บทที่ 156 เหยียนเสวเหวินที่ต่ำช้า
เพื่อนๆผู้หญิงสามสี่คนที่อยู่หอพักเดียวกับจางเหมิง แววตาที่มองไปยังหลินหยุนเต็มไปด้วยความดูถูก แม้แต่โหลวจิ้งโยวที่นิสัยดีที่สุด ก็ยังแอบขมวดคิ้ว
แม้ว่านายจะไม่มีเงิน แต่ก็ไม่ควรนำผลไม้ที่คนอื่นกินเหลือมาเยี่ยมคนป่วย!
นี่ไม่ใช่เป็นการมาเยี่ยมคนป่วย แต่เป็นการทำให้คนอื่นอับอาย
เทพสายฟ้าไอ้หมอและเพื่อนสามสี่คนเก้ๆกังๆไปสักพักหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาก็ไม่ชอบจางเหมิงและเหยียนเสวเหวินเหมือนกัน แต่หลินหยุนทำแบบนี้ มันก็เกินไปหน่อยจริงๆ
จางเหมิงแอบมองดูพ่อแวบหนึ่ง แอบคิดในใจ นี่น่าจะเบี่ยงเบนความสนใจของพ่อได้แล้วสินะ!
แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าพ่อของจางเหมิงจัดการยากกว่าที่จางเหมิงคิดไว้ ทุกคนต่างก็เบนความสนใจมายังหลินหยุน แต่เขาเพียงแค่มองดูหลินหยุนอย่างนิ่งๆ แล้วก็ไม่ได้สนใจเลย
จากเสื้อผ้าของหลินหยุน เขาก็มองออกแล้วว่าหลินหยุนเป็นคนธรรมดามาก คงไม่เอาของเยี่ยมอะไรดีมาหรอก สามารถเอาตะกร้าผลไม้ครึ่งวงกลมมาได้ก็ถือว่าดีแล้ว
และพ่อของจางเหมิงมีท่าทีที่รู้จักปฏิบัติ ไม่เหมือนกับจางเหมิงแน่นอน
เขาคิดว่าคนอื่นมาเยี่ยมคุณ ก็เป็นการไว้หน้าคุณแล้ว คุณยังมาจุกจิกอีกว่าคนอื่นจะเอาอะไรมาเยี่ยม นี้ถือเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจริงๆ!
ก็เปรียบเทียบกับการไปเยี่ยมญาติในช่วงปีใหม่ ครอบครัวใครบ้างญาติพี่น้องมาเยี่ยมยังจะจุกจิกเรื่องของเยี่ยม!แม้ว่าจะเอาของเยี่ยมที่เป็นของปลอมมาเยี่ยม ก็แค่มองออกแต่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
ยังมีอีกอย่างนึง พ่อของจางเหมิงมองออกว่าจางเหมิงวางแผนร้ายต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเขา เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เขาถามเหยียนเสวเหวินต่อ
“พอแล้ว แกไม่ต้องคิดให้เสียแรงเปล่าแล้ว ไปหาตัวคนที่มีบุญคุณกับครอบครัวเรามา เรื่องนี้มันสำคัญกว่าเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น”
“วันนี้ จะต้องถามให้มันชัดเจน!”
พ่อของจางเหมิงมองไปยังเหยียนเสวเหวิน พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไอ้เด็กแสบ แกโทรศัพท์เลย!”
ในเวลานี้ ก็ดึงความสนใจของทุกคนกลับมาอีกครั้ง ทำเอาเรื่องเล็กน้อยที่ไม่สำคัญของหลินหยุนหลบไปอยู่ข้างๆเลย
พ่อของจางเหมิงนี่ก็ถือว่าช่วยหลินหยุนให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ยากลำบาก ไม่งั้นจางเหมิงคงเยาะเย้ยหลินหยุนอย่างมากแน่นอน
เหยียนเสวเหวินรู้ว่าวันนี้คงหลบหลีกไม่ได้แน่ๆ และเขาก็อยากรู้ว่าจริงๆว่าพ่อของตัวเองเป็นคนช่วยตระกูลจางหรือเปล่า
ดังนั้น เหยียนเสวเหวินก็หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อหน้าผู้คนกดโทรไปหาพ่อแล้ว
สายตาของทุกคนกำลังมองไปยังเหยียนเสวเหวิน ช่วงนี้ในช่วงเวลานี้เหยียนเสวเหวินเป็นจุดสนใจมาก ฉินโส่ว หลี่หงถูและเสิ่นหย่งเป็นต้น เหล่าทายาทเศรษฐีที่ส่องประกายระยิบระยับต่างก็ถูกเขาเปรียบเทียบแล้ว
แถมยังได้ครอบครองสาวสวยที่ตัวเองชอบแล้ว แม้ว่านิสัยของจางเหมิงจะแย่มากก็ตาม แต่รูปร่างหน้าตานั่นเรียกว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม ผู้ชายมากมายยังอยากได้จนน้ำลายหกเลย
ดังนั้น หลายคนก็รอเหยียนเสวเหวินได้รับแจ้งจากพ่อของเขาว่า ไม่ใช่ตระกูลของพวกเขาที่ช่วยเหลือตระกูลจางไว้
แบบนี้พฤติกรรมความเย่อหยิ่งทั้งหมดของเหยียนเสวเหวิน ก็เป็นแค่เรื่องขำขันเท่านั้น
หลินหยุนที่ยืนอยู่มุมกำแพงมองเห็นเข้าใจทั้งหมด และก็มองไปยังเหยียนเสวเหวินด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าอีกครู่เหยียนเสวเหวินจะมีหน้าไปเผชิญกับพ่อของจางเหมิงได้อย่างไร
รับสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เหยียนเสวเหวินมองไปที่พ่อของจางเหมิงแวบหนึ่ง รีบเอ่ยถามว่า “พ่อ ผมอยากถามหน่อย พ่อเป็นคนไปหาคุณอาหลินที่สำนักภาษี ให้เขาช่วยพูดให้ผู้มีอิทธิพลออกหน้าช่วยเปิดสงครามกับบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปใช่ไหม?”
“ลูก พ่อกำลังอยากจะพูดกับลูกเรื่องนี้อยู่พอดีเลย ก่อนหน้านี้ยุ่งมาก ไม่ทันได้คุยกับลูก พ่อไปหาคุณอาหลินที่สำนักภาษีเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว แต่เมื่อคุณอาหลินได้ยินว่าบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ป แสดงออกมาว่าอยากจะช่วยแต่ไม่สามารถช่วยได้ พ่อจึงกลับบ้านแล้ว”
“ตอนนี้พ่อได้ยินว่าท่านเจี่ยงเริ่มเปิดสงครามกับบริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปแล้ว บริษัทชิงเหมิงกรุ๊ปถูกไล่ออกจากเมืองหลินโจวแล้ว ครอบครัวของเพื่อนลูกคนนั้นโชคดีมากเลยนะ”
ในใจของเหยียนเสวเหวินสะอึกกึกๆ ไม่ใช่เขา คนที่ช่วยเหลือครอบครัวของจางเหมิงไม่ใช่เขา!
จะทำยังไงดี ?จะทำยังไงดี ?
ถ้าบอกความจริงกับจางเหมิงไป เธอยังจะดีกับตัวเองไหม?
ถ้าคำตอบเป็นปฏิเสธ เหยียนเสวเหวินเข้าใจนิสัยของจางเหมิงดีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจางเหมิงสามารถขอร้องให้ปรมาจารย์หลินคนนั้นช่วยเหลือได้ จางเหมิงก็คงไม่ได้เหลียวมองเขาสักเท่าไหร่
หน้าตาของเขาน่าเกลียดเกินไป
และถ้าหากเมื่อรู้ว่าคนที่ช่วยครอบครัวจางเหมิงกลับว่าไม่ใช่เขาเหยียนเสวเหวิน เพื่อนๆเหล่านี้จะมองเขาว่ายังไง?
ทุกวันนี้แม้แต่หลี่หงถูแล้วก็เสิ่นหย่งที่เป็นคู่อริกับเขามาตลอด ล้วนแต่เคารพเขาอย่างมาก ธุรกิจของครอบครัวพวกเขาถึงขั้นกับน้ำขึ้นเรือย่อมลอยขึ้นสูงตาม
ถ้าหากในเวลานี้เมื่อเพื่อนนักเรียนรู้ความจริงเข้า จะมองเขายังไง?
คงจะด่าเขาว่าเป็นคนหลอกลวงแน่ๆ ความรุ่งโรจน์ที่เขาได้รับ ก็คงจะหายวับไปทันที เขาคงจะตกจากยอดพีระมิดลงมาสู่พื้นดินในทันที ล้มจนร่างกายแหลกเหลว
ไม่ ไม่สามารถพูดความจริงออกไปได้
เหยียนเสวเหวินตัดสินใจในใจอย่างรวดเร็ว ยังคงรักษาสีหน้าเอาไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง
“เป็นคุณอาหลินที่ช่วยเหลือไว้จริงๆ!โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว!”
พูดออกไปอย่างมีความสุข แล้วเหยียนเสวเหวินก็วางสายเลย ทำเอาพ่อของเขาที่อยู่ในสายอึ้งไปเลย
“คุณอาจางครับ ผมได้โทรศัพท์ไปยืนยันกับพ่อแล้วครับ”
“คุณอาหลินเป็นคนเชิญผู้บัญชาการหวางของสำนักภาษีให้มาออกหน้า แล้วพูดขอความช่วยเหลือจากท่านเจี่ยง”
เหยียนเสวเหวินพูดไปยิ้มไป ดูแล้วเป็นธรรมชาติมาก แต่เบื้องหลังของเขานั้นตื่นเต้นจนเหงื่อตกหมดแล้ว
จางเหมิงรีบเอ่ยพูดทันทีว่า “พ่อ เห็นแล้วใช่ไหมคะ!แม้แต่ลุงเหยียนก็ยืนยันกับปากแล้ว ครั้งนี้พ่อน่าจะเชื่อแล้วนะคะ!”
สายตาของหลินหยุนเหล่มอง ไปยังเหยียนเสวเหวินเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเหยียนเสวเหวินจะใจกล้าขนาดนี้
แต่ว่าหลินหยุนก็แค่ถือโอกาสช่วยจางเหมิงเท่านั้น ก็ไม่ได้คิดจะให้ครอบครัวจางรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณอะไร ดังนั้นเขาจึงขี้เกียจที่จะไปเปิดโปงเหยียนเสวเหวิน
สีหน้าพ่อของจางเหมิงค่อนข้างผ่อนคลายลง ช่วงนี้เขาก็พอได้ยินข่าวคราวมาบ้าง บางองค์กรที่เป็นศัตรูกับตระกูลเหยียน จู่ก็เชื่อมสัมพันธไมตรีกับตระกูลเหยียนทุกวิถีทาง
และก็มีบางองค์กรที่มีอำนาจไล่เลี่ยกับตระกูลเหยียน ก็เริ่มประจบสอพลอตระกูลเหยียนแล้ว
เขาสัมผัสได้ถึงความหมายแฝงที่ผิดปกติที่อยู่ในนั้น
ดังนั้น ในใจของพ่อจางเหมิงยอมที่จะเชื่อว่าตระกูลเหยียนเป็นคนช่วยเหลือพวกเขาไว้
“รออีกสักสามสี่วัน ฉันจะไปบ้านของนายเพื่อขอบคุณพี่เหยียนเอง!” พ่อของจางเหมิงพูดอย่างจริงจัง แต่น้ำเสียงกลับว่าอ่อนโยนขึ้นเยอะเลย
เหยียนเสวเหวินผ่อนคลายไปทั้งตัว เบื้องหน้าอึมครึมเกือบจะเป็นลมล้มพับ ในที่สุดก็ถือว่าผ่านด่านอย่างปลอมๆไปได้แล้ว
แต่ว่าพ่อของจางเหมิงอยากจะไปขอบคุณที่บ้านของเขาด้วยตัวเอง ไม่ได้การ จะต้องรีบโทรแจ้งพ่อของตัวเอง อย่าให้เขาจับได้เด็ดขาด
ส่วนเรื่องที่พวกเขาสวมรอยเอาความดีความชอบไปจะทำให้ท่านเจี่ยงและปรมาจารย์หลินที่แท้จริงโกรธหรือไม่นั้น ตอนนี้เหยียนเสวเหวินก็ไม่ได้สนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว
“คุณอาจางคุณก็เกรงใจกันเกินไปแล้ว คุณมีอะไรบอกผมเดี๋ยวผมนำข้อความกลับไปบอกพ่อให้ก็พอแล้วครับ จะต้องทำให้คุณยุ่งยากไปด้วยตัวเองทำไมกันครับ!” เหยียนเสวเหวินเอ่ยพูดอย่างจอมปลอม
พ่อจางเหมิงพูดอย่างจริงจังว่า “พี่เหยียนช่วยเหลือให้พวกเราข้ามผ่านช่วงที่ยากลำบากนี้มาได้ เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลจาง ฉันสมควรที่จะไปขอบคุณถึงที่”
“แต่ว่า……” พ่อของจางเหมิงมองไปยังจางเหมิงที่อยู่บนเตียง น้ำเสียงเย็นชาลงอีกแล้ว
“มันคนละเรื่องกันเอามารวมกันไม่ได้ เรื่องที่นายทำให้เหมิงเหมิงได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ฉันก็จะบอกพี่เหยียนเหมือนกัน ต่อไปให้เขาสั่งสอนนายให้ดีๆหน่อย”
เหยียนเสวเหวินปวดหัวขึ้นมาทันที มองไปยังพ่อของจางเหมิงด้วยสายตาที่คับแค้นใจ คุณว่าคุณก็อายุปูนนี้แล้ว ทำไมถึงได้ขี้ฟ้องเหมือนเด็กเลย!
ไม่แน่กลับไปก็อาจจะโดนตีอีก
จางเหมิงหมดคำที่จะพูด ต่างก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเหยียนเสวเหวินเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวตัวเอง คิดไม่ถึงว่าพ่อจะยังจับจุดผิดพลาดของคนเขาไม่ยอมปล่อย
ไม่ได้ จะต้องเบี่ยงเบนความสนใจของพ่อให้ได้
จริงสิ หลินหยุน!
จางเหมิงรีบมองไปยังหลินหยุนที่อยู่ที่มุมกำแพงทันที พูดตะโกนว่า “หลินหยุน ทำไมแกถึงยังมีหน้ายืนอยู่ที่นี่อีก?”
พ่อจางเหมิงขมวดคิ้ว พูดตำหนิว่า “เหมิงเหมิง ทำไมถึงพูดกับเพื่อนแบบนั้นละ”
แต่ว่ามีท่าทีแบบทำขอไปที ไม่ได้ตั้งจะตำหนิจางเหมิงจริงๆ ถึงยังไงพ่อของจางเหมิงก็ดูสมจริงมาก คงจะไม่ยอมทำให้ลูกสาวของตัวเองไม่มีความสุขเพียงเพราะไอ้คนจนๆ
หลินหยุนมองผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้อย่างนิ่งๆแวบหนึ่ง มุมปากเผยการดูถูกเหยียดหยามออกมา หันหน้าไปพูดกับฉินโส่วและพวกว่า “ฉันขอตัวก่อนนะ”
พูดจบก็หันหลังเดินออกไปเลย
เทพฟ้าผ่าและคนอื่นๆสีหน้าเย็นชา
เทพฟ้าผ่าตะโกนพูดว่า “ฮึ พวกเราก็ไปกันดีกว่า!”
“เพื่อนๆ รอฉันด้วย!”
ครั้งนี้แม้แต่ฉินโส่วก็ตามออกมาด้วย เขาก็ทนมองดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ