บทที่ 63 ฉันดูถูกนาย
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมกลับมาตอบสนอง
จางจื่อเห้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ๆ
ร่วมมือกับคนอย่างไอ้หน้าบากเฉียง ก็ไม่ต่างกับการเอาตัวเองเข้าไปหาอันตราย หาคนอันตรายเข้ามาช่วยงานตัวเอง สุดท้ายมันก็กลายเป็นคนที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน
พี่ดาวถามขึ้นด้วยความระมัดระวัง “คุณหลินครับ คุณมีอะไรอยากจะสั่งไหมครับ? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมก็จะขอลาแล้ว!”
“ไปเถอะ!” หลินหยุดพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ครับ ครับ!” พี่ดาวโบกมือให้ลูกน้อง คนเหล่านั้นต่างก็พากันรีบออกไป
พี่ดาวรู้สึกว่า อยู่ใกล้หลินหยุนแล้วรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้อยู่ใกล้ๆ เจี่ยงสง ยังไม่รู้สึกกดดันเท่านี้มาก่อนเลย
นักเลงเหล่านั้นออกไป หลินหยุนนั่งลงกินข้าวต่อ โดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
ทุกคนมองเห็นภาพนี้ นอกจากความศรัทธาที่มีต่อตัวเขา ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นอีกเลย
เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ถ้าเกิดขึ้นกับคนอื่น แน่นอนว่าทุกคนต้องตกใจจนสติหายไปแน่นอน ต้องใช้ระยะเวลาพักดึงสติของตัวเองก่อนด้วยซ้ำ
แต่ว่า เขากลับทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กินดื่มได้อย่างสบาย ไม่ได้เอาเรื่องนี้เก็บไปไว้ในใจเลย!
“เด็กคนนี้ ถ้าไม่เห็นกับตาว่าพี่ดาวยืนทำความเคารพให้กับเขา ก็คงคิดว่าเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาจนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นต่อหน้าก็ไม่รู้สึก
รู้สาอะไรเสียอีก?” อันซื่อเอินยิ้มเจื่อนอยู่ในใจ
จ้าวกาวเอนตัวไปอิงกับหลินหยุน หัวเราะคิกคัก “หลินหยุน นายเป็นอะไรกับท่านเจี่ยงเหรอ? พอจะบอกหน่อยได้ไหม!”
หลินหยุนพูดอย่างจริงจังว่า นายอย่าถามฉันเลย ฉันไม่ได้สนิทกับเขา”
จ้าวกาวมองค้อน “งกนี่นา แค่พูดจะเป็นอะไรไป! ถ้าไม่สนิทพี่ดาวนั่นจะเกรงใจนายขนาดนั้นได้ยังไง?”
อันซินจับมือห่าวฮ่วยฮ่วย พร้อมพูดปลอบเธอ “พอแล้วๆ ไม่เป็นไรแล้วนะฮ่วยฮ่วย!”
ห่าวฮ่วยฮ่วยจิตใจยังไม่เข้มแข็งเท่าอันซินนัก ตอนนี้ยังคงมีความกลัวอยู่
“หลินหยุน ขอบคุณมากนะ!” ห่าวฮ่วยฮ่วยพูดขอบคุณเสียงเบา สายตาที่เธอมองเขาเต็มไปด้วยความศรัทธา
“ไม่เป็นไร” หลินหยุนพูดตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
อันซื่อเอินก็เริ่มพูดกับคนที่เหลือ “โอเคแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ ทุกคนทานต่อเถอะ อย่าให้พวกมันมาทำเราเสียอารมณ์เลย!”
“มาๆ ท่านประธานหวาง ผมดื่มให้ท่านหนึ่งแก้ว!” อันซื่อเอินยกแก้วขึ้นมาพร้อมพูด
หวางชิ่งเซิงหัวเราะคิกคัก พร้อมยกแก้วขึ้นมาดื่มเช่นกัน
“ความจริงเมื่อกี้ผมโทรหาท่านจินหยวนเป่าแล้ว ท่านกำลังรีบมา ไม่งั้นคงไม่ต้องมาเสียเปรียบไอ้นักเลงพวกนี้หรอก!” หวางชิ่งเซิงเริ่มพูดโม้โอ้อวดอีกรอบ
“ใช่ๆ ท่านจินความสามารถไม่เป็นที่สงสัยอยู่แล้ว! มา ผมดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว!” พี่ใหญ่ตระกูลอันพูดทักทายขึ้น ถึงหวางชิ่งเซิงจะไม่ได้ช่วยอะไร แต่ในเมื่อเขาออกหน้าให้แล้ว ก็ถือว่าเป็นบุญคุณอย่างหนึ่งที่ต้องจดจำ
โต๊ะฝั่งหลินหยุน อันซินเดินมานั่งข้างๆ เขา สายตาที่งดงามของเธอไม่ออกไปจากตัวเขาเลย
เมื่อกี้หลินหยุนก็เป็นจุดศูนย์กลางของโต๊ะนี้ ในตอนนี้ท่าทีที่เพื่อนๆ มีแต่เขา เหลือแต่ความยำเกรงที่มีต่อเขามากขึ้น!
เพราะในเมื่อคนคนหนึ่งที่สามารถมีโอกาสพูดคุยกับท่านเจี่ยงแห่งเมืองหลินโจวได้ เด็กนักเรียนที่อยู่ในตระกูลธรรมดาแบบนี้ ไม่กล้าที่จะทำท่าทีกับหลินหยุนเหมือนเดิมแน่นอน
จางจื่อเห้าและพวก ต่างก็โดนคนอื่นๆ ตีตัวออกห่าง
เขาอยากจะออกไปจากตรงนั้น แต่ก็เกรงว่าไอ้หน้าบากเฉียงจะรออยู่ด้านนอก จะอยู่ตรงนี้ต่อ ก็เหมือนกับหนามแหลมคม ต่อให้เพื่อนๆ จะไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงแค่สายตาที่ทุกคนมองมาก็ทำให้คนที่ภูมิอกภูมิใจอย่างเขาแทบจะไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
งานเลี้ยงจบลง ทุกคนออกจากงานพร้อมกัน
อันซื่อเอินไปส่งคนอื่นๆ อยู่ด้านหน้า หลินหยุนและเพื่อนๆ เดินตามไปด้านหลัง
ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินถึงประตูใหญ่ของโรงแรม ชายหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งตัวทันสมัยคนหนึ่งก็โอบสาวสวยผมแดงเดินเข้ามา ท่าทางการเดินเหมือนปูเดินไปมา
“คุณชายจิน!” เมื่อเห็นคนที่มา หวางชิ่งเซิงก็ดีใจกระดี๊กระด๊า รีบเดินเข้าไปหา
“อ้าว เหล่าหวางเหรอ คุณโทรให้ผมมาที่นี่ทำไม?” จินหยวนเป่าตบไปที่บ่าของหวางชิ่งเซิง ท่าทางของเขาเหมือนคนที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย
หวางชิ่งเซิงเดิมสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พอได้ยินจินหยวนเป่าถามดังนั้น เจ้านายใหญ่ทีมีเงินทองร้อยกว่าล้านคนนี้กลับร้องไห้ออกมา
“พอแล้วๆ เหล่าหวางมีเรื่องอะไร ฉันจัดการให้เอง!” จินหยวนเป่ารำคาญวิธีนี้ของหวางชิ่งเซิงเต็มทน หากไม่ใช่เพราะว่าเขาใช้งานง่าย จินหยวนเป่าเองก็อยากจะเปลี่ยนคนไปนานแล้ว
เมื่ออันซื่อเอินและคนอื่นๆ เห็นภาพนั้น ก็พากันรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะอ้วกเอาอาหารที่เพิ่งกินไปออกมา เมื่อกี้ต่อหน้าพวกเขายังเป็นท่านประธานหวางที่โอ้อวดศักดิ์ศรี แต่ตอนนี้กลับเหมือนภรรยาสาวที่น้อยใจซะแล้ว
เคยเห็นคนที่ไม่มียางอาย แต่ไม่เคยเห็นใครไม่มียางอายขนาดนี้
หวางชิ่งเซิงเมื่อได้ยินสิ่งที่จินหยวนเป่าสัญญา ก็ยิ้มร่าขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า “คุณชายจิน คุณไม่รู้ว่าผมโดนคนรังแก!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าบอดี้การ์ดปกป้องผม ตอนนี้ผมโดนไอ้อวดดีคนนี้กระทืบแล้ว!”
เมื่อได้ยินประโยคนั้น อันซื่อเอินก็ร้อนใจขึ้นมา! ที่แท้หวางชิ่งเซิงไม่ได้จะฟ้องเรื่องไอ้หน้าบากเฉียง แต่เป็นหลินหยุน
จินหยวนเป่าพูดด้วยความโมโห “คุณไม่ได้บอกมันเหรอว่าผมเป็นลูกพี่คุณ?”
หวางชิ่งเซิงรีบตอบทันทีว่า “พูดแล้ว แต่มันก็ไม่สนใจเลย! แล้วยังบอกอีกว่า ต่อให้คุณมาด้วยตัวเอง มันก็ไม่สนใจหรอก!”
เวลานี้ หลินหยุนและคนอื่นๆ ก็เดินมาถึง
จินหยวนเป่าโมโหแล้วพูดว่า “ไอ้คนไหนที่มันไม่มีตา อวดดีขนาดนี้ แม้แต่ท่านจินหยวนเป่าอย่างข้าก็ไม่สนใจ!”
หวางชิ่งเซิงรีบชี้ไปทางหลินหยุนทันที สีหน้าเล่ห์เหลี่ยม “คุณชายจินไอ้เด็กคนนั้นไง!”
จินหยวนเป่าปัดซิการ์ที่อยู่ในปากออกจนตกลงพื้น เบิกตามองกว้างไปที่หลินหยุน
“ไอ้เด็กคนไหน? คนที่ใส่เสื้อสีขาวนั่นไหม?” จินหยวนเป่าถาม ซึ่งหลินหยุนใส่เสื้อสีขาวพอดี
หวางชิ่งเซิงรีบพยักหน้า “ครับ มันนั่นแหละ!”
อันซื่อเอินรีบออกมาช่วยพูด “ท่านประธานหวาง เด็กๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อย่าไปถือสาพวกเด็กๆ มันเลย!”
หวางชิ่งเซิงสีหน้าเหน่อหยิ่ง แล้วพูดว่า “น้องอัน นี่เป็นเรื่องของผมกับไอ้เด็กนั่น คุณอย่ามายุ่งเลย มันดูถูกผมไม่เท่าไหร่ แต่มันกลับกล้ามาดูถูกคุณชายจินได้ ถ้าไม่สั่งสอนมัน ต่อไปจะให้คนมาหัวเราะเยาะคุณชายจินได้หรือไง?”
พอพูดจบ หวางชิ่งเซิงก็ใช้มือชี้ไปที่หลินหยุนอย่างดีใจ พร้อมพูดด้วยความผยองว่า “ไอ้หลินหยุน แกดูสิว่าข้างๆ ฉันนี่คือใคร?”
หลินหยุนมองไปที่หวางชิ่งเซิงด้วยสายตาสงสัย จากนั้นสายตาก็จดจ้องไปที่จินหยวนเป่า
“หรือว่าคนคนนี้ก็คือคุณชายจิน?” หลินหยุนยิ้มมุมปากพร้อมพูด
หวางชิ่งเซิงยังคงพูดอย่างไม่รู้ชะตากรรม “ใช่ ถือว่าแกรู้อะไรบ้าง ในเมื่อรู้ว่าคือคุณชายจิน แกยังไม่รีบมาก้มหัวขอโทษคุณชายจินอีก!”
จ้าวกาวที่ยินอยู่ข้างๆ หลินหยุน พูดขึ้นด้วยความโมโห “ทำไมต้องทำด้วย!”
“แกเป็นคนหาเรื่องฮ่วยฮ่วยก่อน หลินหยุนถึงได้ออกหน้าสั่งสอนแก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไว้หน้าลุงอัน ยอมปล่อยแกไป ตอนนี้แกได้โดนกระทืบจนเป็นหัวหมูแน่!”
อันซินก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด “ท่านประธานหวาง คุณเป็นถึงประธานคณะกรรมการบริษัทฝูว่าง ผู้ใหญ่ที่มีสมบัติมากกว่าร้อยล้าน ทำไมถึงปั้นเรื่องไปมา ใส่ร้ายเด็กๆ ไปได้ล่ะ?”
หวางชิ่งเซิงรู้ดีว่าตัวเองเถียงไม่สู้ จึงไม่ไปถกเถียงกับจ้าวกาวและอันซิน แต่เขาจับแค่จับประเด็นที่หลินหยุนพูดดูถูกจินหยวนเป่าในตอนแรกนั้นไม่ปล่อย
“ตลก กับพวกเด็กๆ ฉันต้องปั้นเรื่องด้วยเหรอ?” หวางชิ่งเซิงมองจ้าวกาวและอันซินด้วยสายตาเย็นชา
“หลินหยุน ฉันจะถามแกนะ ก่อนหน้านี้ที่ระเบียง แกเคยพูดดูถูกคุณชายจินไว้เยอะเลยใช่ไหม?”
อันซื่อเอินรีบส่ายหัวให้หลินหยุน ไม่ให้เขายอมรับ
อันซินเองรีบมองไปที่หลินหยุน พร้อมกับแอบส่ายหัวให้เขา
หลินหยุนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้ามีรอยยิ้มแปลกๆ สายตาที่มองหวางชิ่งเซิงแฝงไปด้วยความสงสาร
“ฉันเคยพูดดูถูกคุณชายจินจริงๆ” หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
อันซื่อเอินกับคนอื่นๆ พากันปิดหน้า อยากที่จะทำเป็นไปรู้จักหลินหยุนไปเลย
หวางชิ่งเซิงหันกลับไปมองหลินด้วยความประหลาดใจ พร้อมพูดว่า “คุณชายจิน ได้ยินหรือยัง? มันยอมรับกับปากตัวเองแล้ว!”
หลินหยุนค่อยๆ เงยหน้าไปมองจินหยวนเป่าที่ตอนนี้สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นทุกข์ทรมาน พร้อมพูดจาหยอกล้อว่า “คุณชายจิน ฉันดูถูกคุณ คุณจะทำยังไงดีเหรอ?”