บทที่ 53 ขอโทษ
อยู่ดีๆ หลินหยุนก็ถามขึ้นว่า “คุณบอกว่าเปิดร่างกายเพื่อศิลปะ ตัวคุณเองทำได้หรือยัง?”
แน่นอนว่าหวางชิ่งเซิงไม่มีทางตอบว่าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าเขากลืนน้ำลายตัวเอง
“ฉันทำได้แน่นอน ไม่อย่างนั้นฉันจะเดินไปถึงศิลปะที่สูงส่งได้ยังไงกัน? นายคิดว่าจัดนิทรรศการภาพวาดที่เมืองหลวงใครก็ทำได้งั้นเหรอ? ต่อให้นายมีเงินก็ไม่ได้อยู่ดี ต้องมีความสามารถด้วย”
หวางชิ่งเซิงกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่กลับไม่รู้เลยว่าตัวเองตกลงไปในหลุมพรางของหลินหยุนเสียแล้ว
รอยยิ้มหลินหยุนแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน “ถ้าบอกว่าทำเพื่อศิลปะแบบนี้ ให้ภรรยากับลูกสาวของคุณไปหาคนรักเยอะๆ เช่นเดียวกัน คุณก็รับได้สินะ?”
หวางชิ่งเซิงโมโหขึ้นมาทันที เขาชี้หน้าด่าหลินหยุนว่า “ไอ้เด็กบ้า แกมาทำให้ฉันเสียเวลาหรือไง ฉันว่าแกไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่ไหม”
เด็กนักเรียนเหล่านั้นต่างก็ไม่เข้าใจที่หวังชิ่งเซิงโมโห เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยว่า สละตัวเองเพื่อศิลปะได้
ศิลปินที่มีชื่อเสียงหลงรักในงานศิลปะขนาดนี้ ทำไมพอพูดถึงภรรยากับลูกสาวของตัวเอง ถึงได้ใช้คำหยาบคายขนาดนี้ได้?
นี่ไม่ใช่การดูถูกศิลปะหรือ?
หลินหยุนหันไปมองห่าวฮ่วยฮ่วยและคนอื่นๆ ที่กำลังตกใจอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น เขาก็พูดกับหวางชิ่งเซิงต่อว่า “ในเมื่อคุณบอกให้เพื่อนของผมคนนี้ทำเพื่อศิลปะด้วยการเปิดร่างกายของตัวเอง ทำไมพอพูดถึงภรรยากับลูกสาวของคุณถึงไม่ได้แล้วล่ะ?”
“หรือว่าคุณแค่ใช้เรื่องศิลปะ มาหลอกเด็กนักเรียนผู้หญิง!”
นักเรียนที่อยู่รอบๆ ที่เพิ่งจะโดนหลอกลวงไปก็เริ่มมีสติรู้ตัวขึ้น ต่างก็พากันสาปแช่งด่าทอหวางชิ่งเซิงกันยกใหญ่
“ต่ำช้า น่าละอายใจ ไอ้แก่ลามก เราเกือบจะโดนเขาหลอกกันแล้ว!”
“รีบไล่ผู้ชายแก่คนหนีออกไป มันช่างเป็นเรื่องน่าอายของวงการศิลปะจริงๆ!”
นักเรียนเหล่านั้นเริ่มพากันเสียงดังขึ้น
จางจื่อเห้ารีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “พวกเธอพากันบ้าแล้วเหรอ ท่านคือประธานคณะกรรมการหวางเชียวนะ เป็นลูกน้องที่มากฝีมือของจินหยวนเป่าบริษัทชิรงกรุ๊ป พวกเธอล่วงเกินเขาได้เหรอ?”
พวกเขาต่างพากันใจเย็นขึ้นมา อย่าว่าแต่บริษัทชิรงกรุ๊ปเลย แม้แต่บริษัทฝูว่างพวกเขาก็ล่วงเกินไม่ได้
ทุกคนต่างก็พากันอดกลั้นเอาไว้ หน้าแดงกล่ำยืนอยู่ตรงที่เดิม พร้อมมองหวางชิ่งเซิงด้วยสายตาแค้นเคือง
หวางชิ่งเซิงจ้องไปที่หลินหยุนด้วยความโกรธ สีหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาต “ไอ้เด็กบ้านี่สมควรตาย ฉันเกือบจะทำสำเร็จแล้ว มันเป็นคนทำให้แผนฉันล้ม!”
“พวกแกสองคน ไปจัดการมันซะ!” หวางชิ่งเซิงหันไปพูดกับชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน พอได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มสองคนนั้นก็พากันยืนล้อมหลินหยุนเอาไว้
“พวกนายจะทำอะไร!” ห่าวฮ่วยฮ่วยตะโกนด้วยความตกใจ
“เธอถามว่าทำอะไรงั้นเหรอ ไอ้เด็กคนนี้มันทำแผนฉันพัง แล้วยังกล้าดูถูกครอบครัวฉันด้วย ฉันไม่สั่งสอนมัน ต่อไปฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหน!” พอพูดจบ หวางชิ่งเซิงก็หันหน้าไปสั่งบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ว่า “กระทืบมัน!”
“ไอ้หนู อย่าโทษพวกฉันนะ จะโทษก็โทษที่ตัวเองไม่มีตา แม้แต่ประธานคณะกรรมการหวางก็กล้าล่วงเกินได้!”
บอดี้การ์ดสองคนนั้นเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน หวังว่าจะจับตัวหลินหยุนเอาไว้
“หลินหยุน ระวัง!” ผู้ชายตัวอ้วนที่ยืนอยู่ตรงนั้นตะโกนด้วยความตกใจ
ผู้ชายคนนี้ชื่อว่าจ้าวกาว เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะในสมัยมัธยมของหลินหยุน ทั้งคู่ความสัมพันธ์ดีต่อกันมาเสมอ
คนทั่วไปไม่ค่อยใช้ชื่อนี้กันนัก แต่จ้าวกาวกลับชื่นชอบชื่อนี้เป็นอย่างมาก ทั้งยังตั้งเป้าหมายในชีวิตของตัวเองไว้ว่า จะต้องเป็นแบบจ้าวกาวสมัยราชวงศ์ฉินให้ได้
จางจื่อเห้ามองไปที่ภาพนั้น สีหน้าดีอกดีใจ การแก้แค้นที่ไม่ต้องออกแรงแบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จไม่น้อย
“หลินหยุน แกกล้ามาล่วงเกินฉัน แกจบเห่แน่”
แต่ว่าจากนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของจางจื่อเห้าก็ต้องหยุดชะงักลง
หลินหยุนชกไปเต็มๆ ที่ตัวบอดี้การ์ดสองคนนั้น ชายหนุ่มสองคนต่างก็พากันล้มระเนระนาดลงไปกับพื้น ต่อกรกับคนธรรมดาแบบนี้ ก็เหมือนกับการบีบมดแดงตัวเล็กๆ ก็เท่านั้น
“นี่มัน…” หวางชิ่งเซิงตกใจอ้าปากค้างไปในทันที บอดี้การ์ดสองคนนี้ของเขาถูกคัดมาอย่างดี คนเดียวสามารถต่อสู้กับคน 5-6 คนได้สบายๆ
ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่ผอมแห้งแรงน้อยอย่างหลินหยุน จะฝีมือดีได้ขนาดนี้ สามารถจัดการกับบอดี้การ์ดของตัวเองให้ล้มลงไปกับพื้นได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
จางจื่อเห้าเองก็ตกใจจนอ้าปากค้างไปตามๆ กัน “เป็นไปได้ไง หลินหยุนเปลี่ยนไปเป็นคนที่เก่งขนาดนี้ได้ยังไง?”
เมื่อก่อนจางจื่อเห้ารังแกหลินหยุนบ่อยๆ ทุกครั้งเขาก็มักจะเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องอะไร แต่วันนี้กลับเป็นแบบนี้ไปได้!
ห่าวฮ่วยฮ่วยกับจ้าวกาวต่างก็พากันคิดไม่ถึง “หลินหยุน คิดไม่ถึงว่านายจะเก่งขนาดนี้ ทำฉันตกใจฟรีเลย!”
หลินหยุนยิ้มให้กับสองคนนั้น แล้วมองไปที่หวางชิ่งเซิง ด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึก พร้อมกับพูดว่า “ฉันจะดูซิว่าใครกันแน่ที่รนหาที่ตาย!”
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนกำลังเดินมาหาตนเอง หวางชิ่งเซิงก็ตกใจจนถอยหลังไป แต่ก็ยังพยายามทำเหมือนไม่กลัวอะไร แล้วพูดขึ้นว่า “ไอ้เด็กบ้า แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ฉันเป็นแขกคนสำคัญของอันซื่อเอินเชียวนะ!”
จางจื่อเห้ารีบพูดขึ้นมาว่า “หลินหยุนแกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ! ประธานคณะกรรมการหวางเป็นคนที่อาอันเชิญมากว่าจะได้ ถ้าแกทำอะไรล่วงเกินท่าน ฉันจะรีบไปห้องอาอันทันที”
อันซื่อเอินเป็นคุณพ่อของอันซิน เพื่องานนิทรรศการภาพวาดครั้งนี้ของอันซิน อันซื่อเอินขอให้คนไปเชิญหวางชิ่งเซิงมาร่วมงาน
ถ้าหากหลินหยุนทำอะไรกับเขา ต้องทำให้อันซื่อเอินลำบากใจแน่นอน
ห่าวฮ่วยฮ่วยก็พูดด้วยความจนปัญญาว่า “หลินหยุน ที่จางจื่อเห้าพูดก็ถูก เขาเป็นคนแขกคนสำคัญที่อาอันเชิญมาจริงๆ ในเมื่อก็ไม่มีอะไรเสียหายกับนาย ก็ปล่อยเขาไปเถอะ!”
จ้าวกาวเองก็พูดว่า “หลินหยุน ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าทำให้อันซินลำบากใจเลย!”
เดิมทีหลินหยุนอยากที่จะกระทืบหวางชิ่งเซิงให้สะใจ แต่เพื่อไม่ให้อันซื่อเอินลำบากใจ หลินหยุนทำได้แค่ปล่อยเขาไป
“ไสหัวไป อย่าให้ฉันเห็นแกอีก”
“ไอ้เด็กบ้า แกคอยดูเถอะ!” หวางชิ่งเซิงพูดจบประโยคนั้น ก็วิ่งหนีไป บอดี้การ์ดสองคนนั้นก็ก้มหัวเดินไปออกไปอย่างเหนื่อยล้า
จางจื่อเห้าพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “หลินหยุน แกทำให้ประธานคณะกรรมการหวางโมโหจนกลับไปแล้ว! แกรู้ไหมว่าอาอันลงทุนกับการเชิญท่านมาไปเยอะแค่ไหน พูดเอาใจไปแค่ไหน ฉันจะไปฟ้องอาอันเดี๋ยวนี้แหละ ดูว่าแกจะบอกอันซินยังไง!”
จ้าวกาวทนดูต่อไปไม่ได้ จึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “จางจื่อเห้า นายไม่เห็นเหรอว่าไอ้แกนั่นมันหลอกฮ่วยฮ่วยยังไง หลินหยุนทำเพราะจะช่วยฮ่วยฮ่วย ถึงต้องยอมล่วงเกินมัน! มันยังจะให้บอดี้การ์ดมันจัดการกับหลินหยุนด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหลินหยุนมีความสามารถพอ วันนี้เขาโดนกระทืบจนเข้าโรงพยาบาลแน่!”
จางจื่อเห้าพูดด้วยท่าทางดีอกดีใจ “ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ยังไงฉันก็เตือนหลินหยุนแล้ว ว่าประธานคณะกรรมการหวางเป็นแขกคนสำคัญที่อาอันเชิญมา หลินหยุนก็ยังจะไปล่วงเกินเขา จนเขาโมโหกลับไปแล้ว!”
“แกรอดูอาอันจะตำหนิแกยังไงเถอะ! อันซินไม่มีทางให้อภัยแกแน่!” นี่ต่างหากที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของจางจื่อเห้า ซึ่งมันก็คือการที่ทำให้อันซินเข้าใจผิดหลินหยุน ให้เขาได้จีบอันซินได้สำเร็จ
“เกิดอะไรขึ้น?”
ในขณะที่จางจื่อเห้าเตรียมตัวจะเดินออกไป เสียงที่น่าเกรงขามก็ดังขึ้น
อันซื่อเอินเดินมาพร้อมกับหวางชิ่งเซิงที่เพิ่งจะเดินออกไปเมื่อกี้
ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่ตกใจ พอพูดถึงเขา เขาก็มาทันที!
แต่พอเห็นว่าหวางชิ่งเซิงอยู่ข้างหลังอันซื่อเอิน ทุกคนต่างก็เข้าใจแล้วว่า หวางชิ่งเซิงไปตามอันซื่อเอินมาโดยเฉพาะ
คิดว่าต่อหน้าหวังชิ่งเซิง เขาคงพูดใส่ความไปไม่น้อย
จางจื่อเห้าดีอกดีใจ รีบวิ่งเข้าไปหา พร้อมชิงฟ้องทันที “อาอัน หลินหยุนมันไม่มีมารยาทซะจริงๆ เลย เมื่อกี้ผมเตือนเขาแล้วว่าประธานคณะกรรมการหวางเป็นแขกคนสำคัญของอา แต่เขาก็ยังจะหาเรื่องท่าน!”
จ้าวกาวโมโหขึ้นมาทันที “จางจื่อเห้า แกอย่าพูดพล่อยไป หลินหยุนทำผิดตรงไหน! ไอ้หวางนั่นต่างหากที่มันลามก หลินหยุนช่วยห่าวฮ่วยฮ่วยถึงได้ลงมือแบบนั้น”
ห่าวฮ่วยฮ่วยก็รีบพูดต่อว่า “อาอัน ไม่ใช่ความผิดของหลินหยุน เขา….”
อันซื่อเอินสีหน้าตึงเครียด ห้ามไม่ให้ห่าวฮ่วยฮ่วยพูดอะไรต่อ
“พอแล้ว เรื่องทั้งหมดประธานคณะกรรมการหวางพูดกับฉันหมดแล้ว ไม่ว่ายังไง ประธานคณะกรรมการหวางก็เป็นผู้ใหญ่ คนที่อายุน้อยกว่าอย่างพวกเธอทำไมถึงไม่เคารพคนที่อายุเยอะกว่าบ้าง?”
“หลินหยุน ขอโทษประธานคณะกรรมการหวางซะ!”