จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – บทที่ 101 พลังที่แท้จริงของฉินหนันเทียน

บทที่ 101 พลังที่แท้จริงของฉินหนันเทียน

บทที่ 101 พลังที่แท้จริงของฉินหนันเทียน

ฉินหนันเทียนตกตะลึงอึ้งค้างไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแหงนหน้าขึ้นฟ้า หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “นี่แกถึงกับคิดจะฆ่าฉัน ต่อหน้าคนตระกูลฉินจำนวนมากมายอย่างนี้น่ะเรอะ!?”

หลินหยุนตอบกลับด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า“ ไม่ได้จะฆ่าแก จะฆ่าล้างตระกูลฉินของแกต่างหาก!”

“นับตั้งแต่ที่แกคิดจะแตะต้องคนในตระกูลของฉัน ตระกูลฉินก็เตรียมตัวถึงคราวพินาศย่อยยับได้เลย”

รอยยิ้มเยาะเย้ยเงยหน้าขึ้นฟ้าของฉินหนันเทียน พลันหายวับไปในทันที “แกรู้แล้วอย่างนั้นเรอะ ? แกพูดอย่างนี้ก็หมายความว่าพวกฉินซานก็ … ”

“ถูกต้อง” หลินหยุนตอบกลับทันที

ฉินหนันเทียนพูดด้วยท่าทางโกรธแค้นเดือดดาลว่า “ไอ้เด็กเหลือขอ! หนี้เลือดที่แกติดค้างตระกูลฉินของเรา ชั้นจะคิดมันทบเข้าไปเป็นเท่าตัว!”

หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นี่เป็นเพราะแกรนหาที่เองต่างหากล่ะ”

ฉินหนันเทียนแผดเสียงตะโกนร้องดังกึกก้อง “ไอ้เด็กเหลือขอ! วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”

จู่ๆ ท่านสามตระกูลฉินก็ลุกขึ้นอย่างกะทันหัน พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดคล้ำทะมึนว่า “ท่านเจ้าบ้าน ไอ้เด็กนี่มันเย่อหยิ่งอวดดีเป็นบ้า ให้ผมได้เจอกับมันสักตั้งเถอะครับ”

“ได้! น้องสามระวังตัวด้วยล่ะ!” ฉินหนันเทียนพูดเตือนสติ

“โอ้!” ท่านสามตระกูลฉินพยักหน้ารับคำ

ท่านสามตระกูลฉินหันไปมองหลินหยุน ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงใด ๆ ก็เหวี่ยงหมัดต่อยออกไปตรงๆทั้งอย่างนั้น

“ไอ้เด็กเหลือขอ! คนที่กล้าขู่ว่าจะทำลายตระกูลฉินเราให้พินาศ ในร้อยปีก็เพิ่งจะมีแกนี่ล่ะเป็นคนแรก!”

“ วันนี้ ฉันจะป่นกระดูกของแกให้ละเอียดเป็นผุยผง!”

“หมัดเปิดภูผา!”

ท่านสามตระกูลฉิน ก็เป็นผู้มีพลังโดยกำเนิดเช่นกัน เพียงแต่อยู่ในระดับใกล้เคียงกำเนิดพรสวรรค์ไร้ขอบเขตสูงสุด หมัดที่เหวี่ยงออกไปหมัดนั้น ก่อให้เกิดกระแสลมสายหนึ่งพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง

คนตระกูลฉินต่างรู้สึกตื่นเต้นยินดี “พลังของท่านสามพัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว ถ้าการต่อสู้ครั้งนี้จบลง เขาคงจะสามารถบรรลุถึงขั้นพรสวรรค์สูงสุดได้อย่างแน่นอน!”

ฉินหนันเทียนพยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าสามไม่เลวเลยจริงๆ รอให้ฉันก้าวเข้าสู่ขั้นสูงสุดได้แล้ว ก็อาจพิจารณาเรื่องการส่งต่อตำแหน่งเจ้าบ้านให้เขาก็เป็นได้!”

แต่ทว่า หมัดอันทรงพลังของท่านสามตระกูลฉินหมัดนั้น เพิ่งจะมาถึงตรงหน้าของหลินหยุน ก็มีอันโดนหลินหยุนใช้มือเดียวซัดจนลอยละลิ่ว ปลิวกระเด็นออกไปเช่นเดียวกับพวกฉินอันก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว

ร่างของท่านสามตระกูลฉิน กระเด็นไปชนเข้ากับเสาพลับพลาตรง ๆ จึงค่อยหยุดลงได้ในที่สุด

เขากระอักเลือดออกมาจนกบปาก ฝืนยกมือขึ้นชี้ไปที่หลินหยุน หัวเอียงวูบ แล้วขาดใจตายลงตรงนั้นทันที!

“ น้องสาม!” เสียงกู่ร้องคำรามของฉินหนันเทียน ดังสะท้อนไปมาสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ทันใดนั้นฉินหนันเทียนก็หันหลังขวับ จ้องมองไปที่หลินหยุนตาเขม็ง “หลินชางฉอง ฉันจะฉีกร่างแกให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!”

หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ ประโยคนี้แกพูดไปสองรอบแล้วล่ะ ฉันขี้เกียจฟังรอบที่สาม”

หนังหน้าแก่ๆของฉินหนันเทียนแดงก่ำด้วยโทสะ ตะโกนสั่งเสียงหนึ่ง “เอากระบี่มา!”

ทันใดนั้น ฉินอู๋ซวงที่อยู่บนรถเข็น ก็ดึงเอากระบี่ยาวขนาดสามฉื่อออกมาจากด้านหลังของรถ แล้วโยนมันออกไป “ท่านพ่อ รับกระบี่ชิงหง!”

ฉินหนันเทียนกำกระบี่ยาวในมือแน่น ปราณพลังแผ่กระจายเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

สิ้นเสียงแผดก้องเสียงหนึ่ง ประกายแสงเย็นเยียบสายหนึ่งวาบผ่าน ฉินหนันเทียนชักกระบี่ในมือ ชี้ขึ้นฟ้าในแนวเฉียง

“ไอ้เด็กเหลือขอ กระบี่เล่มนี้สร้างขึ้นโดยมีต้นแบบจากกระบี่อันลือชื่อแห่งยุคสามก๊ก แค่ขนลอยแตะเข้าก็จะหัก วันนี้แกได้ตายภายใต้คมกระบี่เล่มนี้ นับว่าเป็นเกียรติของแกแล้ว!”

“คลื่นสามชั้นหลงเหมิง!”

ฉินหนันเทียนแผดเสียงตะโกนเสียงหนึ่ง กระบี่ยาวเล่มนั้นพลันวาดเป็นวงกลม โคจรรอบอกของเขาหนึ่งรอบ แล้วฟันเข้าใส่หลินหยุนอย่างรุนแรง

หลังจากนั้น เขาก็ทำกระบวนท่านั้นซ้ำอีกครั้ง กระบี่ยังคงเคลื่อนไหวประดุจดั่งร่ายรำอยู่ตรงหน้าอกของเขาอย่างต่อเนื่อง แล้วฟันเข้าใส่หลินหยุนอีกครั้ง

กระบวนท่าเดียวสามครั้งต่อเนื่อง แต่เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉินหนันเทียนกับหลินหยุนรักษาระยะห่างจากกันเท่าเดิมตลอด กระบี่ของเขาจึงไม่อาจทำให้หลินหยุนเกิดบาดแผลใด ๆ ได้เลยแม้แต่รอยขีดข่วน

แต่หลังจากที่ฉินหนันเทียนร่ายกระบี่เป็นครั้งที่สาม ก็เกิดแว่วเสียงบางอย่าง ซึ่งคล้ายเสียงน้ำไหลดังออกมาจากกระบี่เล่มนั้น ราวกับว่าเป็นพลังของสายน้ำอันเชี่ยวกราก จากแม่น้ำสายหนึ่ง ที่กำลังหลั่งไหลก็ไม่ปาน

ใจหลินหยุนพลันกระตุกไปเล็กน้อย “ถึงกับรู้วิธีสั่งสมพลังเสียด้วย”

ปราณพลังของฉินหนันเทียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ขณะที่จ้องมองหลินหยุน ก็ส่งยิ้มเย้ยหยันเย็นชา เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามออกไป “ไอ้เด็กเมื่อวานซืนเอ๋ย หากกระบวนท่าของฉันเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อไหร่ ก็ถึงคราวตายของแกแน่แล้ว!”

ที่ด้านหลัง ฉินอู๋ซวงก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันเย็นชา เต็มเปี่ยมไปด้วยท่าทีเยาะเย้ยเช่นกัน “ไอ้เด็กนี่หยิ่งผยองได้น่าดูน่าชมเสียจริง ถึงขั้นทำให้ท่านพ่อใช้คลื่นสามชั้นหลงเหมิงออกมาจนได้ ตอนนี้พลังสั่งสมจนสมบูรณ์แล้ว กระบี่นี้ของท่านพ่อ มีพลังเทียบเท่าได้กับระดับปรมาจารย์เลยทีเดียว! ”

กระบวนท่าคลื่นสามชั้นหลงเหมิง เป็นทักษะเฉพาะของตระกูลฉิน เมื่อสร้างคลื่นพลังได้จนเสร็จสิ้น พลังของมันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีข้อเสียคือถูกสลายได้ง่าย

เส้เทียนหัวดูหงุดหงิดไม่สบายใจอย่างยิ่ง “โธ่เอ๊ย ขอพูดหน่อยเถอะ ทำไมคุณหลินถึงได้ประมาทอย่างนี้นะ ถึงกับทำให้ฉินหนันเทียนใช้ไพ่ตายออกมาแบบนี้!”

“นี่มันจบสิ้นแน่แล้ว!”

“ ถ้าคุณหลินเกิดแพ้ขึ้นมาจริงๆ ชีวิตน้อยๆของพวกเราที่เหลือ ก็ยากจะรักษาไว้ได้แน่แล้ว!”

ฟางเยว่กับฉีหมิงต่างก็รู้สึกหดหู่มากเช่นกัน

หลินหยุนมองไปที่ฉินหนันเทียน พูดด้วยน้ำเสียงชืดชาว่า “อย่ามัวพูดพล่ามอยู่เลยน่า รีบๆให้ข้าดูซิ ว่ากระบี่นี้ของเจ้ามันจะทรงพลังสักแค่ไหน?”

หลินหยุนจงใจพูดแบบเบี่ยงประเด็นสำคัญ ด้วยท่าทีที่แสดงชัดเจนว่า ไม่เห็นฉินหนันเทียนอยู่ในสายตา ทำเอาฉินหนันเทียนเห็นแล้วถึงกับเดือดดาลสุดขีด

“ ไอ้เด็กสารเลว ตายซะเถอะ!”

“คลื่นสามชั้นหลงเหมิง!”

ฉินหนันเทียนกระโดดขึ้นไปในอากาศ ทำองศาจากบนลงล่างพุ่งกระบี่เข้าหาหลินหยุน หลังจากกระบวนท่า คลื่นสามชั้นหลงเหมิงผสานรวมเข้าด้วยกัน ก็กลายรูปร่างไปเป็นคลื่นยักษ์สามชั้นหลงเหมิง

กระบี่เล่มนั้น ทะยานเข้ามาพร้อมกับเสียงน้ำไหล รุนแรงเหมือนสายน้ำเชี่ยวกรากที่ไหลบ่าลงมา สาดซัดถาโถมเข้าใส่ หมายจะทำให้หลินหยุนจมลงไปตายลงเสียตรงนั้น

“นี่…นี่มันทรงพลังเกินไปแล้ว!” กระทั่งคนธรรมดาอย่างเส้เทียนหัว ยังสามารถรับรู้ได้ว่า ปราณกระบี่นี้ของฉินหนันเทียน แข็งแกร่งกว่าปราณกระบี่ของพวกคนตระกูลฉินเมื่อครู่นี้มากมายหลายเท่านัก

“ท่านเส้ หรือว่าคุณหลินจะแพ้แล้วจริงๆ?” ฟางเยว่ร้องถามอย่างตื่นตระหนกอกสั่นขวัญแขวน

ฉีหมิงมองดูพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แม้ว่าคุณหลินจะมีพลังมากมายจนน่าตกตะลึง แต่เขาก็นับว่ายังเด็ก ฉินหนันเทียนแข็งแกร่งขนาดนี้ จะแพ้ก็เป็นเรื่องปกติ!”

ทุกคนในตระกูลฉิน ต่างรู้สึกชื่นชมเลื่อมใสเมื่อได้เห็นกระบี่นี้ของฉินหนันเทียน

ฉินอู๋ซวงมองอย่างเทิดทูนบูชา “คิดไม่ถึงจริงๆว่า คลื่นสามชั้นหลงเหมิงกระบวนท่ากระบี่สุดท้ายของตระกูลฉินเรา จะแข็งแกร่งทรงพลังถึงขนาดนี้!”

“ไอ้เด็กนี่กล้าล่วงเกินตระกูลฉินของเรา ท่านเจ้าบ้านจะต้องชนะให้ได้นะขอรับ!”

“ท่านเจ้าบ้านต้องชนะ!” พวกคนในตระกูลฉิน ต่างตะโกนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นฮึกเหิม

ฉินหนันเทียนที่อยู่กลางอากาศ ก็มีจิตใจที่เร่าร้อนฮึกเหิมมากเช่นกัน เหยียดตามองเหมือนเห็นว่า หลินหยุนเป็นคนที่ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

“ไอ้หนู รอให้ฉันฆ่าแกแล้ว ฉันก็จะไปช่วยดูแลครอบครัวของแกอย่างดีเลยล่ะ! ฮ่า ๆๆ … ”

ดวงตาที่เดิมทีคงความลึกล้ำสงบนิ่งของหลินหยุนคู่นั้น พลันสาดฉายแสงเย็นเยียบขึ้นทันที “รนหาที่ตาย!”

หลินหยุนก้าวออกไป ทะยานเข้าใส่กระบี่เล่มนั้นของฉินหนันเทียนตรงๆ

“เฮอะ! ไอ้เด็กนี่ถึงกับใช้หมัดเปล่า ๆ เข้าต้านกระบี่ชิงหงของท่านเจ้าบ้านเลยรึ? ช่างรนหาที่ตายแท้ๆ!”

“ มันคิดว่าหมัดของมัน ทำจากเหล็กชั้นดีอย่างนั้นรึไง? ถึงได้กล้าเอาไปต้านกระบี่ชิงหง มันคงเบื่อชีวิตแล้วล่ะมั๊ง!”

สายตาของพวกคนตระกูลฉิน ต่างมองหลินหยุนราวกับว่า กำลังมองคนตายคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

ฉินอู๋ซวงก็แอบรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เผยสีหน้าชั่วร้ายเหี้ยมโหดออกมาอย่างปิดไม่มิด “หลินชางฉองเอ๋ยหลินชางฉอง แกนี่มันช่างหยิ่งยโสโอหังซะจริง ถึงกับคิดจะใช้หมัดเปล่าๆเข้าต้านกระบี่ชิงหงของท่านพ่อเชียวรึ!”

“ไปตายซะ!” สามคำสุดท้าย ฉินอู๋ซวงพูดออกมาโดยกดเสียงต่ำอย่างนึกลำพองใจ

“ฮ่าๆๆ ไอ้เด็กเหลือขอ แกตาย … ” ขณะที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ ฉินหนันเทียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นด้วยความย่ามใจเต็มที่

เดิมทียังคิดอยู่ว่าหลินหยุนจะต้องหลบกระบี่นี้เป็นแน่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าหลินหยุนจะฝืนเข้าต้านตรงๆ! อีกทั้งยังใช้หมัดเปล่าๆสองข้างเข้าต้านอีกด้วย ซึ่งในสายตาของฉินหนันเทียนแล้ว ช่างเป็นการกระทำที่รนหาที่ตายโดยแท้!

แต่แล้วก่อนที่เขาจะพูดจบ กลับรู้สึกว่าหมัดของหลินหยุน พลันกำเนิดคลื่นพลังมหาศาลที่ไม่มีใครเทียบได้ ปะทุขึ้นแล้วกระแทกเข้าใส่กระบี่ชิงหงของเขา

เปรี้ยง!

ฉินหนันเทียน ถูกซัดกระเด็นไปพร้อมกับกระบี่จนกระอักเลือด ปลิวไปกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนสะบักสะบอม

“ เป็นไปได้ยังไงกัน!”

สีหน้าของฉินหนันเทียน เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ไม่ต้องพูดถึงกระบวนท่า คลื่นสามชั้นหลงเหมิงแบบเต็มกำลังของเขาก็ได้ แต่พูดถึงกระบี่ชิงหงเล่มนั้นของเขา ก็ไม่ควรจะถูกต้านไว้ได้ง่าย ๆ ด้วยหมัดเปล่า ๆ ที่เป็นเนื้อหนังมนุษย์อย่างนี้

ไอ้เด็กนี่ มันทำได้ยังไง?

“ท่านพ่อ!” ฉินอู๋ซวงถูกผลลัพธ์ที่ปรากฏนี้ ทำเอาตกตะลึงอึ้งค้างไปเสี้ยวเวลาหนึ่ง จากนั้นจึงร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด

ความตื่นตระหนกในใจของเขา ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉินหนันเทียนเลย แค่เลือดเนื้อเปล่า ๆ ของคนคนหนึ่ง มันสามารถต้านกระบี่ที่ทรงพลานุภาพขนาดนี้ได้ยังไงกัน?

แต่ในใจของพวกเส้เทียนหัวแต่ละคน กลับมีความสุขกันถ้วนหน้าจนเกินจะหาใดเปรียบ

“คุณหลินชนะแล้ว! คุณหลินชนะแล้ว! พวกเรามีทางรอดแล้ว!”

ฉินหนันเทียนใช้กระบี่พยุงร่างตัวเอง ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล เช็ดคราบเลือดออกจากมุมปากด้วยใบหน้าดำคล้ำมืดทะมึน จ้องมองหลินหยุนด้วยแววตาเหมือนดั่งงูพิษที่จ้องศัตรู

“ไอ้หนู แกทำให้ฉันตกตะลึงเสียจริง!”

หลินหยุนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาบ้างแล้วในตอนนี้ “แกก็ทำให้ฉันตกตะลึงเหมือนกันนั่นแหละ ถึงกับไม่ถูกฉันซัดจนตาย ดูเหมือนว่าแกยังมีพลังที่ซ่อนเอาไว้อยู่อีกล่ะสินะ”

“จิ๊ๆๆ ถึงยังไงก็ถูกแกมองออกแล้วนี่นะ คงไม่จำเป็นต้องซ่อนมันอีกต่อไปแล้วล่ะ” ฉินหนันเทียนเผยรอยยิ้มอันคลุมเครือออกมาจางๆ

จากนั้น จู่ๆฉินหนันเทียนก็ยืดตัวตรง ร่างกายค่อยๆลอยขึ้นไปบนอากาศทีละน้อย พลังปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อครู่ พลันระเบิดพวยพุ่งออกมาจากตัวเขา

ฉินอู๋ซวงกับพวกคนในตระกูลฉิน ต่างพูดด้วยสีหน้าตื่นตะลึงเต็มใบหน้าว่า “ลอยล่องเหนือนภา ปรมาจารย์ผู้บรรลุขั้นสูงสุด!”

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

Status: Ongoing

มหากษัตริย์ชางฉองหลินหยุนที่ปราบปรามสามโลกไถ่บาปไม่สำเร็จ เกิดใหม่กลับสู่โลกมนุษย์เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชาติปางก่อน ได้เมียที่สวยเซ็กซี่ดูเป็นผู้ใหญ่กลับครอบครองไม่ได้ ชาตินี้ หลินหยุนจะทำยังไง……ชาติก่อน เขาเป็นคนไร้ความสามารถที่ใครๆต่างดูถูก ชาตินี้ เขาเป็นหมอเทพหลินในวงการแพทย์ ตาทิพย์หลินในวงการของโบราณ อาจารย์หลินในวงการฮวงจุ้ย และหลินชางฉองในวงการบู๊ เมื่อเขากลับมาสู่เทวโลกอีกครั้ง พบว่าเทวโลกมีการเปลี่ยนแปลง หลายคนที่กำลังไถ่บาปรวมตัวกัน พวกเขาจะทำได้ดั่งใจหวังหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท