บทที่ 91 เกทับ
จางเหยียนกวาดสายตามองไป ในค่ายฉินโจว นอกจากฉินเสว่หมิงผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งฉินโจว ส่วนคนที่มีอายุอีกสามคนนั้นเขาไม่รู้จักใครเลย
“จงเฟยหยู่ คุณรู้ว่าสามคนนั้นคือใครไหม?” จางเหยียนถามด้วยความแปลกใจ
ใบหน้าสวยงามที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสจงเฟยหยู่ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึม
น้ำเสียงของเธอก็จริงจังขึ้นมาทันที “คนแก่คนนั้นที่กระเป๋าเสื้อแนบปากกาหมึกซึมคนนั้น คือหยูหมิงวั่ง”
“คนแก่ที่ใส่แว่นตากรอบทองคนนั้น คือเจี่ยงฉางยิง”
“คนแก่ที่ถือหนังสืออยู่ ชื่อโหวเสวเหวิน”
“หยูหมิงวั่ง เจี่ยงฉางยิง โหวเสวเหวิน! พวกเขาเป็นใครกัน? ทำไมฉันถึงได้เคยได้ยินชื่อพวกคนเหล่านี้เลย!” จางเหยียนรู้สึกงุนงง ผู้เชี่ยวชาญที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของฉินโจว เขาก็คุ้นหูทั้งหมด แต่สามคนนี้กลับไม่เคยได้ยินชื่อแม้แต่คนเดียว
จงเฟยหยู่สีหน้าเคร่งขรึมพร้อมพูดว่า “คุณไม่ได้เคยได้ยินชื่อพวกเขาแน่นอน เพราะว่าสิบปีก่อนพวกเขาก็กลับไปทำงานเบื้องหลังแล้ว”
จางเหยียนถามด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมถึงกลับไปทำงานเบื้องหลัง? หรือว่าเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับการรักษาเหรอ?”
จงเฟยหยู่มองเขาด้วยความไม่แยแส “ถ้าเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับการรักษาจริงๆ คุณคิดว่าวันนี้พวกเขาจะได้มาเป็นตัวแทนของฉินโจวเหรอ?”
“สาเหตุที่พวกเขาไปทำงานเบื้องหลัง ก็เพราะว่าพวกเขาได้รับรางวัลเกียรติยศตลอดชีวิตของสมาคมการแพทย์ประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็จะทำการบ่มเพาะคนที่มีความสามารถให้กับวงการแพทย์ฉินโจว!”
“รางวัลเกียรติยศตลอดชีวิตของสมาคมการแพทย์ประเทศจีน!” จางเหยียนอุทานด้วยความตกใจ “นั่นคือรางวัลสูงสุดของวงการแพทย์ของฉินโจวเชียวนะ!”
ไม่นาน จางเหยียนก็ฝืนยิ้มขึ้นมา พอได้ยินคุณพูดแบบนี้ กองทัพระดับนักเรียนพวกนั้นของฉินโจว เทียบอะไรไม่ได้เลย!”
จางเหยียนมองไปที่หลินหยุนทันที แอบยิ้มเยาะอยู่ในใจ “ฉินโจวเอาระดับอาจารย์ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดของสมาคมการแพทย์ประเทศจีน หลินหยุน ฉันจะรอดูสิว่าแกจะรับรองว่าตัวเองจะชนะได้ยังไง?”
เท่าที่จางเหยียนมอง หลินหยุนจะต้องแพ้อย่างไม่เป็นที่น่าสงสัยแน่นอน
แม้แต่จงเฟยหยู่ก็มองหลินหยุนด้วยสายตาเยาะเย้ย เมื่อต้องเจอกับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดของสมาคมการแพทย์ประเทศจีน หลินหยุนจะชนะได้อย่างไร?
เพียงแต่ว่า จงเฟยหยู่ยังคงรู้สึกไม่เข้าใจเท่าใดนัก งานแลกเปลี่ยนระดับนี้ ปกติฉินโจวมักจะนำคนที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าใดออกงาน
ครั้งนี้กลับเปลี่ยนจากระดับนักเรียนเป็นระดับอาจารย์ที่ปรึกษา ต่างก็เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญระดับต้นกันเลย
การทำเช่นนี้ทำให้เป้าหมายของการจัดงานแลกเปลี่ยนผิดไปจากเดิม ฉินโจวอยากจะแสดงอำนาจต่อมณฑลหลิงหนานทั้งสิบแปดเมืองหรือ?
แต่ว่า นี่เป็นเพียงแค่การเดาของจงเฟยหยู่เท่านั้น เธอเองก็ไม่รู้ว่าสมาคมการแพทย์ของฉินโจวพวกนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
ฉินเสว่หมิงผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งฉินโจว ผายมือให้กับซูชิงเหยียน พร้อมพูดเสียงดังว่า “ท่านผู้อำนวยการซู พวกคุณเตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”
ซูชิงเหยียนมองฉินเสว่หมิงที่ตอนนี้กำลังใจจดใจจ่อรอ ในใจเกลียดจนเข้ากระดูกดำ
“ท่านโม่ เสิ่นจงซูมาถึงหรือยัง? ถ้าต้องรอต่อไป มีแต่จะทำให้ไอ้แก่ฉินเสว่หมิงนั่นหัวเราะเยาะพวกเราเอานะ!”
โม่หัวถิงขมวดคิ้ว จนถึงเวลานี้แล้ว เสิ่นจงซูทำไมถึงยังไม่ถึงเสียที?
“ผมจะโทรหาเขาเอง” ศาสตราจารย์โม่ควักมือถือออกมาเพื่อนโทรหาเสิ่นจงซูทันที
ครู่เดียวปลายสายกับรับสาย จากนั้นสีหน้าของศาสตราจารย์โม่ก็ผิดไปจากปกติทันที
หลังจากวางสายศาสตราจารย์โม่ก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดขึ้นว่า “เสิ่นจงซูเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง บริเวณศีรษะได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เราต้องหาคนมาแทนเขาแล้วล่ะ”
“อะไรนะ! ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเวลาแบบนี้!” ซูชิงเหยียนพูดขึ้นเสียงดัง
เกิดอุบัติเหตุในเวลาแบบนี้ ยากนักที่จะไม่ทำให้ผู้อื่นเกิดความสงสัยขึ้น
จงเฟยหยู่ยิ้มเยาะ “อุบัติเหตุ? เหอะ ฉันว่าเขาคงได้ยินว่าฉินโจวส่งหลี่ซูกับเหยียนโล่ตันมา ถึงได้ตกใจจนไม่กล้ามาล่ะมั้ง!”
เพื่อนคนอื่นๆ ต่างก็เริ่มพากันถกเถียงกันขึ้น พวกเขาต่างก็คิดว่าเสิ่นจงซูกลัวหลี่ซูกับเหยียนโล่ตันถึงได้ถอยทัพกลับกะทันหันแบบนี้
เพราะในเมื่อ ปีที่แล้วหลิงหนานจัดงานการแข่งขันความชำนาญในการรักษาระดับเยาวชนขึ้น เสิ่นจงซูแพ้เหยียนโล่ตันอย่างย่อยยับ จนหน้าแตกไปตามๆ กัน
คาดว่าตอนนี้คงยังรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่
ศาสตราจารย์โม่ถอนหายใจยาว แล้วพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ หาคนมาแทนเสิ่นจงซูแล้วกัน!”
ซูชิงเหยียนเองก็ถอนหายใจลึก “คงต้องเป็นแบบนั้น เหมยฉางหลินคุณมาแทนเสิ่นจงซูแล้วกัน!”
ชายหนุ่มที่ผมทรงแสกกลางคนนั้น ตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ครับ!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลี่ซูกับเหยียนโล่ตัน แม้แต่เสิ่นจงซูก็กลัวจนถอนตัวออกไปก่อน ก็อย่าพูดถึงนักเรียนอื่นๆ เลย
ใครอยู่ดีๆ จะอยากไปหาเรื่องให้ตัวเอง!
แต่ว่า เมื่อถูกผู้อำนวยการซูเรียกชื่อ เหมยฉางหลินก็ทำได้แค่บ่นในใจถึงความซวยของตัวเองก็เท่านั้น!
ซูชิงเหยียนตะโกนไปพูดกับฉินเสว่หมิงว่า “ผู้อำนวยการฉิน พวกเราพร้อมแล้วครับ”
ฉินเสว่หมิงพูดขึ้นว่า “ถ้างั้นก็เริ่มกันเลย กำจัดพวกนายได้ พวกเราก็รอไปที่เมืองชิ่งโจวกัน!”
“ข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้ว!” ศาสตราจารย์โม่โมโหจนตัวสั่น ท่าทีคนของฉินโจวจะจองหองเกินไปแล้ว
ศาสตราจารย์โม่มองไปที่จงเฟยหยู่และจางเหยียน รวมถึงเหมยฉางหลิน พร้อมพูดเสียงดังว่า “พวกเธอสามคนตั้งใจทำให้ดี อย่าให้คนของฉินโจวมาดูถูกเรา!”
พวกจางเหยียนต่างก็พากันคิดหนักอยู่ในใจ ชื่อเสียงของหลี่ซูและเหยียนโล่ตันต่างก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไป พวกเขาไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้เลย เพียงแต่หวังว่าจะไปไม่แพ้จนเสียหน้าเกินไปก็เท่านั้น
พอได้ยินประโยคเมื่อครู่ของศาสตราจารย์โม่ ต่างก็พากันตอบเสียงแผ่ว “ครับ!”
กติกาการแข่งขันระดับนักเรียน คือกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายส่งนักเรียนมาหนึ่งคน เพื่อตอบคำถามตามหัวข้อที่กำหนด
แน่นอนว่าหัวข้อเหล่านี้นั้น ไม่ใช่เนื้อหาที่มาจากหนังสือทั้งหมด มีหลายคำถามที่ดัดแปลงมาจากเคสจริงของผู้ป่วย สิ่งที่ทดสอบคือความรู้พื้นฐานและความสามารถในการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยกะทันหัน
เพราะไม่ว่าอย่างไร นักเรียนเหล่านี้ต่างก็ต้องออกไปใช้วิชาการแพทย์ของตนเองเพื่อนช่วยผู้คน ถ้าหากทำได้แค่อ่านหนังสือ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่สามารถเป็นแพทย์ที่ผ่านมาตรฐานได้
สนามแรก จงเฟยหยู่กับเหยียนโล่ตัน
ในบรรดานักเรียนของหลินโจว จงเฟยหยู่คือผู้ที่มีความสามารถเก่งที่สุด ฉินโจวแน่นอนว่าต้องเป็นเหยียนโล่ตัน
การแข่งขันสนามนี้ก็คือการต่อสู้ระหว่างนักเรียนที่เก่งที่สุดของทั้งสองฝั่ง
จางเหยียนและเหมยฉางหลินก็แอบเป็นห่วงจงเฟยหยู่ ถึงแม้ว่าจงเฟยหยู่ถือว่าเป็นอัจฉริยะแถวหน้าของมหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจว แต่ฝั่งตรงข้ามคือผู้ที่เป็นยิ่งกว่าอัจฉริยะกว่าเขา ซึ่งก็คือเหยียนโล่ตัน ความสามารถมากกว่าจงเฟยหยู่หลายเท่า
จางเหยียนกับเพื่อนและศาสตราจารย์โม่พร้อมกับคนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้หวังว่าจงเฟยหยู่จะต้องชนะ แต่ขอเพียงอย่าแพ้จนน่าเกลียดเกินไปก็พอ
แต่ว่า ผลที่ได้กลับทำให้พวกเขาผิดหวังมาก
หัวข้อในครั้งนี้ยากกว่างานแลกเปลี่ยนครั้งที่ผ่านๆ มา ตามระดับความสามารถของจงเฟยหยู่ ในจำนวน 10 ข้อนั้น ก็สามารถตอบถูกเพียงสองข้อเท่านั้น
ถ้าหากว่าข้อละ 10 คะแนน จงเฟยหยู่ก็ได้เพียง 20 คะแนนจากการแข่งขันครั้งนี้
ความสามารถของเหยียนโล่ตันมีมากกว่าจงเฟยหยู่อย่างเห็นได้ชัด ในจำนวน 10 ข้อนั้น สามารถตอบได้ถูกถึง 7 ข้อทีเดียว ซึ่งออกนำจงเฟยหยู่ไปหลายโยด
พอได้ยินหัวข้อเหล่านั้น พวกจางเหยียนต่างก็พากันบ่น
“นี่ นี่มันยากเกินไปแล้ว! จงเฟยหยู่ยังตอบได้แค่สองข้อ ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันขึ้นไปแข่ง แค่ข้อเดียวก็ตอบไม่ได้!”
แม้แต่โจวชิงเหอก็ขมวดคิ้วพร้อมบ่นว่า “ท่านผู้อำนวยการซู หัวข้อครั้งนี้ใครเป็นคนออกหรือ? ข้อเหล่านี้แม้แต่ผมเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถตอบถูกมากกว่าครึ่ง ให้นักเรียนเหล่านี้ตอบ มันยากเกินไปหรือเปล่า!”
ซูชิงเหอตอบด้วยความจนปัญญา “หัวข้อเหล่านี้คือหัวข้อที่ทั้งสองฝ่ายพากันปรึกษากันก่อนแล้วล่วงหน้า สำหรับพวกเราถือว่ายาก สำหรับนักเรียนของฉินโจวก็ถือว่ายาก”
“เฮ้อ แต่ว่าพอมาแข่งขันกันแบบนี้ ความแตกต่างก็ออกมาชัดเจนแล้ว! หัวข้อเดียวกัน สภาพแวดล้อมที่มีความยุติธรรมมาก แม้แต่จงเฟยหยู่ก็ตอบถูกเพียงสองข้อ แต่เหยียนโล่ตันกลับตอบได้ถึง 7 ข้อ!”
“นักเรียนหลินโจวของเรา เมื่อเทียบกับนักเรียนของฉินโจว เทียบกันไม่ติดเลย!”
สีหน้าของโม่หัวถิงดูไม่ได้เลย “หัวข้อคะแนน 100 คะแนน ได้ 20 คะแนน เสียหน้าจริงๆ! ดูไอ้แก่ฉินเสว่หมิงนั่นสิ มันดูท่าทางกระดี๊กระด๊าดีใจขนาดนั้น น่าโมโหจริงๆ เลย!”