จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 87 การเสวนาวิชาทางการแพทย์

บทที่ 87 การเสวนาวิชาทางการแพทย์

บทที่ 87 การเสวนาวิชาทางการแพทย์

เส้เทียนหัวลุกยืนขึ้นอย่างกร้าวแกร่ง ตะโกนด้วยท่าทางตื่นเต้น“ยอดเยี่ยม! ”

ฉินอู๋ชีมือกุมที่หน้าอก ลุกยืนขึ้นจากพื้น แล้วมองอย่างตะลึงไปที่ซูจื่อเหลียง

“นายมีพลังยุทธ์เพียงแค่ระดับแดนพรสวรรค์เท่านั้น แต่ทำไมถึงแข็งแกร่งกว่าขั้นพรสวรรค์สูงสุดเสียอีก? ”

ซูจื่อเหลียงมองไปที่เขา ยิ้มด้วยท่าทางเหยียดหยามแล้วพูดว่า“นายมีหูตาคับแคบเป็นแค่กบในกะลา ความสามารถของอาจารย์ของข้านั้น นายไม่มีทางที่จะจินตนาการออกได้อย่างแน่นอน! ”

วิทยายุทธ์ของซูจื่อเหลียงนั้นหลินหยุนได้ดัดแปลงมาจากวิชาการบำเพ็ญเซียน จะแข็งแกร่งมาก กว่าวิชาของโลกบู๊เป็นร้อยเท่า ดังนั้นระดับขั้นพรสวรรค์ชั้นสูงของซูจื่อเหลียง เกือบจะเทียบเท่ากับขั้นพรสวรรค์สูงสุดของโลกบู๊

หลินหยุนพูดกับซูจื่อเหลียงว่า“กลับเข้ามาได้แล้ว! ”

“ตกลง! ” ซูจื่อเหลียงกลับตัวอย่างเคารพ ไปยืนอยู่ด้านข้างของหลินหยุน

หลินหยุนค่อย ๆ ยืนขึ้น มองไปที่เส้เทียนหัว พูดว่า“อย่าลืมนะกับข้อตกลงค่าตอบแทนของข้า”

เส้เทียนหัวพูดอย่างเคารพทันทีว่า“ปรมาจารย์หลินวางไว้ได้ ที่ตกลงไว้เรื่องค่าตอบแทนของท่านข้าไม่กล้าลืมอย่างแน่นอน! ”

ล้อเล่นกันไปได้ ซูจื่อเหลียงเก่งกาจขนาดนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นผู้ที่เป็นอาจารย์ของซูจื่อเหลียง พลังยุทธ์ของหลินหยุนคงจะแข็งแกร่งกว่าซูจื่อเหลียงอย่างแน่นอน!

ผู้ที่เก่งกาจขนาดนี้เส้เทียนหัวกล้าที่จะล่วงเกินได้อย่างไร? แม้แต่การเรียกขานหลินหยุนนั้นเส้เทียนหัวเอง ก็เปลี่ยนจากคุณท่านหลินเป็นปรมาจารย์หลินแล้ว

หลินหยุนมองไปที่ซูจื่อเหลียง พูดว่า“ไปกันเถอะ! ”

“ตกลง! ” ตอนนี้ซูจื่อเหลียงเลื่อมใสเคารพหลินหยุนอย่างมากที่สุด หลินหยุนพูดอะไร เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธแม้แต่น้อย

หลินหยุนลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินจากไป หลิ่วเฉิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างที่หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก รีบเดินเข้ามาหา โค้งคำนับอย่างเคารพให้กับหลินหยุน“ผู้อาวุโส ตอนแรกผู้น้อยมีตาหามีแววไม่ ได้ล่วงเกินท่านผู้อาวุโส หวังว่าผู้อาวุโสจะอภัยยกโทษให้! ”

หลินหยุนกวาดสายตามองไปที่เขา พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาว่า“ข้าไม่เคยสนใจในตัวท่านเลย จะยกโทษให้อภัยกันในเรื่องใด? ”

“ไปกันเถอะ! ”

หลินหยุนพูดจบ ก็พาซูจื่อเหลียงเดินจากไป

ขณะที่ซูจื่อเหลียงเดินผ่านด้านข้างหลิ่วเฉิงเฟิง ก็ยิ้มเย้ยหยันให้กับหลิ่วเฉิงเฟิง

หลิ่วเฉิงเฟิงมองภาพการเดินจากไปของหลินหยุนอย่างุนงง มีรอยยิ้มอันขมขื่นอยู่บนใบหน้า

“เขาพูดถึงนักบู๊พรสวรรค์ ต้องการเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อนั้น”

“ข้าหัวเราะเยาะเขาว่าโง่เขลาเบาปัญญา”

“ที่จริงแล้ว ตัวข้าเองที่โง่เขลาเป็นที่สุด ด้านหน้าของตนนั้นอาจจะผู้มีชื่อเสียงเป็นถึงปรมาจารย์ขั้นสูงสุด แต่คิดไม่ถึงว่าตนเองจะมองแยกแยะไม่ออก กลับยังไปหัวเราะเยาะเย้ยเขาอีกด้วย! ”

“ลูกศิษย์ของเขาพูดได้อย่างไม่มีผิดว่า ข้าคือกบในกะลาเสียจริง! ”

เมื่อคิดถึงตอนที่เยาะเย้ยว่าหลินหยุนเป็นเพียงแค่คนธรรมดา หลิ่วเฉิงเฟิงก็รู้สึกว่าใบหน้าตนเองด้านชาแสบร้อนไปหมด อยากจะหาที่มุดหัวเข้าไปหลบซ่อนตัว

เมื่อครู่เขาทำเป็นโอ้อวดต่อหน้าหลินหยุน หลินหยุนกลับเงียบไม่เอ่ยปากพูดอะไร เขาคิดว่าหลินหยุนหวาดกลัวเข้าให้แล้ว แต่แท้ที่จริงหลินหยุนกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรในตัวเขาเลยด้วยซ้ำ

เขาเปรียบได้กับตัวตลก ที่อยู่ต่อหน้าผู้ที่ยิ่งใหญ่ คุยโม้โอ้อวด ยกตนข่มท่าน!

“ข้ากลายเป็นตัวตลกที่น่าขันที่สุดจริง ๆ !” หลิ่วเฉิงเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น สีหน้าเศร้าซึม ค่อย ๆ เดินจากไปจากศาลา

“ปรมาจารย์หลิ่ว……” เดิมทีเส้เทียนหัวต้องการที่จะปลอบใจหลิ่วเฉิงเฟิงบ้างเล็กน้อย แต่ว่าเมื่อเห็นหลินหยุนกับซูจื่อเหลียงนั่งเรือจากไปแล้ว จึงรีบตะโกนไปว่า“ปรมาจารย์หลินรอก่อน ข้าจะสั่งให้คนไปส่งท่าน! ”

บุคคลอย่างหลินหยุนนี้ เส้เทียนหัวตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ปล่อยให้พลาดการสานสัมพันธ์ไปได้อย่างเด็ดขาด

ผู้มีอิทธิพลอำนาจประจำเมืองแล้วยังไง? นักบู๊แห่งตระกูลฉินคนไหนก็ตามเขาก็สามารถจัดการให้พ่ายแพ้ยับเยินกลับไปหมด ผู้ที่เก่งกาจอย่างหลินหยุนนี้คือบุคคลผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!

ถ้าหากเขาต้องการเงินทองและอำนาจ เพียงแค่เขาต้องการมัน ก็สามารถมีครอบครองได้มากกว่าตนเองทุกเมื่อ!

คนตระกูลฉินเข้าไปประคองฉินอู๋ชี ฉินอู๋ชีมองไปที่หลินหยุนที่ยืนอยู่โดดเดี่ยวบริเวณหัวเรือ เอามือสองข้างไขว่หลัง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“คนผู้นี้เกรงว่าพลังยุทธ์ของเขาจะถึงขั้นสูงสุดแล้ว ตระกูลฉินของพวกเรานอกจากเจ้าบ้านแล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้! ”

“รีบกลับไปรายงานให้กับเจ้าบ้านทราบให้เร็วที่สุด! ”

เส้เทียนหัวได้เรียกรถให้ไปรับหลินหยุนกับซูจื่อเหลียงพาส่งกลับมาที่หลินโจว

หลินหยุนกำชับซูจื่อเหลียง“ประสิทธิภาพของยาปฐมภูมินายยังไม่ได้ดูดซึมอย่างสมบูรณ์ดี และตอนนี้ก็ผ่านการต่อสู้จริงมาแล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกฝนของนาย นายรีบกลับไป ฝึกฝนบำเพ็ญอีกสามวัน”

“ลูกศิษย์รับทราบ! ” ตอนนี้ซูจื่อเหลียงเชื่อฟังเป็นอย่างมาก พลังยุทธ์ที่หลินหยุนได้แสดงออกมานั้น เขาทำได้เพียงเลื่อมใสศรัทธา

สั่งให้ซูจื่อเหลียงกลับไปฝึกฝนต่อแล้ว หลินหยุนเองก็มาที่คฤหาสน์ตึกว่างเยว่ฝึกฝนบำเพ็ญต่อ

หลินหยุนใกล้ที่จะบรรลุถึงระยะปฐมภูมิตอนกลางแล้ว กี่วันมานี้ขาดไปเพียงแค่โอกาส ซึ่งเมื่อฝึกฝนถึงระยะปฐมภูมิตอนกลางแล้ว หลินหยุนสามารถแสดงพลังกระบวนท่าได้มากยิ่งขึ้นไปอีก

ในโลกที่เพียบพร้อมไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์มากมาย ต้นทุนของการรักษาชีวิตก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกด้วย

โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงพ่อและแม่บังเกิดเกล้าของตน ศัตรูของพวกเขา ล้วนแต่เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ผู้นั้นแห่งเมืองหลวง ยังสามารถที่จะสั่งการเคลื่อนทัพกองกำลังทหารได้

แม้ว่าตอนนี้หลินหยุนจะไม่เกรงกลัวลูกกระสุนปืน แต่สำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ร้ายแรง เช่น ระเบิด ขีปนาวุธแล้วไปถึงนิวเคลียร์ พลังยุทธ์ของเขายังไม่สามารถรับมือต่อกรกับสิ่งเหล่านี้ได้

ตามวงโคจรของชาติที่แล้ว สามปีหลังจากนี้ พ่อแม่บังเกิดเกล้าของหลินหยุนจะตามหาพบเจอหลินหยุน เวลานั้น หลินหยุนจะแทรกตัวเองขึ้นไปสู่สังคมระดับสูงของชาวจีน แต่มันก็คือช่วงวันเวลาที่มืดมนที่สุดในชาติที่แล้วของหลินหยุน

จากที่เป็นลูกเขยที่ไปอาศัยอยู่กับครอบครัวฝ่ายหญิง ก็เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเศรษฐีรุ่นที่สอง ซึ่งในกลุ่มผู้ที่เป็นเศรษฐีรุ่นที่สอง แน่นอนว่ามีหลายคนที่ดูถูกมองข้ามในตัวเขา

หลินหยุนในชาติที่แล้วถูกคนดูหมิ่นเหยียดหยาม เพื่อไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับคนในครอบครัว ทำได้เพียงแค่อดทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำ

แต่ในครั้งนี้……

หลินหยุนมีสีหน้าท่าทางที่ไม่สะทกสะท้าน ไม่ทุกข์ใจไม่สุขใจ“ตระกูลส้ง ตระกูลหวาง พวกท่านคงคิดไม่ถึงแน่นอนว่า ฉันจะกลับมาด้วยวิธีการเช่นนี้! ”

ในคืนวันนั้น ที่ฉินโจว ตระกูลครอบครัวขุนนางอันดับหนึ่ง ตระกูลฉิน

ลานใหญ่ของบ้านตระกูลฉินแสงไฟสว่างไสว ภายในห้องโถง ผู้รับผิดชอบกิจการงานในด้านต่าง ๆ ของตระกูลฉินต่างกลับมากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ปัจจุบันเจ้าบ้านของตระกูลฉินคือฉินหนันเทียน ซึ่งมองไปยังฉินอู๋ชีที่คุกเข่าอยู่กลางห้องโถง ด้านข้างยังมีฉินอู๋ซวงที่นั่งอยู่บนรถเข็น สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม

“ปรมาจารย์หลินตัวดี! เส้เทียนหัวตัวดี! ”

“ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าพวกเราตระกูลฉินเก็บตัวอยู่นานเกินไปแล้วใช่ไหม คาดไม่ถึงว่าใครหน้าไหนก็กล้าข่มเหงดูหมิ่นตระกูลฉินกันไปหมดแล้ว! ”

ฉินหนันเทียนมองไปที่ลูกน้องที่เป็นชายวัยกลางคน ถามขึ้นว่า“ฉินซาน เรื่องที่สั่งให้นายไปตรวจสอบนั้นได้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วหรือยัง? ”

ฉินซานขานรับ คารวะและพูดว่า“เจ้าบ้าน ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ปรมาจารย์หลินผู้นั้นที่มาจากหลินโจว ที่จริงเป็นเด็กกำพร้า ตอนนี้เป็นลูกเขยของตระกูลเซี่ย! ”

“อย่างนี้ก็ดี นายไปหลินโจวจับกุมคนของตระกูลเซี่ยเอาไว้ให้หมด ไปจัดการตามที่ข้าสั่ง! ”

“รับทราบ! ” ฉินซานรีบนำกำลังคนแล้วออกเดินทางไปในทันที

ฉินหนันเทียนพูดอีกว่า“น้องรอง น้องสาม พวกนายพากำลังคนไป เข้าบุกโจมตีชิงหยางและหลอซาน! ” และที่พวกเขานัดหมายเอาไว้ที่บ่อนพนันก็ไปเข้าร่วมด้วยใช่หรือไม่!

ฉินอู๋ซวงที่อยู่บนรถเข็นพูดด้วยท่าทีอันดุดันว่า“ใช่ ฟางเยว่ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งชิงหยาง ฉีหมิงว่างผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลอซานก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน! ”

แววตาของฉินหนันเทียนแสดงท่าทีดุร้ายขึ้นแวบหนึ่ง“ในเมื่อพวกเขาก็เข้าร่วมด้วย ถ้าอย่างนั้นก็นับรวมว่าเป็นผู้ช่วยก่อความวุ่นวายของเส้เทียนหัว อำนาจบารมีของพวกเขานั้นต่อไปข้าจะเป็นคนควบคุมดูแลเอง! ”

ฉินอู๋ซวงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่อาฆาตว่า“ท่านพ่อ ยังมีเส้เทียนหัวแห่งเมืองเว่ยเหอด้วย? ”

ฉินหนันเทียนสีหน้าเคร่งเครียด“วางใจเถอะ ข้าจะไปจัดการเขาด้วยตัวข้าเอง! ”

……

……

วันรุ่งขึ้น ที่คฤหาสน์ตึกว่างเยว่หลินหยุนก็ยุติการฝึกฝนบำเพ็ญเป็นที่เรียบร้อย

ที่จริงหลินหยุนสามารถที่จะบังคับตนเองให้ฝึกฝนทะลุขึ้นสู่ระยะปฐมภูมิตอนกลางได้ แต่เพื่อต้องการที่จะทะลุขั้นให้สมบูรณ์ถึงขีดสุด หลินหยุนจึงอดกลั้นเอาไว้

การฝึกฝนวิชาทะลุในแต่ระดับขั้นนั้น เมื่อเงื่อนไขทุกอย่างพร้อมสรรพจะเป็นการบรรลุระดับขั้นวิชาที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่เมื่อบังคับให้ทะลุขั้น จะส่งผลร้ายต่อการฝึกฝนระดับขั้นต่อไปในภายหน้า

เมื่อชำระล้างทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว หลินหยุนได้รับโทรศัพท์จากโจวชิงเหอ

โจวชิงเหอคือผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชน เขาโทรศัพท์มา แน่นอนว่าคงจะต้องการเชิญให้หลินหยุนออกหน้าช่วยรักษาอาการผู้ป่วย

ในชาติที่แล้วโจวชิงเหอมีบุญคุณต่อหลินหยุน หลินหยุนจึงคิดว่ามันคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาติดต่อมาหาในชาตินี้

“ผู้อำนวยการโจว มีธุระอะไรเหรอ? ” หลินหยุนสอบถาม

โจวชิงเหอพูดด้วยรอยยิ้มว่า“หมอเทพหลิน มีเรื่องหนึ่งที่ต้องการจะให้คุณช่วยเหลือ! ”

“เชิญผู้อำนวยการโจวพูดมาเลย” หลินหยุนกล่าว

“คือว่า ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน? คนของสมาคมแพทย์ที่ฉินโจว ต้องการที่จะมาจัดการเสวนาวิชาทางการแพทย์ที่หลินโจวของเราสักครั้ง”

“สมาคมแพทย์หลินโจวของพวกเราจะให้ฉันออกหน้าเป็นผู้เข้าร่วม ฉันเป็นกังวลเล็กน้อย เกรงว่าจะทำให้วงการแพทย์หลินโจวของพวกเราเสียหน้า ดังนั้นจึงประสงค์จะเชิญท่านออกรับหน้า เป็นตัวแทนของฉันในการเข้าร่วมการเสวนาในครั้งนี้! ”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท