บทที่ 59 จางจื่อเห้าออกหน้า
หวางชิ่งเซิงยกแก้วเหล้ายืนขึ้น พร้อมทั้งยิ้มให้กับไอ้หน้าบากเฉียง พร้อมพูดว่า “ฉันคือหวางชิ่งเซิงเจ้าของบริษัทฝูว่าง เฉียงเพื่อนรัก ไว้หน้ากันจะได้ไหม ปล่อยพวกเขาสองคนไปได้หรือเปล่า?”
ไอ้หน้าบากเฉียงใช้หางตาประเมินหวางชิ่งเซิง “ประธานหวางของบริษัทฝูว่าง? เสียมารยาทแล้ว! แต่ว่าเรื่องของวันนี้ไม่เกี่ยวกับประธานหวาง หวังว่าคุณจะไม่ยุ่ง จะได้ไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างท่านเจี่ยงกับคุณท่านจิน!”
แค่ประโยคเดียวของไอ้หน้าบากเฉียง ก็เห็นได้ว่าเขารู้จักหวางชิ่งเซิงเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันก็บอกกับหวางชิ่งเซิงเป็นนัยว่าเขาไม่ไว้หน้าหวางชิ่งเซิง!
หลินหยุนเห็นเป็นเรื่องสนุก พวกนักเลงพวกนี้ไม่ใช่แค่พวกวัยรุ่นที่เลือดร้อนอย่างเดียว
หวางชิ่งเซิงรู้สึกเก้อ แค่ประโยคเดียว ฝ่ายนั้นก็พูดถึงที่พึ่งอาศัยที่ใหญ่สุดของเขา แถมยังเตือนไม่ให้ตัวเองเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ด้วย
ตามจริงเขาเมื่อรู้ว่าไม่ควรยุ่งก็ควรที่จะถอยไป แต่สายตาอันซื่อเอินและอีกหลายคนที่จับจ้องเขาอยู่ ถ้าหากเขาถอยไปแบบนี้เลย มันจะได้อย่างไรกัน
แล้วอีกอย่าง เขาเป็นถึงเจ้าของบริษัทอาหารชื่อดัง ฝ่ายนั้นเป็นแค่นักเลงธรรมดา ถ้าแม้แต่นักเลงธรรมดาเขายังจัดการไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงข้างนอก เขาคงขายหน้ามากแน่ๆ
“เฉียงเพื่อนรัก นายพูดถูก เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างท่านเจี่ยงกับคุณท่านจิน นายก็ควรจะใจกว้างหน่อยใช่ไหมล่ะ ปล่อยลูกเพื่อนฉันไปได้ไหม?” หวางชิ่งเซิงเลือกใช้วิธีเดียวกันกับฝ่ายนั้น
ไอ้หัวทองพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้านายหวาง คุณยุ่งเยอะไปหรือเปล่า?”
ไอ้หัวทองลูกน้องของไอ้หน้าบากเฉียง ไม่ได้หยาบคายเหมือนทำกับอันซื่อเอินแบบนั้น การพูดการจายังถือว่าเกรงใจ เพราะไม่ว่ายังไงหวางชิ่งเซิงก็เป็นนักธุรกิจที่มีทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้านหยวน
ไอ้หน้าบากเฉียงเหมือนกับงูพิษ เหมือนมีสามตาที่จ้องหวางชิ่งเซิงอยู่แบบนั้น พร้อมถามด้วยน้ำเสียงประหลาดว่า “ถ้าอย่างที่คุณพูด ที่ฉันโดนพวกนี้ตี ก็เพราะว่าฉันสมควรโดนตีใช่ไหม?”
“เข้าใจผิดแล้วๆ เข้าใจผิดกันไปแล้ว!” หวางชิงเซิงหัวเราะแห้ง “เฉียงจื่อเพื่อนรักนั่งก่อน เรามานั่งดื่มกันก่อน เคลียร์เรื่องเข้าใจผิดนี้กันก่อนดีไหม?”
“ใครเป็นเพื่อนแก! อย่าวางตัวเองไว้สูงขนาดนั้น แกก็แค่หมาตัวนึงของคุณท่านจินก็เท่านั้น กล้ามาเรียกตัวเองว่าเป็นเพื่อนกับฉันงั้นเหรอ?” อยู่ดีๆ ไอ้หน้าบากเฉียงก็โมโหขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ถ้าจินหยวนเป่าอยู่ที่นี่ ฉันยังพอเรียกว่าคุณชายจิน แต่แกเป็นใครกัน!”
หวางชิ่งเซิงหน้าแดงก่ำ รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มเจื่อนลง มือที่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาสั่นระริก เหล้าที่อยู่ในนั้นเริ่มกระเด็นออกมา
ต่อหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ประธานคณะกรรมการหวางแห่งบริษัทฝูว่าง นักธุรกิจทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้าน กลับโดนนักเลงธรรมดาคนนี้ด่าจนไม่มีชิ้นดี
แต่ว่า พอไอ้หน้าบากเฉียงด่าแบบนี้ หวางชิ่งเซิงก็เข้าใจแล้วว่า ไอ้หน้าบากเฉียงคนนี้ไม่ใช่นักเลงธรรมดาแน่นอน ดูท่าว่าต่อหน้าท่านเจี่ยง คำพูดของเขาคงพอมีน้ำหนักอยู่บ้าง
ไม่เช่นนั้น ถ้าเป็นแค่นักเลงธรรมดา จะกล้าเหิมเกริมกับเจ้านายใหญ่ที่มีทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้านได้ยังไง!
บอดี้การ์ดข้างกายของหวางชิ่งเซิง กำลังทำท่าทางจะพุ่งไปจัดการไอ้หน้าบากเฉียงให้ได้ แต่กลับโดนหวางชิ่งเซิงห้ามไว้อย่างเร็ว
ไอ้หน้าบากเฉียงกวาดสายตามองบอดี้การ์ดสองคนนั้น หัวเราะอย่างไม่แยแส แล้วพูดขึ้นว่า “ทำไม? อยากใช้กำลังหรือไง? มาสิ!”
หวางชิ่งเซิงไม่ได้ให้ลูกน้องไป ถึงแม้ว่าลูกน้องเขาจะถูกคัดเลือกมาดีขนาดไหน ต่อสู้เก่งขนาดไหน แต่การต่อกรกับพวกนักเลงที่มีเรื่องต่อยตีบ่อยแบบนี้ เขาเองก็ไม่มั่นใจมากนัก
อีกอย่าง ถ้าเกิดจัดการกับไอ้หน้าบากเฉียงนี่สำเร็จ จนทำให้ท่านเจี่ยงเคืองจะทำยังไง?
หวางชิ่งเซิงใบหน้าเย็นชา พร้อมพูดว่า “ฉันจะโทรหาคุณท่านจินตอนนี้แหละ!”
การพูดแบบนี้ ความจริงก็เพื่อหาทางออกให้กับตัวเองก็เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าหวางชิ่งเซิงช่วยอะไรไม่ได้ อันซื่อเอินก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
“พี่เฉียง จะต้องทำยังไงถึงจะยอมปล่อยเด็กสองคนนี้เหรอ?” อันซื่อเอินถามด้วยเสียงเบาๆ
ไอ้หน้าบากเฉียงยิ้มร้าย พร้อมตอบว่า “ก็ต้องดูว่าแกจริงใจขนาดไหน”
พอพูดจบ ก็ถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไปมา ความหมายก็คือต้องการเงินนั่นเอง
อันซื่อเอินจนปัญญา “ฉันออกเงิน 5 พันให้พี่เฉียงกับลูกน้องดื่มชาเป็นไง?”
ไอ้หน้าบากเฉียงยิ้มอย่างดูแคลน พร้อมส่ายหน้า
อันซื่อเอินขมวดคิ้ว 5 พันยังไม่พอ ไอ้นักเลงพวกนี้หน้าเงินเสียจริง
แต่ว่า อันซื่อเอินก็ไม่มีทางเลือก “ใช่ แค่ดื่มชาคงไม่พอแน่นอน ฉันเพิ่มอีก 3 พัน เลี้ยงข้าวพวกพี่เฉียงด้วย”
ไอ้หน้าบากเฉียงเริ่มรำคาญ ยกฝ่ามือขึ้นมา “ดูให้ชัด”
อันซื่อเอินตัวสั่น ขาอ่อนไปหมด
“5 5 หมื่น!”
ไอ้หน้าบากเฉียงหัวเราะพร้อมพยักหน้า
เงิน 5 หมื่นอันซื่อเอินพอจะมีให้ แต่นั่นเท่ากับเงินเดือน 3 เดือนของเขาเลย ให้ไม่ลง!
อันซินพูดด้วยความโมโหว่า “พวกแกรีดไถคนอื่นชัดๆ! นี่มันผิดกฎหมายนะ!”
ไอ้หน้าบากเฉียงหัวเราะเหอะๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องสาวคนนี้รู้เยอะจริงๆ ฉันก็รู้ว่ารีดไถเงินมันผิดกฎหมาย แต่เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ! พ่อเธอพูดอยู่คนเดียวเลย!”
“แก…สารเลว!” อันซินถูกไอ้พวกนักเลงลามกเจ้าเล่ห์พวกนี้ทำโมโหจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว
“พี่เฉียง เงิน 5 หมื่นฉันพอจะให้ได้ แต่เมื่อกี้เพิ่งจะเอาเงินออกมาจัดงานนิทรรศการภาพวาดให้ลูกสาว ตอนนี้จะเอาเงินออกมาเยอะขนาดนั้นไม่ได้ ขอเป็นเดือนหน้าจะได้ไหม?” อันซื่อเอินพูดขอร้อง ถ้าหากใช้เงิน 5 หมื่นนี้แล้วสามารถแก้ปัญหาได้ เขาก็ไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่
“แกยืมได้นี่ คนตั้งเยอะขนาดนี้ ต้องรวบรวมได้ครบแหละ” แน่นอนว่าไอ้หน้าบากเฉียงไม่ให้เขาผ่อนจ่าย เขาธุรกิจครั้งเดียว ไม่ค้างชำระแน่นอน
“โอ้ย น้องอัน อยู่ดีๆ ฉันก็ปวดท้องขึ้นมา ขอตัวก่อนแล้วกันนะ! ขอโทษๆ!” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของอันซื่อเอินยืนขึ้น พร้อมกับมือที่กุมท้องอยู่ จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่อัน เมียฉันโทรมาเร่งให้กลับบ้าน บอกว่าลูกไม่สบาย ฉันก็ต้องไปก่อนนะ ขอโทษด้วยจริงๆ!” เพื่อนอีกคนก็วิ่งหนีไป
“แม่บอกว่าลืมกุญแจไว้ที่บริษัท ฉันกลับไปเอากุญแจให้แม่ก่อนนะ ขอโทษด้วย!” เพื่อนที่ใส่แว่นคนหนึ่งกระซิบบอก จากนั้นก็ก้มหน้าแล้ววิ่งออกไป
คนอื่นๆ ก็เลียนแบบตามกันไป หาเหตุผลต่างๆนาๆเพื่อที่จะออกไปจากตรงนั้น
โต๊ะ 3 โต๊ะใหญ่ แค่พริบตา ก็เหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว
อันซื่อเอินและภรรยาสีหน้าซีดเผือด พวกเขายังไม่เอ่ยปากขอยืมด้วยซ้ำ! หรือต่อให้ต้องยืมจริงๆ พวกเขาก็มีปัญญาคืนอยู่ดี!
พี่ใหญ่อันพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “น้องสาม ยังขาดอีกเท่าไหร่ ฉันจะให้เอง!”
“ขอบคุณพี่ใหญ่!” อันซื่อเอินสีหน้าเต็มไปด้วยความขอบคุณพร้อมก้มหัว พอถึงเวลาสำคัญ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำจริงๆ!
พอรวบรวมได้ครบ 5 หมื่น อันซื่อเอินก็พูดขึ้นว่า “พี่เฉียง ฉันจะเอาเงินโอนให้นะ!”
ไอ้หน้าบากเฉียงยิ้มได้ใจ “ในเมื่อคุณอันจริงใจขนาดนี้ จะเลี้ยงชาเลี้ยงข้าวฉันกับเพื่อนให้ได้ งั้นฉันก็รับไว้ละกัน”
สิ่งที่ไอ้หน้าบากเฉียงทำ ไม่ปล่อยช่องว่างเลยจริงๆ กลัวแต่คนอื่นจะบอกว่าตัวเองรีดไถเงิน
เมื่อเห็นว่าอันซื่อเอินจะโอนเงินให้ไอ้หน้าบากเฉียงจริงๆ หลินหยุนก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว เขาตั้งใจจะทำให้อันซื่อเอินลำบากใจสักหน่อย ถือว่าเป็นการสั่งสอนเขา แต่จะให้เขาได้รับความเสียหายไม่ได้
แต่ว่า ก่อนที่หลินหยุนกำลังจะลุกขึ้น จางจื่อเห้าก็ชิงลุกขึ้นก่อน
“ลุงอัน รอก่อนครับ!” จางจื่อเห้ายิ้มบางๆ สีหน้าเหมือนผู้ช่วยโลกที่อยู่ตามภาพยนตร์ไม่มีผิด
อันซื่อเอินมองจางจื่อเห้าด้วยความไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่
จางจื่อเห้าอยู่ดีๆ ก็โค้งคำนับให้ไอ้หน้าบากเฉียง พร้อมพูดว่า “พี่เฉียง เด็กผู้หญิง 2 คนที่อยู่ในมือพี่เป็นเพื่อนของผม พี่เฉียงไว้หน้าผม ปล่อยพวกเธอไปไม่ได้ไหม!”
นี่…
ทุกคนต่างก็ชะงักไป
แม้แต่หวางชิ่งเซิงไอ้หน้าบากเฉียงยังไม่ไว้หน้า จะมาไว้หน้าวัยรุ่นแบบนี้ได้ยังไง?
หลี่นีรู้ค่อนข้างรู้จักจางจื่อเห้า รู้ว่าเขาต้องการจีบอันซิน ฐานะครอบครัวไม่เลวนัก แต่เมื่อเทียบกับหวางชิ่งเซิง ยังถือว่าต่างกันคนละโยชน์เลย
หลี่นีเป็นห่วงว่าจางจื่อเห้าอาจจะเดือดร้อนไปด้วย จึงรีบพูดขึ้นว่า “เสี่ยวจาง นี่มันเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆ อย่ายุ่งเลย รีบนั่งลงเถอะ!”