางฝู: “ฉางฉางฝู ในวงการแพทย์ทำไมถึงได้มีคนต่ำช้าอย่างคุณ คุณไม่เหมาะที่จะเป็นหมอเลย!”
จางฉางฝูก็อยากที่จะโต้ตอบกลับไป ทันใดนั้นก็ถูกหวางหยวนเผยขัดขวางเอาไว้
หวางหยวนเผยกล่าวด้วยเสียงที่ต่ำ: “เอาละ อย่าทะเลาะกันอีกเลย คนที่มีคุณธรรมในใจ! ความจริงเป็นอย่างไร เชื่อว่าทุกคนคงรู้อยู่แก่ใจ หากใครที่ไม่เชื่อหมอเทพหลิน งั้นก็รอไปอีกหนึ่งเดือน
“หลังจากหนึ่งเดือน หากผู้ป่วยหายเป็นปกติ คนที่ไม่เชื่อหมอเทพหลิน ต้องขอโทษหมอเทพหลิน ต่อหน้าแพทย์ที่มีชื่อเสียงทุกคนในหลินโจว!”
พูดจบ หวางหยวนเผยก็มองไปทางจางฉางฝู
โจวเหอชิงกล่าวอย่างเสียงได้: “ได้ ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของท่านหวาง!”
จางฉางฝูสีหน้ามืดมน ไม่พูดแม้แต่คำเดียว
หลินหยุนรักษาผู้ป่วยหาย คนที่มีตาต่างก็เห็น แม้แต่ตัวเองก็เชื่อ เขาเพียงแค่อยากใช้โอกาสนี้ ทำให้โจวชิงเหอเสียชื่อเสียง ดังนั้น จางฉางฝูจึงไม่กล้าโต้แย้งหวางหยวนเผย
“ในเมื่อท่านหวางเชื่อเขา งั้นผมก็ต้องเคารพการตัดสินใจของท่านหวาง” จางฉางฝูกล่าวด้วยสีหน้าที่มืดมน
“ในเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน” จางฉางฝูไม่มีหน้าที่จะอยู่ต่อแล้วจริงๆ
ผู้เชี่ยวชาญมากก็ได้พูดตาม: “ช่วงบ่ายผมนัดคนไข้ไว้ ขอโทษที่ไม่อาจอยู่ต่อ!”
พูดจบ ผู้เชี่ยวชาญหม่าก็หายแวบไปพร้อมกับจางฉางฝู
ยังมีคนที่ดูถูกหลินหยุนก่อนหน้านั้น บอกว่าหลินหยุนเป็นหมอสิบแปดมงกุฎเวลานี้ก็ไม่มีหน้าที่จะอยู่ต่อ ก็ใช้โอกาสนี้ขอตัวจากไป
อย่างไรก็ตาม ยังมีแพทย์ที่เปิดใจกว้างและเชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของหลินหยุน ขอแสดงความยินดีกับหลินหยุนอย่างจริงใจ
“หมอเทพหลินอายุยังน้อยๆ กลับมีทักษะการแพทย์ที่อัศจรรย์แบบนี้ เป็นบุญวาสนาของประชาชนชวนจีนจริงๆ!”
“ก่อนหน้านั้นผมมีตาแต่ไม่มีแวว ล่วงเกินหมอเทพหลินแล้ว หวังว่าหมอเทพหลินจะให้อภัย!”
หลินหยุนกวาดสายตามองทุกคน รู้ว่าคนเหล่านี้ขอโทษอย่างจริงใจ เพียงแต่เขาไม่เคยเก็บเรื่องที่ผ่านมาไว้ในใจ
“พวกคุณไม่ต้องขอโทษผม ไม่ว่ายังไงคำพูดเมื่อกี้ของพวกคุณผมก็ไม่ได้สนใจเลย”
คำตอบของหลินหยุนทำให้ผู้คนอึดอัดไปสักพัก หลินหยุนไม่ได้สนใจคำพูดที่ถากถางของพวกเขาก่อนหน้านั้นเลย
นี่คือการถูกเพิกเฉยใช่มั้ย?
หมอบางคนหัวเราะเจื่อนๆ
หวางหยุนเผยกับโจวชิงเหอรู้สึกว่าพฤติกรรมที่หลินหยุนทำต่อหมอที่จริงใจขอโทษเหล่านี้ มันเกินไปหน่อย
คิดอยากจพูดเตือนให้หลินหยุนอย่าลำพองใจ แต่ว่า เมื่อคิดถึงตัวเองก็เคยสงสัยหลินหยุนเหมือนกัน จะเอาหน้าที่ไปกล่าวโทษหลินหยุน?
เชี่ยเจี้ยนโก๋มองไปที่หลินหยุน มีความรู้สึกที่ซับซ้อน รู้สึกอาย รู้สึกตกใจ ถึงขั้นยังมีความรู้สึกที่ประหลาดใจ
“มิน่าล่ะก่อนหน้านั้นเขาเคยพูดว่าความสามารถของเขา ไม่ใช่สิ่งท่านจะจินตนาการได้ เริ่มแรกผมยังนึกว่าเขาหยิ่งผยอง ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง”
ก่อนหน้านี้เขาดูถูกหลินหยุน ว่าหลินหยุนก่อกวน ไม่ให้โอกาสหลินหยุนได้อธิบายเลย
แต่หลินหยุนกลับแสดงทักษะการแพทย์ที่เยี่ยมยอดเพียงนี้ เท่ากับได้ตบหน้าของเชี่ยเจี้ยนโก๋อย่างแรง และก็ทำให้เชี่ยเจี้ยนโก๋ตกใจอย่างมาก
เพียงแต่พ่อตาอย่างเขาไม่เข้าใจแม้กระทั่งลูกเขยของตัวเอง อยู่ต่อหน้าผู้คนมันช่างขายหน้านัก
?
แต่ว่า หลินหยุนที่แสดงทักษะการแพทย์ออกมา กลับทำให้เชี่ยเจี้ยนโก๋มีความคิดที่กล้าหาญ ถ้าหากให้หลินหยุนช่วยเขากลับไปตระกูลเชี่ย จะสำเร็จหรือเปล่า?
เชี่ยเจี้ยนโก๋แม้ว่าจะอายจนหน้าแดง แต่ก็ไม่ได้จากไป แต่กลับวางมาดของพ่อตา มองหลินหยุนด้วยสีหน้าที่จริงจังแล้วกล่าว: “หลินหยุน กลับไปแล้วไปหาฉันที่ห้องหนังสือด้วย ฉันมีเรื่องจะถามนาย”
หลินหยุนไม่ตอบ เชี่ยเจี้ยนโก๋นึกว่าหลินหยุนยังโกรธเรื่องเมื่อกี้อยู่ จึงได้เดินจากไปด้วยอาการที่เสียหน้า
โจวชิงเหอพูดกล่อมอย่างอึดอัด หมอเทพหลิน: “ถึงยังไงก็คนบ้านเดียวกัน ต่อให้ก่อนหน้านี้จะเข้าใจอะไรผิด พูดให้เคลียร์ก็โอเคแล้ว”
“อืม” หลินหยุนตอบไปอย่างนั้นแหละ หากเป็นเมื่อก่อน เขาก็ต้องทนดูสีหน้าของเชี่ยเจี้ยนโก๋ แต่ว่าชาตินี้ เขาจะไม่ทนสีหน้าของใครทั้งนั้น
หลินหยุนมองไปที่หยางหยิง กำชับอีกครั้ง: “จำคำพูดที่ผมพูดเอาไว้”
“อืม ขอบคุณหมอเทพหลินมากๆเลยค่ะ!” หยางหยิงกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้ง
วิชานึ่งกระดูกได้ถ่ายทอดให้กับโจวชิงเหอแล้ว สิ่งที่เหลือก็ไม่ต้องให้หลินหยุนมากังวลอีกแล้ว
หลินหยุนกลับไปที่บ้านตระกูลเชี่ย เชี่ยเจี้ยนโก๋กำลังดูทีวีในห้องรับแขก
เห็นหลินหยุนกลับมา ก็รีบปั้นหน้ากล่าว: “หลินหยุน นายมากับฉัน ฉันมีเรื่องอยากจะถามนาย”
โจวเฟินโผล่หน้าออกมาจากในครัว มองเชี่ยเจี้ยนโก๋ที่เดินไปห้องหนังสืออย่างสงสัย มองไปที่หลินหยุนแล้วกระซิบถาม: “เสี่ยวหยุน พ่อนายหานายทำไมเหรอ?”
หลินหยุนเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของโจวเฟิน ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว: “น้าเฟินวางใจเถอะ ก็แค่คุยเรื่องในใจ”
โจวเฟินไม่สงสัยเขา พยักหน้ากล่าว: “ก็ใช่ ระหว่างนายสองคนควรที่จะเปิดใจคุยกัน ไปเถอะ คุยกับพ่อเขาดีๆนะ”
“อืม” หลินหยุนพยักหน้า เดินเข้าในห้องหนังสือของเชี่ยเจี้ยนโก๋
เชี่ยเจี้ยนโก๋นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูหลินหยุนเข้ามา แล้วกล่าว: “ล็อกประตูด้วย!”
หลินหยุนล็อกประตู แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว เห็นได้ชัดว่าไร้มารยาท
เชี่ยเจี้ยนโก๋ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าสองสามวันนี้หลินหยุนเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนหยิ่งเล็กน้อย
เมื่อก่อนหลินหยุนอยู่ต่อหน้าเขา ขอเพียงเขาไม่ได้บอกให้หลินหยุนนั่ง หลินหยุนก็จะไม่กล้านั่งเด็ดขาด
หรือว่ายังโกรธฉันอยู่? โทษที่ฉันไม่เชื่อเขา!
เชี่ยเจี้ยนโก๋คิดว่าเป็นแบบนั้น สีหน้าจึงอ่อนลงมาบ้าง แล้วกล่าว หลินหยุน เรื่องในวันนี้ไม่ใช่ฉันไม่ใช่เชื่อนาย ฉันแค่เป็นห่วงนาย ไม่ว่ายังไงผู้เชี่ยวชาญตั้งมากมายยังไม่รู้ว่าคือโรคอะไร ฉันไม่เชื่อว่าแกจะรักษาได้
นิ่งไปสักพัก เชี่ยเจี้ยนโก๋ก็กล่าวอย่างถอนหายใจ: “แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจก็คือ นายกลับสามารถรักษามันได้”
“นายไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อน นายบอกฉัน นายไปเรียนวิชาแพทย์ที่อัศจรรย์แบบนี้มาจากไหน?”
หลินหยุนโกรธอยู่จริง โกรธเชี่ยเจี้ยนโก๋ เพียงแต่สิ่งที่หลินหยุนโกรธนั้นไม่ใช่เพราะว่าเชี่ยเจี้ยนโก๋ไม่เชื่อเขาในวันนี้ แต่ว่าเป็นเพราะท่าทีที่เชี่ยเจี้ยนโก๋เฉยเมยกับเขามาโดยตลอด
“ทักษะแพทย์ที่อัศจรรย์? ทักษะเพียงเล็กน้อย ทำไมต้องพูดถึงมันด้วย?”
หลินหยุนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาว่างเปล่า น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความดูถูกเล็กน้อย
ไม่ผิด สำหรับมหากษัตริย์ชางฉองที่ปราบปรามหมื่นโลก วิชานึ่งกระดูกนี้ มันเป็นเพียงทักษะการแพทย์ขั้นต่ำในดวงดาวที่เจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์เท่านั้น
ถ้าหากหลินหยุนฝึกฝนถึงแดนดั่งเทพ ก็สามารถสร้างเลือดให้ผู้ป่วยได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากแบบนี้เลย
แต่ว่า คำพูดนี้เมื่อเข้าหูของเชี่ยเจี้ยนโก๋ เขารู้สึกว่าหลินหยุนมีความหยิ่งผยอง
โรคที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่เมืองหลวงไม่อาจรักษาได้ รวบรวมแพทย์ที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในหลินโจวก็ไม่มีข้อสรุป หลินหยุนใช้วิชานึ่งกระดูกเพียงครั้งเดียวก็เห็นผล กลับบอกว่าวิชานึ่งกระดูกเป็นเพียงทักษะขั้นต่ำ
ถ้าไม่ใช่โอ้อวดแล้วมันคืออะไร!
“หลินหยุน อายุยังน้อยควรจะถ่อมตนหน่อย แต่ถ้าหากอวดเก่งเกินไป มันก็จะกลายเป็นความหยิ่งผยอง”
“นายบอกฉันสิ วิชาการแพทย์เหล่านี้ ไปเรียนรู้มาจากที่ไหน?” เชี่ยเจี้ยนโก๋จ้องถามหลินหยุน