บทที่ 82 อำนาจบารมีของหลินหยุน
ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งอา…!
ครั้งนี้เจียงจงโยวหาเงินเข้ากระเป๋าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว แต่กลับต้องถูกชดเชยด้วยทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตน จิตใจคิดอยากจะตายอยู่แล้ว! แต่ว่า ถ้าหากไม่ยอมสละทรัพย์สินครึ่งหนึ่งส่วนนี้ให้ โดยเมื่อคำนึงถึงวิธีการสังหารปรมาจารย์หยางโดยการใช้เปลวเพลิงเผาไหม้อย่างทรมานของหลินหยุนเมื่อครู่นี้แล้ว คิดว่าเขาก็คงไม่น่าที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้
ยอมสละทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง ยังดีกว่าที่จะสละทิ้งชีวิตไป
มีชีวิตอยู่ ยังมีทรัพย์สินเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่สามารถใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยได้ ถือเป็นทรัพย์สมบัติที่ชีวิตคนธรรมดาทั่วไปไม่กล้าแม้แต่จะคิดครอบครอง
“ข้าจะรีบกลับไปจัดแจงทรัพย์สินเดี๋ยวนี้ หลังจากนั้นจะแบ่งแยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งออกมา และส่งมอบให้กับปรมาจารย์! ”
เจียงจงโยวกล่าวอย่างเคารพ
หลินหยุนยืนเอามือไขว้หลัง พูดตอบกลับว่า“รีบไปเถอะ! ”
“ขอบคุณปรมาจารย์เป็นอย่างมาก ข้าน้อยขอตัวลาไปก่อน! ” เจียงจงโยวเหมือนได้รับการอภัยโทษ ย่อตัวลง แล้วค่อย ๆ เดินทีละก้าวทีละก้าวออกไป
“คุณท่านหลิน ไม่ควรที่จะปล่อยตัวเขาไปแบบนี้! ” หูเต๋อลี่รีบพูดเตือนขึ้น
หลินหยุนมองไปที่เขา พูดว่า“แล้วท่านคิดว่าควรจะทำอย่างไร? ”
หูเต๋อลี่พูดว่า“เขาเกือบที่จะหลอกลวงให้พวกเราซื้อสิ่งของที่คนตายใช้ และเกือบที่จะทำร้ายพวกเราจนเสียชีวิต เขาจำเป็นต้องทำการชดเชยให้กับพวกเราก่อน จึงจะสามารถปล่อยเขาไปได้! ”
เจี่ยงสงก็พูดขึ้นว่า“พูดถูกแล้ว แม้ว่าพวกเราจะได้รับการช่วยเหลือจากคุณท่านหลินแล้ว แต่เจียงจงโยวจะต้องชดเชยค่าปลอบขวัญให้กับพวกเราด้วยเช่นกัน! ”
หลินหยุนพยักหน้า พูดอย่างจริงจังว่า“พูดได้ไม่มีผิด หากว่าพวกท่านไม่กล่าวเตือน ข้าเองก็เกือบลืมไปเช่นกัน”
ผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งหลายมองไปยังหลินหยุนด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเขาลืมอะไรไป
ทันใดนั้นหลินหยุนก็มองไปที่หูเต๋อลี่แล้วถามว่า“ท่านคิดว่าครั้งนี้ที่เจียงจงโยวเกือบที่จะทำร้ายท่านจนเสียชีวิต แล้วชีวิตของท่านมีมูลค่าเท่าไหร่กัน? ”
หูเต๋อลี่นึกว่าหลินหยุนยินยอมที่จะให้เจียงจงโยวชดเชยจริง ๆ ก็ตื่นเต้นดีใจ พูดเสียงดังว่า“ชีวิตของข้านี่ประเมินมูลค่ามิได้! ”
หลินหยุนพยักหน้า แล้วถามไปที่เจี่ยงสง ว่า“แล้วท่านล่ะ? ”
เจี่ยงสงยิ้มแหะแหะแล้วพูดว่า“คุณท่านหลินพูดขบขันไปได้ ชีวิตก็มีเพียงชีวิตเดียว ไม่สามารถที่จะนำเงินทองมาเป็นสิ่งประเมินมูลค่า นอกจากนี้ ข้าก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง แน่นอนว่าชีวิตนี้ประเมินมูลค่ามิได้! ”
หลินหยุนพูดอย่างจริงจังว่า“ข้าเข้าใจแล้ว”
เจี่ยงสงกับหูเต๋อลี่ดีใจกันยกใหญ่ รอคอยหลินหยุนไปเรียกร้องค่าชดเชยจากเจียงจงโยว
แต่ว่า ทันใดนั้นหลินหยุนก็กวาดสายตามองไปยังพวกเขา แล้วพูดว่า“เมื่อครู่นี้ข้าช่วยชีวิตพวกท่านออกมาจากเงื้อมมือของผู้ฝึกปราณพิฆาต ในเมื่อพวกท่านพูดกันว่าชีวิตประเมินมูลค่ามิได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องการอะไรมาก พวกท่านให้เงินข้าคนละหนึ่งร้อยล้าน นับเป็นเงินค่าตอบแทนที่ข้าได้ช่วยเหลือชีวิตพวกท่านเอาไว้”
หูเต๋อลี่และเจี่ยงสงตัวแข็งทื่อทันที!
เจี่ยงสงรู้สึกว่าตนเองกับหลินหยุนค่อนข้างที่จะสนิทสนมกัน พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เก้อเขิน“คุณท่านหลิน ท่านอย่าได้มาพูดเล่นตลกอะไรกับพวกเราเลย……”
เจี่ยงสงยังไม่ทันได้พูดจบ กลับถูกหลินหยุนตะโกนใส่ว่า“ท่านคิดว่าข้าเหมือนกำลังล้อเล่นกับพวกท่านงั้นเหรอ? ”
“คนละหนึ่งร้อยล้าน หรือว่าจะเอาชีวิตของพวกท่านมาให้ข้า ในสองข้อนี้เลือกมาหนึ่งข้อ ให้เวลาพวกท่านพิจารณาหนึ่งนาที! ” น้ำเสียงของหลินหยุนแสดงออกถึงความแน่วแน่อย่างไม่ต้องสงสัย
เจี่ยงสงอ้าปากค้างอยู่ครึ่งหนึ่ง ตะลึงอยู่ไม่กี่วินาทีจึงมีสติกลับคืนมา
พวกเขาเพิ่งจะรู้สึกตัวได้ว่า หลินหยุนสามารถใช้ไฟเผาไหม้ปรมาจารย์หยางจนตาย โดยไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย แล้วจะมาให้ความสำคัญกับชีวิตของพวกเขาด้วยทำไมกัน?
นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่สนิทสนมกับหลินหยุน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีความสัมพันธ์ฉันมิตรอะไร หลินหยุนไม่จำเป็นต้องช่วยชีวิตพวกเขาก็ได้!
หวางจื้อเหอหัวเราะอย่างข่มขืน ถอนหายใจแล้วพูดว่า“โลภมากลาภหาย” บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาแบบฟรี ๆ อย่างแน่นอน
พูดจบ หวางจื้อเหอมองไปที่หูเต๋อลี่ด้วยความเหยียดหยาม ถ้าหากไม่ใช่เขาที่ต้องการไปเรียกร้องค่าชดเชยจากเจียงจงโยวแล้ว หลินหยุนก็จะไม่เรียกร้องขอค่าช่วยเหลือชีวิตจากเขาเช่นกัน
ปรมาจารย์หยางถูกหลินหยุนฆ่าตาย ถ้าหากต้องการค่าชดเชยก็จะมีเพียงหลินหยุนคนเดียวที่สามารถเรียกร้องได้ แล้วหูเต๋อลี่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไมกัน?
ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า เงินค่าชดเชยแม้แต่หนึ่งเฟินก็ไม่ได้รับ แต่กลับต้องมาจ่ายชดเชยกันอีกคนละหนึ่งร้อยล้าน
“คุณท่านหลิน หนึ่งร้อยล้านสามารถซื้อชีวิตของข้าได้ ถือเป็นข้อตกลงที่ดี กลับไปบ้านแล้วข้าจะสั่งให้คนนำเงินมามอบให้กับคุณท่านหลิน! ” หวางจื้อเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณท่านอาวุโสหวาง! ” หูเต๋อลี่เรียกด้วยความไม่ค่อยพอใจ
หวางจื้อเหอคารวะไปทางหูเต๋อลี่และเจี่ยงสง แล้วพูดกับหลินหยุนว่า“คุณท่านหลิน ข้าสามารถไปได้แล้วเหรอยัง? ”
“เชิญตามสบาย” หลินหยุนกล่าว
“ขอลาไปก่อน!” หวางจื้อเหอคารวะอีกครั้ง แล้วก็จากไป
เจี่ยงสงแอบครุ่นคิดภายในใจ หลินหยุนคือแขกผู้มีเกียรติของควีนจิน อีกทั้งเมื่อครู่ยังโบกเรียกเปลวเพลิงในอากาศ เผาไหม้ปรมาจารย์หยาง ฤทธิ์เดชน่าเกรงขามเกินคาดเดาได้!
ผู้ที่มีพลานุภาพที่เก่งกาจดั่งเทพเช่นนี้จะต้องคบค้าสมาคมเอาไว้อย่างที่สุด ไม่สมควรไปทำการล่วงเกินใด ๆ อย่างเด็ดขาด!
แม้ว่าการนำเงินหนึ่งร้อยล้านออกมาจะเจ็บปวดรวดร้าว เจี่ยงสงก็ไม่ขมวดคิ้วหน้าบึ้งแต่อย่างไร คิดว่าเป็นการสานสัมพันธ์กับหลินหยุนผู้ที่มีพลังยุทธ์ ซึ่งในอนาคตไม่แน่อาจจะต้องหวังพึ่งให้หลินหยุนช่วยชีวิตของตนก็เป็นได้!
“คุณท่านหลิน ข้าจะรีบสั่งให้คนโอนเงินเข้าบัญชีของท่านเดี๋ยวนี้! ” เจี่ยงสงกล่าวด้วยท่าทางยิ้มแย้ม และด้วยความเต็มใจ
“อืม” หลินหยุนตอบตกลง อารมณ์ท่าทางดูสบาย ๆ เป็นกันเองอย่างมาก หนึ่งร้อยล้านสำหรับเขาแล้ว เหมือนกับว่าเป็นเพียงแค่ตัวเลข
หูเต๋อลี่เห็นเจี่ยงสงและหวางจื้อเหอต่างก็ยอมประนีประนอมแล้ว อีกทั้งยังมีท่าทีที่เต็มใจ แม้ว่าตนเองจะไม่เต็มใจยอม แต่น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ คิดถึงภาพสะเทือนใจที่หลินหยุนถือเปลวเพลิงในมือแล้ว หูเต๋อลี่ก็ไม่กล้าที่จะมีการร้องเรียนใด ๆ อีก
“คุณท่านหลิน ขอขอบคุณที่ท่านได้ช่วยชีวิต รบกวนท่านบอกเลขบัญชีธนาคารให้กับข้า ข้าจะรีบสั่งให้คนโอนเงินเข้าบัญชีให้เดี๋ยวนี้! ” หูเต๋อลี่ก็ฉลาดเฉลียวอย่างมาก ในเมื่อเจี่ยงสงกับหวางจื้อ เหอต่างก็ตอบตกลงแล้ว เขาก็คงไม่คิดที่จะเป็นปรปักษ์กับผู้ที่เก่งกาจดั่งเทพอย่างหลินหยุนแน่นอน
หลินหยุนได้นำหมายเลขบัตรวีไอพีที่จินซื่อหรงได้ให้ไว้กับเขา ให้กับหูเต๋อลี่ บัตรใบนี้จัดทำขึ้นพิเศษ ซึ่งไม่มีการจำกัดวงเงิน
หลังจากที่หูเต๋อลี่จดจำหมายเลขแล้ว ก็โค้งคำนับและถามว่า“คุณท่านหลิน ข้าสามารถไปได้แล้วเหรอยัง? ”
“ไปได้แล้ว! ” หลินหยุนกล่าวตอบ
หลังจากที่หูเต๋อลี่จากไปแล้ว ภายในห้องเหลือเพียงแค่เจี่ยงสง
หลินหยุนก็เดินไปเก็บไข่มุกหินเม็ดนั้นขึ้น
เจี่ยงสงถามอย่างสงสัยว่า“คุณท่านหลิน ไข่มุกหินเม็ดนี้ชั่วร้ายอัปมงคลขนาดนี้ ท่านทำไมจึงจะเก็บมันเอาไว้อีก? ”
หลินหยุนมองไปที่เจี่ยงสง พูดว่า“สำหรับพวกท่านแล้ว ชั่วร้ายอัปมงคลไม่มีผลดี แต่สำหรับข้าแล้วนั้นมันมีประโยชน์อย่างมาก”
หยินชี่ ก็คือหนึ่งในพลังของฟ้าดิน วิชากลืนสวรรค์ของหลินหยุนสามารถที่จะนำเอาหยินชี่ที่อยู่ภายในไข่มุกหินนี้แปรเปลี่ยนเป็นพลังทิพย์ที่ไว้ใช้ในการฝึกฝนได้
หลินหยุนมองไปที่เฉียนหัวชิง พูดว่า“ท่านอาวุโสเฉียน ไปกันเถอะ! ”
เฉียนหัวชิงรู้สึกว่าตนเองได้ฝันไป จนถึงตอนนี้เขายังไม่อยากที่จะเชื่อว่า เมื่อครู่นี้คนที่มีเปลวเพลิงในมือ แล้วเผาไหม้ปรมาจารย์หยางจนตายคือหลินหยุนคนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ตรงหน้าของเขา
จนได้ยินเสียงเรียกของหลินหยุน จึงทำให้เฉียนหัวชิงมีสติตื่นขึ้นจากความหวั่นไหว
“โอ้ว ตกลง ไปกันเถอะ! ”
เฉียนหัวชิงเหมือนกับว่าเป็นหุ่นยนต์จักรกล ตอบอย่างซื่อ ๆ
หลินหยุนเข้าใจว่าการกระทำของเขาเมื่อครู่นี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อคนธรรมดาทั่วไปเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจถึงสภาพอารมณ์ที่เป็นอยู่ของเฉียนหัวชิงในขณะนี้เป็นอย่างดี
“ท่านอาวุโสเฉียนไม่ต้องไปใส่ใจ โลกใบนี้ไม่ง่ายดายเหมือนกับที่พวกท่านได้พบเห็นกันหรอก! ” น้ำเสียงของหลินหยุนเลื่อนลอยว่างเปล่า เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้คนเชื่อถือ
เฉียนหัวชิงตะลึงอยู่แวบหนึ่ง แววตาก็กลับมาสดใสเช่นเดิม ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรออก
“คุณท่านหลินพูดถูกต้อง การที่มนุษย์เข้าใจโลกนี้นั้น มันก็เพียงแค่เศษส่วนเล็กน้อย แล้วข้าจะไปดื้อรั้นเพื่อที่จะสืบสาวราวเรื่องไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อมันยังคงมีอยู่ ก็ย่อมมีเหตุผลในตัวของมันอย่างแน่นอน”
หลินหยุนพูดว่า“ท่านอาวุโสเฉียนคิดได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี”
เฉียนชิงหัวหันตัวกลับไปคารวะเจี่ยงสง“ท่านเจี่ยง ข้าขอตัวลาไปก่อนแล้ว! ”
เจี่ยงสงคารวะกลับ“งั้นข้าก็ไม่ส่งแล้วนะ”
“หยุดส่งเพียงแค่นี้”
เฉียนหัวชิงจากไปพร้อมกับหลินหยุน เหลือเพียงแค่เจี่ยงสงผู้เดียว
มองภาพการเดินจากไปของหลินหยุนพวกเขาทั้งสอง เจี่ยงสงแววตาซึมไม่มีชีวิตชีวา ในสมองยังคงคิดถึงภาพเมื่อครู่ที่หลินหยุนถือเปลวเพลิงไฟในมือ
“มิน่าล่ะที่ควีนจินจะปฏิบัติต่อเขาอย่างมีมารยาทมีความเคารพอย่างที่สุด ที่จริงเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่หมอเทพเท่านั้น ยังเป็นผู้ที่มีพลังและวิชาความสามารถอันสูงส่งอย่างแท้จริง! ”
“สายตาของควีน ไม่ธรรมดาจริง ๆ! ”